พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศกร้าวว่าต้องสาวให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลังตัวบงการขบวนการคุกคามขบวนเสด็จฯกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เมื่อวันที่ 4กุมภาพันธ์ ในเบื้องต้นตำรวจ จับกุม น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ นายณัฐชนน ไพโรจน์ สมาชิกไอลอว์มารับทราบข้อหาขับรถแซงบีบแตรไล่ขบวนเสด็จฯ พร้อม ใช้ถ้อยคำดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่
“ตำรวจมีพยานหลักฐานพร้อมดำเนินคดี และต้องสืบสวนสอบสวนให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลังเนื่องจากทำกันเป็นขบวนการเชื่อว่ามีผู้สั่งการให้เด็กทำ” ผบ.ตร.แถลงกับผู้สื่อข่าว แสดงถึงความจริงจังในการดำเนินคดีกับขบวนการชั่วร้ายที่มุ่งทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ และเข้าใจว่าผู้บังคับใช้กฎหมายต้องหาพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ แน่นหนา เพื่อดำเนินคดีกับตัวบงการ หรือ ผู้อยู่เบื้องหลังของกระบวนการชั่วร้ายนี้ ซึ่งเป็นขบวนการใหญ่เชื่อมโยงพรรคการเมืองในประเทศไทยมีเครือข่ายโยงใยไปถึงวอชิงตัน
รัฐบาลและผู้บังคับใช้กฎหมายถึงไม่ค่อยกล้าดำเนินคดีกับขบวนการชั่วร้ายมุ่งทำลายสถาบันหลักของชาติเพราะรู้อยู่เต็มอกว่าทั้งพรรคการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันและแนวร่วมสมุนบริวารนั้นไม่อาจฮึกเหิมล้ำเส้นท้าทายกฎหมายและสังคมไทยได้ หากไม่ได้#กินชีสเค้กอเมริกันเข้าไป และทุกฝ่ายรู้ว่า ทันทีที่ น.ส.ตะวัน กับณัฐชนน ถูกดำเนินคดี ฝรั่งหัวแดงหัวดำและสมุนบริวารในเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นไอลอว์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ฮิวแมนไรท์วอทช์และเอ็นจีโอทั้งไทยฝรั่งที่รับเงินต่างชาติมาสร้างความปั่นป่วนก่อกวนในประเทศไทยจะดาหน้ากันออกมาปกป้องผู้ต้องหาในข้ออ้างปกป้องสิทธิมนุษยชน เสรีประชาธิปไตยสิทธิ์และเสรีภาพในการแสดงออก
จะเห็นได้ว่าทันทีที่ตำรวจ สน.ดินแดงเรียกนายณัฐชนน กับน.ส.ทานตะวัน ไปรับทราบข้อกล่าวหา ทนายความจากไอลอว์เคลื่อนไหวไปขอเลื่อนให้ปากคำ เป็นวันที่ 20กุมภาพันธ์ เพื่อจะได้มีเวลาฟังคำสั่งคำแนะนำจากคุณพ่ออเมริกาว่าขั้นตอนต่อไปจะต้องทำอะไร แต่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาเสียก่อนเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ขบวนการมุ่งร้ายเลยเปลี่ยนใหม่ เป็นใช้มวลชนกดดันให้ประกันตัว
นายณัฐชนน เป็นนักกิจกรรมการเมืองเคลื่อนไหวยกเลิกม.112 กับไอลอว์และเป็นสมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่มีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุลหรือ รุ้ง เป็นแกนนำหลัก การเคลื่อนไหวเริ่มต้นจากการจัดชุมนุมในชื่อ “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน”ที่ลานพระยานาค ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ปี 2563
จะเห็นได้ว่านายณัฐชนนเคลื่อนไหวอยู่กับไอลอว์ซึ่งหน้าที่หลัก คือ เคลื่อนไหวให้ยกเลิกมาตรา 112และเป็นทนายแก้ต่างให้ผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา 112 ซึ่งทั้งไอลอว์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล และฮิวแมนไรท์วอทช์ ต่างก็รับเงินต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรับเงินจาก NED (National endowment For Democracy)ของสหรัฐมาเคลื่อนไหวแทรกแซงกิจการภายในของไทย เอ็นจีโอที่รับเงินรับงานทั้งหลายจึงประสานงานกันเคลื่อนไหวกัดกร่อนบ่อนแซะล้มล้างสถาบันสูงสุดของประเทศไทย ร่วมกับพรรคการเมือง ที่มีนโยบายเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันหลักของชาติ และเคลื่อนไหวภายใต้การกำกับชี้นำของมหาอำนาจและฝรั่งชาติตะวันตก ดังที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพรรคก้าวไกลแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญว่า
...“เราได้รับคำเสนอแนะจากต่างประเทศ ถึงปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย มาตรา 112 มาโดยตลอดดังนั้นต้องยอมรับว่ามาตรา 112 นำไปสู่คำถามมากมาย ก้าวไกลว่าจะต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะมาตรา 112 เท่านั้น แต่ต้องการทำให้วิกฤติการเมือง ของสังคมหมดไป..” คำสัมภาษณ์ของ สส.รังสิมันต์ โรม ซึ่งเป็นอดีตโฆษกพรรคก้าวไกล จึงเป็นที่ยืนยันว่า พรรคก้าวไกลได้รับแนะนำและปฏิบัติตามคำชี้แนะของต่างชาติตลอดมาในประเด็น มาตรา 112 จึงอนุมานได้ว่าพรรคก้าวไกลได้รับคำแนะนำจากต่างชาติให้ใช้การแก้/ยกเลิก ม.112 เป็นเรือธงในการรณรงค์หาเสียง
จึงไม่เป็นเรื่องประหลาดใจที่สื่อตะวันตกโดยเฉพาะสื่ออเมริกาให้ความสำคัญกับทุกการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลและสถานทูตสหรัฐในประเทศไทย มักเชิญพรรคก้าวไกลและนักเคลื่อนไหวแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นแขกของสถานทูตในโอกาสต่างๆ นายเพนกวินถึงได้เพ้อว่าติดใจ “ชีสเค้ก” สถานทูตอเมริกา
คอลัมน์ทวนกระแสข่าว จึงรู้สึกกังวลใจแทนพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ว่าจะดำเนินคดีกับผู้อยู่เบื้องหลังสั่งการให้เด็ก (ตะวัน อายุเกิน 22 ปี ผบ.ตร.ยังเรียกว่าเด็ก) ปฏิบัติการก่อกวนขบวนเสด็จฯได้หรือไม่?
เพราะถึงขั้นนี้แล้วหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังแสดงความเห็นใจเข้าใจในความคับข้องใจของผู้ต้องหาคนสำคัญ ดังที่นายชัยธวัช ตุลาธน โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า..
“...ในกรณีกลุ่มทะลุวัง ผมเข้าใจดี ถึงความคับข้องใจที่พวกเขาแสดงออก แต่ขณะเดียวกัน ผมเชื่อว่าพวกเราทราบดีว่า เนื้อหาสาระกับวิธีการแสดงออกเป็นสองสิ่งที่สำคัญควบคู่กัน การเลือกวิธีแสดงออกแบบใดแบบหนึ่ง ย่อมมีทั้งฝ่ายที่พอใจ/ไม่พอใจ เข้าใจ/ไม่เข้าใจ จึงพึงพิจารณาว่าการแสดงออกทางการเมืองเช่นนั้น สามารถถ่ายทอดความรู้สึกและเหตุผลภายในใจไปยังประชาชนกลุ่มอื่นในสังคม ให้รับรู้และเข้าใจเหตุผลที่แท้จริงของผู้แสดงออกได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวิธีการที่แต่ละคนแต่ละฝ่ายเลือกใช้คืออะไร เส้นที่เรา “ต้อง” ไม่ข้ามไป คือการใช้ความรุนแรงตอบโต้ หรือเจตนาทำลายล้างคนที่คิดไม่เหมือนตนให้หมดไปจากสังคม การกระทำของกลุ่มศปปส.ที่สยามพารากอนในวันนี้จึงเป็นสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง...”
นายชัยธวัช หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นใจถึงความคับข้องใจของกลุ่มทะลุวัง ที่มีพฤติกรรมชั่วช้าสามานย์ต่อราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ที่คนไทยเคารพรักศรัทธาในพระจริยวัตรอันดีงามของพระองค์ท่าน และไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของกลุ่ม ศปปส.ที่ใช้กำลัง กับกลุ่มทะลุวังโดยไม่มองรอบด้าน ฝ่ายที่ใช้อาวุธเป็นการ์ดของตะวันย่อมแสดงว่าสติปัญญาและจิตใต้สำนึกของนายชัยธวัชกับตะวันอยู่ในระนาบเดียวกัน
น.ส.ทานตะวัน นักกิจกรรมวัย 22 ปี ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2565 ขณะยืนไลฟ์สดก่อนมีขบวนเสด็จฯบริเวณถนนราชดำเนินนอก เธอถูกแจ้งข้อกล่าวหา รวม5 ข้อหา โดยข้อหา ม.112 เป็นข้อหาหลัก ตำรวจระบุว่าเนื้อหาที่ตะวันพูดขณะไลฟ์เป็นการ “ด้อยค่า”พระมหากษัตริย์ ระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่นั้นตำรวจ สน.ปทุมวันได้เข้าแจ้งข้อหา ม.112 เพิ่มเติมอีกคดีหนึ่งจากการเข้าร่วมกิจกรรมทำโพลล์สำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จฯที่บริเวณห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่8 ก.พ. ปีเดียวกัน น.ส.ทานตะวันตกเป็นจำเลยคดี ม.112 ถูกส่งตัวเข้าคุกที่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ในขณะที่เป็นสส.และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ใช้ตำแหน่งสส.ประกันตัว น.ส.ทานตะวันแต่ภายหลัง จำเลยขอถอนประกันตัวเอง และใช้วิธีการอดอาหารประท้วง จนศาลพิจารณาว่าอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ทานตะวันเลยได้รับอิสรภาพ ระหว่างพิจารณาคดี และสองปีต่อมา จำเลยที่ได้รับอิสรภาพระหว่างศาลพิจารณาก่อคดีซ้ำๆ ในทำนองเดียวกัน
นายชัยธวัช อดีตบรรณาธิการข่าวหนังสือ ฟ้าเดียวกัน ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยฟ้าเดียวกันเป็นหนังสือเน้นวิพากษ์วิจารณ์ กัดกร่อนบ่อนแซะสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนผันตัว เป็นนักการเมืองกับพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคในปี 2563 และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พรรคก้าวไกล ที่นายชัยธวัช เป็นหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่จนถึงพรรคก้าวไกล พรรคนี้มีนโยบายปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกันคณะราษฎรรุ่นใหม่ ที่หลายฝ่ายมองว่าการปฏิรูป คือ การล้มล้างดังที่ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พรรคก้าวไกลใช้นโยบายแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 หาเสียงไม่เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายกัดกร่อน บ่อนทำลายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ดังนั้นเมื่อนายชัยธวัชซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลแสดงความเห็นเข้าใจว่า “...ในกรณีกลุ่มทะลุวังผมเข้าใจดีถึงความคับข้องใจที่พวกเขาแสดงออก (คือพฤติกรรมชั่วช้าต่อราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่) จึงอนุมานได้ว่า พรรคก้าวไกลกับกลุ่มทะลุวังมีอุดมการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันเหมือนกัน
กลุ่มทะลุวัง พรรคก้าวไกล และมหาอำนาจกับฝรั่งชาติตะวันตกบางประเทศประสานงานกันอย่างใกล้ชิดในแผนการกัดกร่อน บ่อนแซะ ล้มล้างสถาบันหลักของชาติไทยหรือไม่? ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันได้ แต่พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล กลุ่มทะลุวังและชาติมหาอำนาจตะวันตกมันสอดรับประสานกันได้อย่างไร้รอยต่อ
พฤติกรรมที่สอดรับกันระหว่างกลุ่มทะลุวัง พรรคก้าวไกลและมหาอำนาจตะวันตกทำให้หลายฝ่ายรู้สึกกังวลว่ารัฐบาลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่สามารถจะกวาดล้างขบวนการกัดกร่อน บ่อนแซะ ล้มล้างสถาบันหลักของชาติไทยได้ เพราะมันเป็นขบวนการใหญ่ที่สอดรับกันทั้งคนไทยและฝรั่งมังค่า จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยที่เคารพรักศรัทธาในสถาบันหลักของชาติที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกันต่อต้านขัดขวางขบวนการชั่วร้ายโดยใช้มาตรการแซงก์ชั่นทางสังคม
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี