“บุคคลแนวหน้า ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า แนวหน้าออนไลน์/www.naewna.com สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสามย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงที่ซ่อนเร้นให้ปรากฏ ให้สังคมไทยรู้เท่าทันเล่ห์ทันเหลี่ยมนักธนกิจการเมือง ทุนสามานย์นักการเมืองเสียชาติเกิด นักเลือกตั้งชังชาติ ส่ำสัตว์สัมภเวสีติ่งแดงด้อมส้มอย่างเท่าเทียม” เริ่มต้นด้วย #Saveขบวนเสด็จฯ, # ต่อต้านคัดค้านนำผู้ต้องหาคดีผิดมาตรา 112 ร่วมในร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม, # เรารักสถาบัน...
■■ จากคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อพฤติการณ์แก้ไข/ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 บัดนี้น่าจะประจักษ์ชัดแจ้งว่า ประเด็นนี้มีการดำเนินการเป็นขบวนการเป้าหมายคือแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากสถาบันชาติ เคลื่อนไหวมุ่งล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข, ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งผู้ร่วมขบวนการเริ่มทยอยเปิดหน้าออกมาเรื่อยๆ ... ข้อเสนอล่าสุดร่างแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลได้พิมพ์เขียวมาจากแนวคิด “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตผู้นำจิตวิญญาณพรรคอนาคตใหม่ก่อนที่จะแปลงร่างเป็น “พรรคก้าวไกล” ซึ่งสอดคล้องกับ “แนวทางปฏิรูปซ่อนเร้น อันเป็นบันไดนำไปสู่การล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์” อย่างชัดเจน...
■■ “ไม้หน้าสาม” เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินแก๊งก๊วนขบวนการนี้ให้สิ้นซากโดยพลันก่อนที่ “สิ่งมีชีวิตไร้สามัญสำนึก” จะใช้ “สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเหตุให้สังคมไทยแตกแยกอีกครั้ง หลังจากเคยดำเนินการสำเร็จเมื่อ เกือบ 5 ทศวรรษที่ผ่านมา จนเกิดวาทกรรมฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป” เราเชื่อความสามารถของตำรวจไทย เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง, หน่วยข่าวกรอง, ศรภ.จักสามารถคลี่คลายกระชากลากตัวเชื้อชั่วที่ฝังรากอยู่ในสังคมไทยออกมาทำลายได้จนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ธำรงอยู่อย่างเข้มแข็งปลอดภัย...
■■ เป็นอันว่า “หน้าด้านกว่าชนะเลิศ” ที่สุด “หนูน้อยถุงเท้าแดง/เศรษฐา ทวีสิน” ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้นำรัฐบาลก็ผดุง “ความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย” สุดความสามารถอย่างที่ต้องปรบมือให้แก่ “สี่ขาผู้ซื่อสัตย์” ให้ปังปูริเย สุด สุด ตั้งแต่เหยียบแผ่นดินมาตุภูมิ “โจรโกงบ้านฉ้อฉลเงินภาษีประชาชน/นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร” เดินถ่มน้ำลายรดฟ้ารับสารภาพการกระทำความผิดฉ้อราษฎร์บังหลวง พร้อมยอมรับโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา 8 ปี แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จึงโปรดเกล้าฯพระราชทานอภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี แต่บัดนั้นจนบัดนี้ มีกระแสข่าวที่เชื่อถือได้ระบุว่า “โจรโกงบ้านฉ้อฉลเงินภาษีประชาชน/นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร” มีชื่อเป็น 1 ใน 930 รายชื่อที่ได้รับการเสนอชื่อพักโทษตามมาตรา 52 ของกฎหมายราชทัณฑ์ และได้กลับไปอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 โดยไม่ต้องติดกำไลอีเอ็มอีกต่างหาก ... “เศรษฐา” เชลียร์แบบไม่ต้องคิดมาก “เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้ชาติยาวนาน-เป็นนายกฯที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เชื่อจะให้คำแนะนำดีๆ ให้ลูกสาว-อุ๊งอิ๊ง/แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นแนวทางบริหารประเทศได้อย่างดี ไม่รู้ท่านผู้ทรงเกียรติใช้ติ่งส่วนไหนในร่างกายคิดให้โจรทุจริตต่อประเทศชาติบ้านเมือง ฉ้อฉลเงินภาษีประชาชนมาหาผลประโยชน์เป็น “ฮีโร่-วีรบุรุษผู้สร้างคุณูปการเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง”แนะให้ “มองเรื่องอดีตเป็นอดีต ออกมาเป็นประชาชนคนธรรมดา” ทำเยี่ยงนั้นได้จริงหรือ...
■■ คงต้องถาม “หนูน้อยถุงเท้าแดง-เศรษฐา ทวีสิน” และทีมรัฐบาลเป็ดง่อย ทุกๆ ท่าน หลักการต่อไปนี้ “เราไม่สามารถทำให้คนรวยเหมือนกันหมดแต่เราต้องทำให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน” ยังคงใช้กับ“สังคมไทย” ได้อยู่ต่อไปใช่หรือไม่ ... ท่านทั้งหลายคงสะใจสบายใจที่ได้ย่ำยีประชาชนที่ท่านทั้งหลายสำรอกสำรากพร่ำเพ้อความสำคัญอยู่ทุกวี่วัน เป็นชัยชนะความสะใจตอกย้ำความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคมไทยไม่เฉพาะความรวยจน แต่เหลื่อมล้ำกระทั่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และหลักการของกฏหมายอีกต่างหาก “วัฒนธรรมคนศีลเสมอกัน”...
■■ น่าตกใจไม่ใช่น้อยกับคำสรรเสริญเอออวย “โจรอุบาทว์-ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์กติกาด้วยคำว่า “หน้าด้าน” กว่า จนเป็นผู้ป่วยที่ไม่เคยมีใครทราบว่าป่วยหนักด้วยโรคอะไร อาการหนักหนาสาหัสแค่ไหน เยี่ยงนี้ยังจะสำรอกว่าสร้างคุณูปการให้ประเทศชาติบ้านเมือง เป็นที่นิยมของหมู่ประชาชนจำนวนมาก แต่คนเราบูชาเขาเหล่านั้นกลับไม่ล่วงรู้เลยว่าคนที่เขารักบูชาปางตายหรือไม่...
■■ พักโทษก็จะกลับบ้าน “จันทร์ส่องหล้า” โดยที่หมอไม่ต้องเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดแล้วอย่างนั้นหรือ เวงกำของสังคมไทยโดยแท้ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ดูแลบริหารประเทศนี้สร้างความเหลื่อมล้ำในภาคประชาชน บอกอย่างหน้าไม่มียางอายที่สุดว่า โจรอุบาทว์ รายนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนแล้ว อดีตก็คืออดีต อยากทราบจริงหากมีพนักงานในบริษัทแสนสิริทุจริตคอร์รัปชั่นเงินบริษัทจนเกิดความเสียหายคนกระทำผิดคิดชั่วแบบนั้นจะได้รับการปฏิบัติเยี่ยงไรจากอดีตประธาน “แสนสิริ” และจะประกาศให้หมู่พนักงานรับทราบว่าอดีตคืออดีตงั้นหรือ...
■■ “ไม้หน้าสาม” อ่านจดหมายจากนายประกันที่ชื่อ “พิธาคิโอ/พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวน้าพรรคก้าวไกล, อดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล” ผู้สำรอกสำรากใน “ห้องประชุม พระสุริยันสัมปายะสภาสถาน” ให้คนทั้งแผ่นดินที่ติดตามการทำหน้าที่ของท่านผู้ทรงเกียรติผู้แทนปวงชนชาวไทยได้ยินพร้อมกันอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ทุกครั้งที่ผมไปหาคุณตะวันและคุณแบม ผมมองตาตะวันแล้วเห็นพิพิมลูกสาวของผมอยู่ในนั้น” ... ช่างเป็นวาทกรรมสุดประเสริฐที่กลั่นออกมาจากใจถึงใจได้อย่างลึกซึ้งคุ้มค่าทว่าเมื่อ “ตะวัน จัญไร คิดบัดซบ” ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์บีบแตรยาวใส่และขับรถด้วยความเร็ว จี้ขบวนเสด็จฯ 905 “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา เสียงสำรอกปัดป้ายเป็นพัลวันในความรับผิดชอบก็อื้ออึงราวกับว่า “พิธาคิโอ” ขากสเลดเป็นเลือดถ่มถุยขึ้นฟ้ารดหน้าตัวเองเยี่ยงนั้น สมราคาคำพังเพย-ภาษิตจีนที่เหมาะแก่ช่วงเวลา “ตรุษจีน” เป็นยิ่งนักที่ว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข” หรือจะบอกว่า “ไม่มีความจริงความซื่อสัตย์ เรื่องดีๆ จากปากคนเลวคนชั่ว” ... ก็ว่าได้และเนื้อหาจดหมายที่ “คอลัมนิสต์อาวุโส เปลว สีเงิน” นำมาเผยแพร่แล้วไม่ต้องตีความให้มากเวลาว่านี่คือกระบวนการอย่างคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ชัดเจน ตรงประเด็นที่สุด จากนี้ก็อยู่ที่ รัฐบาลเป็ดง่อย, ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์,เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและประชาชนผู้จงรักภักดีต่อสถาบันจะร่วมกันขุดคุ้ยโค่นทำลายขบวนการล้มล้างการปกครอง ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์นี้อย่างไร...
■■ แทบไม่อยากเชื่อว่า กรณี “เจ้าหน้าที่ตำรวจผดุงความยุติธรรมจับนักข่าวเว็บประชาไทและช่างภาพอิสระ” ไปดำเนินคดีในข้อหาสนับสนุนการทำให้โบราณสถานเสียหาย จากการทำข่าวการฉีดสเปรย์สัญลักษณ์ต่อต้านมาตรา 112 ใส่กำแพงพระบรมมหาราชวัง (วัดพระแก้ว) เมื่อ 28 มี.ค. 2566” จะกลายเป็นดราม่าที่มีขบวนการล้มล้างการปกครอง และล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ออกมาดิ้นเร่าๆ ราวโดนน้ำร้อนสาดใส่ ถึงขนาดประดิษฐ์วาทกรรมหรู “สื่อมวลชนไม่ใช่อาชญากร...สื่อมวลชนไม่มีเสรีภาพ” มีอาจารย์จากสถาบันอุดมศึกษา “รั้วจามจุรี/จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” จูงนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ชั้นปีไหนไม่ทราบ ไม่ได้อยู่ในสายตาต้องใส่ใจจำนวนหนึ่งออกมาชูป้ายข้อความต่อต้านคัดค้านการจับกุมสื่อปีศาจและช่างภาพอิสระแล้วก็โอดครวญไปตามออเดอร์ว่าคุกคามสื่อ ลิดรอนเสรีภาพสื่อสารมวลชน ...เอาจริง ถามตรงในวงการสื่อมวลชน ไม่มีสื่อปีศาจชั่วไม่รู้กาลเทศะไม่มีสามัญสำนึกวุฒิภาวะ ปะปนกันเชียวหรือ สื่อมวลชนก็ปุถุชนคนธรรมดา สังคมไทยจึงมีโอกาสเห็นสื่อหยิบสุราที่ก่อประโยชน์ส่วนตน โพสต์ภาพลงแฟนเพจพร้อมข้อความแล้วหน้าตายตีหน้าซื่อว่าไม่ผิดกฎหมายแค่อยากเรียกร้องเปิดโอกาสให้ทุนรายย่อยมีพื้นที่ก่อสงครามการค้ากับกลุ่มทุนผูกขาด อาจจะพบเจอสื่อมวลชนที่ล่วงละเมิดทางเพศ แล้วองค์กรสื่อโอบอุ้มจนราวกับว่าผู้เสียหายเป็นผู้เริ่มอย่างนั้น...■■
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี