เมื่อวานนี้ (11 กันยายน 68) กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรม เดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้เร่งดำเนินการตรวจสอบกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐให้การช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นจากการถูกคุมขังในเรือนจำ ด้วยการนำตัวไปอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยมิชอบ
เรียกว่า เป็นคดีอาญาป่วยทิพย์ชั้น 14
ซึ่ง ป.ป.ช. ไต่สวนอยู่เดิม และกำลังจะนำคำสั่งของศาลฎีกาฯ ที่ให้ทักษิณกลับเข้าไปรับโทษจำคุกให้ถูกต้องครบถ้วน 1 ปี นำไปประกอบการพิจารณาไต่สวนและขยายผลของป.ป.ช.
1. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. เปิดเผยว่า ข้อเรียกร้องหลักมี 3 ข้อ คือ
1) ขอให้ ป.ป.ช. ขยายผลหาผู้กระทำผิดเพิ่มเติม โดยเฉพาะ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
2) ให้เร่งสรุปสำนวนและฟ้องร้องข้าราชการ 12 คนที่ถูกชี้มูลความผิดไปแล้ว
และ 3) ให้ดำเนินคดีต่อนายทักษิณเพิ่มเติมในฐานะเป็น “ตัวการหรือผู้สนับสนุน” ให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายพิชิตยังกล่าวอีกว่า ไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะล่าช้า เพราะเชื่อว่า ป.ป.ช. ไม่สามารถลงเสียงเป็นอย่างอื่นได้ เนื่องจากคดีสิ้นสุดแล้วที่คำสั่งศาลฎีกาฯ และในวันพรุ่งนี้กลุ่มจะเดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านที่กรมราชทัณฑ์เพื่อไม่ให้มีการคุมขังนายทักษิณนอกเรือนจำด้วย
2. ป.ป.ช. จ่อเชือด
สถานีข่าว Top News รายงานข่าวประเด็นสำคัญ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2568 ระบุว่า ป.ป.ช.จะขอคำสั่งศาลฎีกาฯ ฉบับเต็ม รวมถึงบันทึกพยาน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาไต่สวนขยายผล
นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะรองโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการ 12 ราย เอื้อประโยชน์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งบังคับโทษจำคุก 1 ปี นายทักษิณ
นายภูเทพ ระบุว่า
...คำสั่งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. เป็นคำสั่งแบบย่อ ต้องมาดูรายละเอียดฉบับเต็มว่าศาลว่าอย่างไรบ้าง เพราะเท่าที่ดูเอกสารที่ออกมาเผยแพร่ ศาลยังไม่ได้ระบุตัวบุคคลว่าเป็นนาย ก. นาย ข.เพียงแต่เป็นการกล่าวถึงในบางตำแหน่งเท่านั้น เช่น พยาบาล หรือ พัศดีเวร (เจ้าหน้าที่เรือนจำที่ปฏิบัติหน้าที่ในเวรประจำวัน) ขั้นตอนของ ป.ป.ช. ตอนนี้อยู่ระหว่างการขอคัดคำสั่งศาลฉบับเต็มมาดู
ที่สำคัญ ตัวพยานที่เบิกความในชั้นศาล 31 ปาก ต้องมาดูว่าเป็นพยานที่ ป.ป.ช. เคยเรียกมาสอบปากคำแล้วหรือยัง หากเรียกมาแล้วต้องดูว่าคำให้การต่อศาลนั้นตรงกับให้กับกรรมการ ป.ป.ช. หรือไม่ รวมถึงพยานหลักฐานเอกสารที่ ป.ป.ช. รวบรวมมาตรงกับที่มีการนำไปใช้ในชั้นศาลหรือไม่
ยืนยันว่า ระหว่างที่ศาลไต่สวน ป.ป.ช. ไม่เคยหยุดนิ่ง ซึ่งได้มีการสอบพยานและเรียกเอกสารเพิ่มเติมเหมือนกัน
ขั้นตอนขณะนี้ คือ รายงานให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบเบื้องต้นก่อนโดย ป.ป.ช. จะต้องไปขอดูบันทึกถ้อยคำพยาน ซึ่งจะต้องไปขอคัดเอกสารมาประกอบแนวทางอีกครั้ง
สำหรับระยะนั้น ถ้าระยะเวลาในการขอคัดคำสั่งศาลฉบับเต็มว่า เท่าที่ประสานเห็นว่าน่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 5-7 วัน แต่เนื่องด้วยเอกสารเป็นถ้อยคำพยานบุคคลถึง 31 ปากและมีพยานเอกสารจำนวนมาก ซึ่ง ป.ป.ช. เองต้องขอไปดูก่อน เพราะศาลจะต้องใช้ดุลพินิจว่าอะไรคัดได้ คัดไม่ได้...
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำสั่งศาลระบุว่านายทักษิณ อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ในส่วนของ ป.ป.ช. จะมีการขยายผลไปในส่วนนี้หรือไม่?
นายภูเทพ กล่าวว่า ป.ป.ช. ต้องดูทั้งหมด เพราะเดิมการตั้งไต่สวนเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด แต่เมื่อมีประเด็นที่ศาลบอกว่านายทักษิณได้ประโยชน์จากการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็ต้องมาดูว่าประโยชน์ที่ว่าใครอะไร และที่สำคัญ ประโยชน์ที่ว่าไปสัมพันธ์กับการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เพราะเดิมประเด็นการไต่สวนมีประเด็นที่ว่าการนำนักโทษไปรักษาตัวข้างนอกเรือนจำมีการปฏิบัติที่ฝ่าฝืนกฎหมายราชทัณฑ์และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และการนำตัวนักโทษไปรักษาที่โรงพยาบาล มีการกระทำข้ามขั้นตอนระเบียบว่าด้วยการส่งตัวผู้ป่วยหรือไม่
เพราะฉะนั้น ความจริง อยู่ในกรอบอำนาจ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการได้อยู่แล้ว เพราะคำว่าผู้ถูกกล่าวหาของ ป.ป.ช. จะรวมถึงตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน คือ เอกชน
ซึ่งเอกชนในที่นี้ ต้องไปดูว่านอกจากที่ปรากฏในคำสั่งศาลแล้ว จะมีเอกชนคนไหนด้วยหรือไม่
หากเอกชนมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะมีความผิดในลักษณะสนับสนุนเจ้าพนักงานในการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือการสนับสนุนตามมาตรา 157
แต่ขณะนี้ ยังไม่ทราบว่านอกจากจำนวนข้าราชการที่ ป.ป.ช. ตั้งไต่สวนแล้วจะมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มอีกหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกก็ได้ หรือมีเอกชนเพิ่มเติมอีกก็มีความเป็นไปได้
เมื่อถามว่า การไต่สวนของ ป.ป.ช. จะรวมถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯที่กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ด้วยหรือไม่?
นายภูเทพ กล่าวว่า เดิมที การตั้งไต่สวนเป็นเฉพาะข้าราชการ ยังไม่มีนักการเมืองเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตาม หากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของตัวพยานที่ไปเบิกความกับศาล และที่ ป.ป.ช. สอบพยานไว้แล้ว หากมีความเชื่อมโยงไปถึงใคร กรรมการ ป.ป.ช.ก็สามารถตั้งไต่สวนเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือเอกชน
ทั้งนี้ สำหรับข้าราชการที่ ป.ป.ช. ตั้งไต่สวนไปก่อนหน้านี้ มี 10 กว่าราย มีในส่วนเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ข้าราชการตำรวจที่มีตำแหน่งอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ โดยเป็นทั้งผู้บริหารสูงสุดของทั้งสองหน่วยงานดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำสั่งศาลที่ออกมาและผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. มีความเป็นไปได้ที่จะสอดคล้องกันหรือไม่?
นายภูเทพ กล่าวว่า ในส่วนใดที่เป็นข้อเท็จจริงที่มีข้อยุติ เช่น พยานบุคคล ก็ถือว่าบุคคลที่ไปให้การกับศาลย่อมให้การด้วยความเป็นจริง ไม่กล้าให้การเท็จ และเอกสารที่นำเสนอที่ศาลเบื้องต้น ป.ป.ช. ก็ต้องเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง หากข้อเท็จจริงสอดคล้องก็ถือว่าตรงกัน หรือมีเอกสารที่ ป.ป.ช. ได้มา แต่ไม่มีเอกสารในศาล ก็ต้องไปดูว่ามีข้อเท็จจริงที่สอดคล้องและข้อเท็จจริงที่ต้องไปดำเนินการเพิ่มเติมหรือไม่
เมื่อถามว่า ป.ป.ช. มีข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานไหนอีกหรือไม่?
