นายซะเหลิมไซ กมมะสิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศลาว แสดงความยินดีที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงสหภาพพม่าเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ในกรุงเวียงจันทน์ ที่ สปป.ลาว เป็นเจ้าภาพ ในฐานะประธานหมุนเวียนอาเซียนปี 2567“การประชุม (รมต.ต่างประเทศอาเซียน) ครั้งนี้เรารู้สึกว่ามีความหวังเล็กน้อยว่าการเข้ามาพัวพัน (engage ของพม่า) จะได้ผล ถึงแม้เราต้องยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในพม่าไม่สามารถแก้ได้ในชั่วข้ามคืน” ท่านซะเหลิมไซกล่าว “เรามั่นใจว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับพม่ามากขึ้นคือการสร้างความเข้าใจมากขึ้น...เกี่ยวกับสถานการณ์ที่แท้จริงในพม่า..ที่เกิดขึ้นในพม่าว่าอะไรเกิดขึ้น”
ท่านซะเหลิมไซ พูดถึง นางมาลา ตาน ไธ่ ปลัดกระทรวงต่างประเทศพม่า ซึ่งเข้าร่วมประชุมวันที่ 29-30 มกราคมที่ผ่านมา ถือว่ารัฐบาลทหารพม่าร่วมประชุมกับสมาชิกอาเซียนเป็นครั้งแรกในรอบสองปี สามปีที่ผ่านมาอาเซียนห้ามรัฐบาลทหารพม่า นำโดยพลเอกมิน อ่อง หล่าย ไม่ให้เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำและทำกิจกรรมใดๆ ในนามอาเซียน โดยกล่าวหาว่าพม่าไม่ให้ความร่วมมือตามฉันทามติ 5 ข้อของผู้นำอาเซียน 10 ประเทศ รวมทั้งพลเอกมิน อ่อง หล่าย ที่มีฉันทามติเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2564 ให้อาเซียนช่วยแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองในพม่า หลังจากพลเอก มิน อ่อง หล่าย ยึดอำนาจจากรัฐบาลเอ็นแอลดีนำโดยนางออง ซาน ซู จี
โฆษกสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (RCSS/SSA) หรือ กองทัพรัฐฉานใต้ กล่าวกับแนวหน้าว่า นับเป็นสัญญาณดีที่ปลัดกระทรวงต่างประเทศพม่าเข้าร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน“นี่เป็นสัญญาณบอกว่ารัฐบาลทหารพม่าผ่อนปรนในความสัมพันธ์กับต่างประเทศและอาเซียนด้วยกันมากขึ้น” โฆษก RCSS/SSA กล่าวและอธิบายว่าสองปีที่ผ่านมารัฐบาลทหารพม่าไม่ยอมให้ความร่วมมือใดๆ กับอาเซียน
“ตั้งแต่ลาวรับตำแหน่งประธานอาเซียนรัฐบาลทหารพม่าให้ความร่วมมืออย่างดียิ่ง” เขากล่าวว่าเมื่อครั้งที่ นายอลุนแก้ว กิตติคุณ ทูตพิเศษอาเซียนพบกับพลเอกมิน อ่อง หล่าย ในต้นเดือนมกราคมเมื่อนายอลุนแก้วประสงค์จะพบปะกับผู้เกี่ยวข้องผู้มีส่วนได้เสียกับทุกฝ่ายในความขัดแย้ง “พลเอกมินอ่อง หล่าย ได้จัดให้ทูตพิเศษได้พบปะประชุมกับ7 กลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้ลงนามหยุดยิงกับกองทัพพม่าตั้งแต่ปี 2552”
ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้พบปะกับทูตพิเศษอาเซียนในกรุงเนปิดอว์ ได้แก่ 1.พรรคปลดปล่อยอาระกัน (ALP) 2. สภาสันติภาพกะเหรี่ยง (KNLA-PC)3. สหภาพประชาธิปไตยลาหู่ (LDU) 4. สันนิบาตปลดปล่อยแห่งชาติเปา (PNLO) 5. กองทัพกะเหรี่ยงประชาธิปไตย (DKBA) 6. ผู้แทนจากพรรครัฐมอญใหม่ (NMSP) และ 7. สภาฟื้นฟูรัฐฉาน (RCSS)
ส่วนกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ลงนามหยุดยิงแล้ว แต่ไม่ได้พบกับทูตพิเศษอาเซียน ได้แก่ สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ที่ต่อสู้กับทหารพม่าหลังการรัฐประหาร แนวร่วมแห่งชาติ Chin (CNF) และ แนวร่วมประชาธิปไตยนักศึกษาเมียนมา (ABSDF)
“เรามั่นใจว่าหากประเทศที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มชาติพันธุ์กดดันให้กลุ่มชาติพันธุ์ที่เหลือเข้าร่วมเจรจา เชื่อว่าสถานการณ์ในพม่าต้องดีขึ้น” แหล่งข่าวกล่าวเสริมว่า “รัฐบาลพม่าก็ให้ความร่วมมือกับจีนเป็นอย่างดีเมื่อวันที่ 31 ม.ค.พม่าจับ 10 ตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่งให้จีนดำเนินคดี”
ผู้สื่อข่าวชาวพม่ามีความเห็นสอดคล้องกับโฆษก RCSS และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทูตพิเศษอาเซียนนอกจากได้ร่วมประชุม กับ 7 กลุ่มชาติพันธุ์แล้วยังได้ร่วมประชุมกับตัวแทน 40 พรรคการเมืองที่จดทะเบียนกับคณะกรรมการเลือกตั้งพม่าและพร้อมลงรับเลือกตั้ง
จึงสรุปได้ว่า ตั้งแต่ สปป.ลาว รับตำแหน่งประธานหมุนเวียนอาเซียน เมื่อวันที่ 1 มกราคม สถานการณ์ในพม่าคืบหน้าไปมาก อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่มีอคติกับรัฐบาลทหารพม่าและสนับสนุนฝ่ายต่อต้าน รายงานการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนในกรุงเวียงจันทน์ว่า รมต.ประเทศอาเซียนเรียกร้องให้พม่าแก้ปัญหาภายในเอง เนื่องจากปัญหาเกิดขึ้นจากการยึดอำนาจเมื่อสามปีก่อน และทำให้มีคนตายหลายพันคน อาเซียนเรียกร้องหลังจากประชุมในประเทศลาวของสมาชิก 10 ประเทศโดยมีนางมาลา ตาน ไธ่ ปลัดกระทรวงต่างประเทศพม่าร่วมประชุมเป็นครั้งแรกในรอบสองปี นอกจากนั้น รมต.ต่างประเทศอาเซียน ยังมีมติสนับสนุน ความพยายามของนายอลุนแก้ว ทูตพิเศษอาเซียนในความพยายาม “เข้าถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง”
สื่อตะวันตกรายงานด้วยว่าพม่าถลำเข้าสู่วิกฤตเมื่อทหารยึดอำนาจรัฐบาลจากการเลือกตั้งของนางออง ซาน ซู จี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งการยึดอำนาจได้รับการตอบโต้โดยการประท้วงครั้งใหญ่ของมวลมหาประชาชนและกระตุ้นให้เกิดการลุกฮือขึ้นจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลทหาร ตั้งแต่นั้นมาประชาชนตายไปแล้ว 4,400 คน และถูกทหารจับตัวเกือบ 20,000 คน ตามรายงานของสมาคมช่วยเหลือ “นักโทษการเมือง” (Assistance Association for Political Prisoners)
อาเซียนซึ่งรับพม่าเข้าเป็นสมาชิกในปี 2540 ได้ใช้ความพยายามทางการทูต แต่ไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากพม่าไม่ให้ความร่วมมือในฉันทามติ 5 จากการประชุมที่จาการ์ตาเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 ซึ่งมีพลเอกมิน อ่อง หล่าย เข้าร่วมด้วย แต่พม่าละเลยไม่สนใจในแผนการช่วยเหลือของอาเซียน จึงถูกแบนไม่ให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำและการประชุมระดับรัฐมนตรีของอาเซียน
นั่นคือการเสนอข่าวแบบเสี้ยวเดียวของสื่อตะวันตก ที่ส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือปฏิบัติการข่าวสหรัฐอเมริกา โดยที่ไม่ได้เสนอในแง่มุมที่ว่าฉันทามติ5 ข้อปฏิบัติไม่ได้ เพราะอเมริกาและตะวันตกขัดขวางผู้ที่ติดตามข่าวการประชุมอาเซียนและวิกฤตพม่า ต้องจำได้ว่า หลังจากอาเซียนมีฉันทามติ 5 ข้อเมื่อวันที่ 24 เมษายน พลเอกมิน อ่อง หล่าย ได้ประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียวทันทีจนถึงเดือนธันวาคม เนื่องว่าฉันทามติข้อที่ 1.บัญญัติว่า “ให้ทุกฝ่ายในพม่ายุติความรุนแรงทันที และให้ทุกฝ่ายแสวงหาแนวทางเจรจาเพื่อหาข้อสรุปอย่างสันติ”
หลังจากรัฐบาลทหารประกาศหยุดยิง 10 วัน ต่อมา นางออง ซาน ซู จี ก็ประกาศปฏิวัติประชาชนทั่วประเทศในวันที่ 4 พฤษภาคม 2564 นางซู จี เรียกร้องให้ประชาชนทุกหมู่บ้านทุกตำบลทั่วประเทศจับอาวุธเท่าที่หาได้ขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาลทหาร และไม่กี่วันหลังจากนางประกาศปฏิวัติประชาชน ซีไอเอที่ฝังตัวอยู่พม่าก็จัดตั้ง “กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People Defense Forces=PDF) และต่อมาก็จัดตั้ง รัฐบาลเงาพม่า ขึ้นมาเรียกว่า “รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติหรือ เอ็นยูจี (National Unity Government=NUG)
พีดีเอฟซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาและตะวันตกร่วมมือกับชาติพันธุ์ติดอาวุธ ออกอาละวาดเข่นฆ่าประชาชน วางระเบิดกวนเมือง ทำลายโครงสร้างพื้นฐาน วางระเบิดรถไฟและอื่นๆ ในเวลาเดียวกันสื่อตะวันตกก็ออกข่าวชื่นชมความสำเร็จของพีดีเอฟและเอ็นยูจีไปพร้อมๆ กับการทำปฏิบัติการข่าวโจมตี พลเอกมิน อ่อง หล่าย ว่า เข่นฆ่าประชาชน เป็นร้อยเป็นพัน อาเซียน ยูเอ็นตลอดถึงประชาคมนานาชาติถูกครอบงำล้างสมองด้วยปฏิบัติการข่าวของอเมริกาที่สร้างภาพเอ็นยูจีและพีดีเอฟให้เป็นเทพและละเลงภาพพลเอกมิน อ่อง หล่าย เป็นมาร
ดังนั้น เมื่อ สปป.ลาว ซึ่งมีชายแดนติดกับพม่าเหมือนจีนและประเทศไทยซึ่งเข้าใจบริบทสังคมการเมืองตลอดถึงความมั่นคงในพม่าอย่างลึกซึ้งและรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร จึงมั่นใจได้ว่า ในยุคที่ลาวเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียน วิกฤตการเมืองในพม่า ต้องดีขึ้นอย่างมีนัย
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี