มีความจริงในสังคมไทยยุคนี้ที่น่าวิตกมากประการหนึ่งคือ คนรุ่นใหม่ คือคนกลุ่ม Gen Y และ Gen Z มีหนี้สินจำนวนมาก แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือคนกลุ่มนี้ก่อหนี้แล้วอาจจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ซึ่งจะกลายเป็นหนี้สูญในที่สุด เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยเครดิตบูโร (credit bureau) หรือบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ขณะเดียวกันก็พบว่า Gen X ก็มีปัญหาหนี้สินเป็นจำนวนมากเช่นกัน
มีคำถามว่าเหตุใดคน Gen Y และ Gen Z จึงเป็นหนี้กันมาก ตอบสั้นๆ ตรงประเด็นว่า เพราะคนรุ่นนี้สามารถก่อหนี้ได้ง่าย และยังมีค่านิยมว่าการเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ โดยพบว่าคนรุ่นนี้มักเป็นหนี้บัตรเครดิตและหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลมากเป็นพิเศษ คนรุ่นใหม่มักอ้างว่ามีสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตมากมาย ทำนองว่าของมันจำเป็นต้องมี ดังนั้นจึงต้องเป็นหนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่คนเหล่านั้นคิดว่าจำเป็น ทั้งๆ ที่ในความจริงมันคือสิ่งฟุ่มเฟือย แต่เพราะหลงกระแสค่านิยมว่าของจำเป็นต้องมี จึงทำให้คนรุ่นนี้ก่อหนี้ได้ง่าย แล้วก็ไม่คิดว่าก่อหนี้แล้วจะมีปัญญาชำระหรือไม่
ประเด็นต่อมาที่ทำให้คนรุ่นใหม่ก่อหนี้ได้ง่ายเพราะยุคนี้มีกลอุบายการตลาดชักจูงให้ก่อหนี้ได้ง่ายดาย เช่น ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ซื้อสินค้าง่ายๆ ผ่านระบบ online มีบัตรเครดิตได้ง่ายกว่ายุคก่อน และยังสามารถมีบัตรเครดิตได้หลายๆ ใบในเวลาเดียวกัน แล้วยังมีอีกปัจจัยคือ คนรุ่นใหม่ยึดแนวคิดว่าต้องมีชีวิต slow life ไม่ต้องทำงานหนัก แถมยังเข้าใจผิดๆ ว่าชีวิตของตนสามารถหาเงินได้ง่ายๆ จากรูปแบบ passive money คือไม่ต้องทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ไม่ต้องทำงานหนัก แต่ทำงานง่ายๆ สบายๆ แล้วได้เงินมากๆ ทำงานสัก 6-7 ปี ก็ไม่ต้องทำงานต่อไป แล้วฝันว่าจะมีเงินใช้ไปจนตาย แนวคิดที่ว่านี้เป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ที่คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยหลงเชื่อกันมาก ทำให้หลายคนพาชีวิตไปดิ่งสู่ก้นเหวกันทุกวัน
ปัญหาใหญ่ประการสำคัญของสังคมไทยที่หมักหมมมานานคือ คนไทยจำนวนมากมีหนี้ท่วมตัวท่วมหัวท่วมหู คนทุกวัยต่างก็มีหนี้มากบ้างน้อยบ้าง แต่ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือคนรุ่นใหม่หรือคนอายุน้อยเป็นหนี้กันจำนวนมาก แถมเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เป็นจำนวนมากเสียด้วย
ย้อนไปดูตั้งแต่ปี 2563 พบว่ากลุ่มคนที่มีหนี้มากที่สุดคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Y โดยพบว่าช่วงสิ้นไตรมาสแรกของปี 2563 มีหนี้รวม 4 ล้านล้านบาท และเป็นหนี้เสียถึง 2.7 แสนล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม Gen X มีหนี้ 3.7 ล้านล้านบาท มีหนี้เสีย 2.8 แสนล้านบาท ส่วนกลุ่ม baby boomer มีหนี้สินคงค้าง 1.2 ล้านล้านบาท มีหนี้เสีย 8.4 หมื่นล้านบาท ส่วน Gen Z มีหนี้สิน 2.5 หมื่นล้านบาท เป็นหนี้เสีย 1.2 พันล้านบาท พบว่าหนี้เสียของกลุ่ม Gen Z อยู่ในกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อเช่าซื้อที่ไม่ใช่รถยนต์
อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า Gen X เป็นอีกกลุ่มที่มีปัญหาหนี้สินค่อนข้างมาก แต่ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าคือคนกลุ่มนี้ก็มีปัญหาหนี้คงค้างมากประมาณ 1.4 แสนล้านบาท
หลายคนอาจสงสัยว่า Gen X คือคนอายุเท่าไร ตอบว่าคือกลุ่มอายุ 38-54 ปี กลุ่มนี้ได้ชื่อว่าเป็นนักบริโภคนิยม จึงมีหนี้มาก และคนกลุ่มนี้อยู่ในช่วงก่อร่างสร้างตัว ต้องสร้างครอบครัวให้มีฐานะ ดังนั้น จึงก่อหนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็คงไม่มีปัญหาอะไรกับการมีหนี้ เพราะหากมีหนี้แล้วชดใช้ได้ ก็ไม่ถือเป็นปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าเมื่อวันหนึ่งคนกลุ่มนี้ประสบปัญหาขาดแคลนรายได้ เพราะตกงาน หรือเกิด income shock จึงทำให้ไม่สามารถใช้หนี้ที่ก่อไว้ได้ แล้วยิ่งต้องมาเผชิญปัญหาโควิด-19 แพร่ระบาดหนัก คนกลุ่มนี้จึงได้รับผลกระทบไปเต็มๆโดยเฉพาะปัญหาจากหนี้ก้อนโตที่ก่อไว้
สรุปคือคน Gen X, Y และ Z (เกิดช่วง 2539-2552) จำนวนไม่น้อยต่างก็มีภาระหนี้สินรุกรังล้นพ้นตัว แต่ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดพบว่าคนยุคนี้ยิ่งอายุน้อยยิ่งมีหนี้มาก และเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเกิดปัญหา NPL มากด้วย ปัญหาเหล่านี้จะส่งผลให้สังคมไทยในอนาคตเกิดวิกฤตเศรษฐกิจได้โดยง่าย เพราะเป็นสังคมสูงอายุที่ไม่มีเงินออม แต่ขณะเดียวกันก็มีปัญหาคนรุ่นใหม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว สังคมไหนก็ตามที่เป็นแบบนี้ รับรองว่าหนีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจได้ยากมาก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี