จำได้ว่า กรณีฟื้นฟูการบินไทย รัฐบาลลุงตู่เป็นผู้ตัดสินใจให้นำการบินไทยเดินสู่การฟื้นฟูกิจการ

ได้นักบริหารฝีมือดี คุณปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เข้ามาบริหารการบินไทย แล้วก็เป็นประธานบริหารแผนฟื้นฟูกิจการฯ

ขณะนี้ คนที่ออกมาคัดค้าน ดิสเครดิต ด้อยค่าการเดินตามแผนฟื้นฟูการบินไทยตามแนวทางยุครัฐบาลลุงตู่ ก็คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ชอบสร้างภาพ โม้ว่ามีความสามารถกว่าใครในประเทศนี้ กองเชียร์ตามดมก้นกันไม่ลืมหูลืมตา (พิสูจน์มาหลายเรื่องแล้วว่าเหลวเป๋ว)

นายธนาธรออกมาประกาศว่า “ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี จะไม่ตัดสินใจอุ้มการบินไทยแบบที่คุณประยุทธ์ทำ”

แถมยังพูดจาคุยข่ม ด้อยค่า ดูแคลน ว่าการฟื้นฟูการบินไทยแบบที่รัฐบาลลุงตู่จะทำนั้นไม่มีทางสำเร็จ มีหนี้ถึง 1.2 แสนล้านบาท การบินไทยจะยังเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต ไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเองในการแข่งขันระดับโลก รอคอยการช่วยเหลือจากรัฐตลอดเวลา แผนฟื้นฟูตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่า การบินไทยที่ปรับโครงสร้างการบริหาร รีดไขมันออก ในสถานการณ์โควิดคลี่คลายแล้ว จะสามารถทำกำไรก่อนภาษี ได้เฉลี่ยปีละ 1.8 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2566-2578 ติดกันเป็นเวลา 13 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทล้างยอดขาดทุนสะสมได้หมด...ฯลฯ

นั่นไม่ต่างจากถ่มถุย ดูแคลน

แถมนายธนาธรยังพูดถึงการล้มให้การบินไทยล้มละลายอีกต่างหาก

ปรากฏว่า ล่าสุด ผลประกอบการการบินไทยดีขึ้นต่อเนื่อง

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.การบินไทย หรือ THAI นำแถลงผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2566

1. การบินไทย มีกำไรสุทธิ 28,123 ล้านบาท ในปี 2566

เพิ่มขึ้นถึง 11,260% เปรียบเทียบกับปี 2565 ที่มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 252 ล้านบาท

โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ปัจจัยหลักมาจากกำไรจากการดำเนินงานของปี 2566 ที่ทำได้ถึง 40,211 ล้านบาท

เพิ่มขึ้น 416% เปรียบเทียบปี 2565 ที่มีกำไรจากการดำเนินงานที่ 7,797 ล้านบาท

เนื่องจากมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว และความต้องการเดินทางของผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

โดยในปี 2566 ที่ผ่านมามีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เพียงประมาณ 400 ล้านบาท

2. ดีกว่าประมาณการตามแผนฟื้นฟูกิจการ!!!

ปี 2566 การบินไทยมีรายได้รวมจำนวน 1.61 แสนล้านบาท

เพิ่มขึ้น 53% จากปี 2565

เป็นรายได้จากกิจกรรมขนส่งผู้โดยสารที่เติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 79.3%

โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (EBIT) เป็นเงิน 40,211 ล้านบาท

สูงกว่าปีก่อน จำนวน 32,414 ล้านบาท

และมีกำไรก่อนภาษี ค่าเสื่อม และดอกเบี้ยจ่าย (EBITDA) จากการดำเนินงานหลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบิน 42,875 ล้านบาท

ดีกว่าประมาณการตามแผนฟื้นฟูกิจการ!!!

ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขความสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการที่ระบุว่า บริษัทต้องมี EBITDA จากการดำเนินงานในส่วนของการบินไทยหลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบินเกิน 2 หมื่นล้านบาท ในรอบ 12 เดือน

3. เงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสดรวมเพิ่มเป็น 6.71 หมื่นล้านบาท

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ส่วนของผู้ถือหุ้นของการบินไทยติดลบลดลงจากเดิมมาก

โดยติดลบจำนวน 4.31 หมื่นล้านบาท เป็นการติดลบลดลง 27,882 ล้านบาท

และจากผลประกอบการที่เป็นบวก ส่งผลให้บริษัทมีเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสดรวมเพิ่มเป็น 6.71 หมื่นล้านบาท

เพิ่มขึ้น 32,590 ล้านบาท

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการฯ ยืนยันว่าจากทิศทางผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีแผนทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวกภายในปลายปี 2567 ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญสุดท้ายเพื่อนำบริษัทออกจากแผนฟื้นฟูกิจ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำไฟลิ่งเพื่อขออนุญาตขายหุ้นเพิ่มทุนภายในครึ่งแรกของปี 2567 และคาดว่าดำเนินการเพิ่มทุนเสร็จสิ้นในสิ้นปี 2567 

ดังนั้น ส่งผลให้คาดว่าบริษัทจะสามารถดำเนินการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ในช่วงครึ่งแรกปี 2568 พร้อมสามารถนำหุ้นของ THAI กลับเข้ามาซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้

4. ถ้าจะซื้อเครื่องบินใหม่ 45 ลำ เป็นเงินสด ก็ยังได้ !!

ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการฯ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างทำแผนธุรกิจและเป้าหมายธุรกิจปี 2567 เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการเจ้าหนี้ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในครึ่งแรกของปีนี้

อย่างไรก็ดี แนวโน้มผลประกอบการในปี 2567 เชื่อว่า จะยังออกมาเป็นที่น่าพอใจ

โดยคาดว่าปี 2567 จะมีรายได้กลับไปใกล้เคียงกับปี 2562 ในช่วงก่อนโควิดที่มีรายได้ 1.8 แสนล้านบาท

ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากแผนการเพิ่มจำนวนเครื่องบินในปีนี้เป็น 79 ลำจากปี 2566 ที่มี 70 ลำ โดยจะมีการส่งมอบเพิ่มเติมจากเช่าดำเนินการ

สำหรับอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ดี แม้แนวรายได้จากค่าโดยสารจะลดลงจากการแข่งขันรุนแรงเพิ่มขึ้น ถือเป็นความเสี่ยงของธุรกิจในปีนี้ เนื่องจากจะเห็นสายการบินอื่นๆ นำเครื่องบินที่เคยหยุดการบินก่อนหน้านี้กลับมาบินเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของสายการบินใหม่ๆ ที่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นด้วย

ปัจจัยต้องติดตามคือราคาน้ำมันอากาศยานซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 39% ของต้นทุนรวมของบริษัท ซึ่งปัจจุบันราคายังทรงตัวในระดับสูงกว่าประมาณ 100-110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รวมปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยนยังมีความผันผวนสูงมาก ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อผลการขาดทุนหรือกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ แต่จะไม่กระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัท

คาดว่า จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่มีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่อง ณ สิ้นปี 2567 บริษัทยังคงมีกระแสสดเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 6.7 หมื่นล้านบาท อีกทั้งหากประเมินแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จะทำให้บริษัทมีความสามารถเริ่มทยอยชำระคืนหนี้ให้กับเจ้าหนี้ได้ตั้งแต่ในปีนี้เป็นต้นไป เฉลี่ยประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี รวมระยะเวลา 12 ปี เป็นจำนวนหนี้รวมประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ได้ครบตามแผนที่วางไว้

สำหรับแผนในการจัดเครื่องบิน 45 ลำ เพื่อนำมาเสริมฝูงบิน จะไม่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องบริษัท เนื่องจากบริษัทได้พิจารณาแล้วว่ามีเงินเพียงพอในการรองรับแผนจัดหาเครื่องบินดังกล่าวได้ วิธีการจัดเครื่องบินกับแหล่งเงินทุนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาทางเลือกที่ความเหมาะสมทั้งรูปแบบการเช่าดำเนินการหรือการกู้ยืมเงินมาเพื่อมาจัดหาเครื่องบินให้เป็นไปตามแผนงานที่บริษัทวางไว้

“จริงๆ แล้วดูจากฐานะการเงินกับผลประกอบการของเราแล้ว เครื่องบินจำนวน 45 ลำ บริษัทสามารถซื้อด้วยเงินสดได้ เพราะว่าเครื่องบินที่กำลังจัดหาไม่ได้จ่ายเงินทันที แต่เครื่องบินจะทยอยเข้ามาตั้งแต่ปี 2570-2573 ซึ่งเงินส่วนใหญ่จะจ่ายก่อนที่จะรับมอบเครื่องบินซึ่งสามารถนำไปใช้บินสร้างรายได้กลับมาได้เลย ไม่เหมือนการจองคอนโดมิเนียมที่ผู้จองต้องจ่ายเงินล่วงหน้าก่อนที่จะก่อสร้าง แต่กลยุทธ์จริงที่จะใช้จัดหาเครื่องบินของบริษัทต้องมาพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้งเพราะยังมีเวลาตัดสินใจ”- ดร.ปิยสวัสดิ์กล่าว

5. ชัดเจนว่า การบินไทยทำได้ตามแผน และทำได้ดีกว่าแผนด้วยซ้ำ

การบินไทยฟื้นจริง การบินไทยนายแน่มาก

นับเป็นข่าวดี และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่ผ่าตัดการบินไทย ในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิด และกำลังจะกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่องจากปีที่แล้ว รับกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก

รัฐบาลควรสนับสนุนให้การฟื้นตัวของการบินไทย มีความยั่งยืน ต่อเนื่อง

อย่าให้การเมืองสามานย์เข้ามาหากินในการบินไทยได้อีก

ส่วนการเมืองขี้โม้ คุยอวดโอ้หลอกเด็กไปวันๆ โดยตัวเองไม่เคยทำอะไรสำเร็จ เก่งแต่สร้างภาพปั่นกระแส... ไปโน่น ไปไกลๆ เลย

อีกไม่นานคนที่เคยเลือกคงตาสว่าง ว่าหลงเลือกไอ้พวกส้มขี้โม้ที่ไม่เคยทำงานใหญ่ประสบความสำเร็จสักอย่างได้อย่างไร

สารส้ม