นายภูเทพ กล่าวว่า มี แต่ไม่ขอเปิดเผย ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ขอข้อมูลไปกับหลายหน่วยงาน
เมื่อถามอีกว่า ได้ประมาณการเวลาหรือไม่ หากได้เอกสารจากศาลมาครบเรียบร้อยแล้ว?
นายภูเทพ กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุเวลาได้ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ และกรรมการ ป.ป.ช. คณะใหญ่ลงมาไต่สวนเองทั้งคณะ ฉะนั้น ในส่วนเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช.พร้อมสนับสนุนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำงานอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้จัดลำดับความสำคัญของเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่สำคัญ และอยู่ในความสนใจของสาธารณชน จึงต้องเร่งดำเนินการทำความจริงให้กระจ่างที่สุด
3. โทษฐานบังอาจฝ่าฝืนกฎหมายร้ายแรง สั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อระบบยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายไทย
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งคดีหมายเลขดำที่บค1/2568 เนื้อหาสรุปว่า การบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายทักษิณต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาต่อไปอีก 1 ปี นับแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2566
นั่นเป็นการรับโทษเดิม (คดีหวยบนดิน เอ็กซิมแบงก์ หุ้นชิน) ที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษแล้ว จาก 8 ปี เหลือ 1 ปี
แต่ในคำสั่งศาลฎีกาฯ ยังระบุพฤติการณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร จำเลยทราบข้อเท็จจริงหรือรับรู้เหตุการณ์ได้ว่าตนไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน แต่จำเลยมีเพียงโรคประจำตัวซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาตัวแบบผู้ป่วยนอกได้ โดยไม่จำเป็นต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลดำรวจ เพราะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและสภาวะร่างกายของจำเลยเอง นอกจากนั้น ยังได้ความว่าจำเลยเข้ามามีส่วนตัดสินใจในกระบวนการรักษาของแพทย์ โดยปฏิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจและโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่ให้แพทย์รักษาโดยการรับประทานยาตามอาการและเลือกรับการผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และเป็นผลทำให้การรักษาตัวจำเลยในโรงพยาบาลดำราจขยายระยะเวลาออกไป จำเลยจึงได้รับประโยชน์จากการพักอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ต้องกลับไปถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจนได้รับการปล่อยตัว และไม่อาจอ้างว่าเป็นการดำเนินการของแพทย์และเจ้าหน้าที่มิได้เกิดจากการกระทำของจำเลยเพื่อถือเอาประโยชน์จากระยะเวลาที่พักอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจมาหักวันคุมขังโทษตามคำพิพากษา...
น่าสนใจว่า นายทักษิณ และใครอีกหลายคน ที่เข้าไปสนับสนุน ข้องเกี่ยวกับการช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ในการพานายทักษิณไปอยู่ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ อย่างต่อเนื่องกว่า 180 วัน โดยไม่ได้ถูกคุมขังตามหมายจำคุกของศาลฎีกาฯ อย่างถูกต้อง ใครจะถูกดำเนินคดีอีกบ้าง
คดีนี้ เป็นคดีอาญาที่ ป.ป.ช. กำลังไต่สวน และรอติดตามว่า ป.ป.ช.จะแจ้งข้อกล่าวหาใครเพิ่มเติมอีกบ้าง
เรียกว่า คดีอาญา ทักษิณป่วยทิพย์ชั้น 14
แน่นอนว่า งานนี้ มีโทษจำคุกหนักกว่า 1 ปี
เพราะกฎหมายอาญา มาตรา 157 โทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี
อย่าลืมว่า คดีอาญา ทักษิณป่วยทิพย์ชั้น 14 เป็นผลกรรมจากการกระทำอุกอาจบังอาจฝ่าฝืนกฎหมายร้ายแรง สั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อระบบยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายในช่วงเวลาที่ผ่านมาอย่างหนัก
เพราะฉะนั้น ศาลอาจลงโทษสถานหนักที่สุด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี