กรณีแม่ค้าออนไลน์จำนวนมากโพสต์โวยลั่น หลังถูกธนาคารอายัดบัญชี เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่ายอดเงินที่โอนเข้ามามีความเชื่อมโยงกับ “บัญชีม้า” สร้างความวุ่นวายให้กับผู้ค้าจำนวนมาก
บางรายถูกอายัดตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลักแสนบาท
สำหรับคนค้าขาย การที่เงินในบัญชีถูกอายัด เป็นเรื่องเสียหาย ร้ายแรงมาก เพราะมันคือเงินหมุนค้าขาย ทำมาหากินแต่ละวัน
เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์
ขณะเดียวกัน กลับปรากฏว่า มีการปล่อยให้มีการขายทองคำส่งออกจากประเทศไทยไปกัมพูชามูลค่ามหาศาล ผิดสังเกต ทั้งๆ ที่ นั่นคือ สแกมโบเดีย
1. มาตรการแบบไหนกัน ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน แล้วผลักภาระให้ประชาชนไปหาหลักฐานมาพิสูจน์ความสุจริตของตนเอง
ตามหลักกฎหมาย ต้องสันนิษฐานว่าผู้ต้องการเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด
ทราบว่า การอายัดบัญชีนั้น อ้างว่า มียอดเงินที่โอนเข้ามาเชื่อมโยงกับ “บัญชีม้า”
ย้ำ ไม่ใช่ว่า บัญชีของชาวบ้านที่ถูกอายัดเป็นบัญชีม้า
นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้มีบัญชีถูกอายัดจำนวนมาก
ในความเป็นจริง ตามปกติวิสัย ใครจะโอนเงินจากบัญชีม้า ไปจ่ายค่าอะไร หรือซื้ออะไร แม่ค้าเจ้าของบัญชีปลายทางไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เงินที่เข้าบัญชีตนเองนั้นถูกโอนจากบัญชีม้าหรือไม่
มาตรการแบบนี้ จึงเป็นมาตรการเหวี่ยงแห สร้างภาระเกินจำเป็นแก่ชาวบ้านหรือไม่?
แทนที่จะจัดการที่ตัวบัญชีม้า เป็นสำคัญ โดยต้องมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นบัญชีที่แก๊งต้นตุ๋นให้โอนเงินเข้าไปจริงๆ แล้วขยายผลว่าบัญชีม้านั้น ถูกเบิกถอนออกไปที่ไหน อย่างไร
2. อายัดบัญชี ง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่รู้สี่รู้แปด แค่โทรบอกว่าโดนโกงก็อายัด
แฟนเพจพนักงานสอบสวนหญิง เปิดเผยว่า
“1441 อายัดบัญชี ง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่รู้สี่รู้แปด แค่โทรบอกว่าโดนโกงก็อายัด
อายัดแบบคนอายัดคือใคร กรูก็ไม่รู้ แต่เสือกรู้ชื่อว่า กรูเป็นร้อยเวรโรงพัก และเป็นโรงพักที่ใกล้ สะดวก ที่ ผสห. จะมาให้ปากคำ แจกเบอร์โทรส่วนตัว ผสห.โทรจิกยิ่งกว่าผัว เพราะอยากได้ตังค์คืน
ยังไม่พอ ว่าที่ผู้ต้องหา อ่อ ตอนนี้อาจจะเป็น “คนดีร์” ที่แบงค์ชาติเค้าว่า ที่โดน มิจฉาชีพ มันแจกบัญชีให้ ผสห โอนตังค์เข้าทดลองทำภารกิจด่านแรก และโอนคืนให้
ถูกอ้างว่าเป็น ม้าแถว 1 เลยเดือดร้อนกัน
อายัดเร็วไม่ว่า ถอนอายัดนี่สุด ที่สุดของเจ๋ จะยากไปไหน
ไม่ได้มีคดีเดียวนะจ๊ะ ในมือ พงส.คดีออนไลน์ คนหนึ่งนี้เป็นพัน
เออบ่นแล้วบ่นอีก นับเอาไปประเมินผลการทำงานยังไม่ได้ ไม่อยู่ในระบบ CRIMES เพราะไม่ได้ตัดเลขเป็น เลขรับคดี
ปัญหามันยุ่งตั้งแต่ สอท. ให้ ศปอส.ตร.แจกคดีมาโรงพักละ และแจกเบอร์โทรศัพท์ร้อยเวร ไม่ต้องมีวันเข้าเวรออกเวร
โทรตั้งแต่ตีอะไรไม่รู้ จนดึกดื่น ก็โทร ค่าโอทีรับโทรศัพท์ หลวงก็ไม่ได้จ่าย มือถือกรูก็ซื้อเอง เน็ตก็เติมเอง แถมยังต้องมาถ่ายเอกสารให้ คนดีร์ ที่โดนหลอก แถมเป็นความผิดต่อส่วนตัวด้วยนะจ๊ะ ปลดอายัดก็ไม่ได้
ความเครียดมวลมหาศาลมาตกที่ร้อยเวรโรงพัก
คนอายัดก็เอาท์สอร์ท ขอให้โทรมาอายัด จะโดนหลอกจริงไม่หลอกจริง หรือสมรู้ร่วมคิด“คนดีร์” แบบใด ไม่รู้
ระบบสร้างมา ขอให้ทบทวนด้วย ว่าที่เค้าแจ้งไปอะ ถอนให้ซะที
แต่จะให้ดี บัญชีต่างๆ ธนาคารรู้ได้เลยว่ามีเงินเข้าออกผิดปกติยังไง ให้มีเงินเยอะมีเงินน้อยเงินหมุนเพียงเสี้ยววินาที ไปมอนิเตอร์ตรงนั้น บล๊อคเงินตรงนั้น
กฎหมายให้ธนาคารรับผิดชอบ ไม่ใช่ให้ “พนักงานสอบสวนรับผิดชอบ” ทำนะจ๊ะ
ไม่ใช่มาบอกอะไรก็มาหา “ตำรวจ”
และยังไม่พอ “ตำรวจ สอท.” ที่มีหน้าที่เฉพาะ ก็ไม่ได้ทำทุกคดีเลือกคดีใหญ่ๆ ไปทำ
ทิ้งงานให้ “พนักงานสอบสวนโรงพัก”ที่รบกับ Street Crime ยังไม่พอ ต้องรบกับ Cyber Crime อีก
เศรษฐกิจมันโตด้วยเงิน ถ้าคุมเงินให้อยู่ในประเทศไม่ได้ รับรองมีเจ๊ง
คุมธนาคารไม่ได้ คุมเงินไม่ได้ เงินไหลออกนอกประเทศ ไทยแลนด์ อาจเป็นเวเนซุเอลา และปกปิดข่าวสาร อาจจะเป็น เนปาล2
ส่วนเราก็ก้มหน้าก้มตาทำสำนวนไป ทับท่วมพื้นที่ไปหมด ยิ่งกว่าน้ำท่วม
กรรมของกรู”
3. เพจ Drama-addict เปิดเอกสารภายในของ ตร. เคยเตือนแล้วกระบวนการอายัดบัญชีม้ามีปัญหา
เพจเฟซบุ๊ก Drama-addict โพสต์ภาพเอกสารพร้อมระบุข้อความว่า
“ตำรวจชั้นผู้น้อยส่งมาให้ เป็นเอกสารภายในที่มีการเตือนกันภายใน เรื่องกระบวนการอายัดบัญชีม้า ว่าอาจมีปัญหาตั้งแต่ปีที่แล้ว
กระบวนการอายัดบัญชีม้าที่เป็นอยู่ อาจเพิ่มภาระงานให้พนักงานสอบสวนท้องที่เยอะมาก เพราะกระบวนการ คือ
เมื่อทางศูนย์ได้รับแจ้งบัญชีต้องสงสัยบัญชีม้า
ขั้นตอนหลังจากนั้นเมื่ออายัดบัญชีแล้ว ก็จะมีการส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวนเจ้าของเคส ไปติดต่อกับเจ้าของบัญชีและธนาคาร ว่าเป็นบัญชีม้าหรือไม่
ถ้าไม่ ก็จะได้ถอนอายัด
ขั้นตอนนี้ พนักงานสอบสวนก็พบปัญหา คือ ในฐานข้อมูลที่ระบุว่าอายัดบัญชีเพราะมีความเสี่ยง ก็มีเพียงแค่ชื่อของเจ้าของบัญชีเท่านั้น ไม่มีรายละเอียดอื่นๆว่าถูกอายัดเพราะอะไร
พนักงานสอบสวนก็ไม่รู้จะเอาข้อมูลอะไรไปคุยกับธนาคารและเจ้าของบัญชีที่ติดต่อมา จึงขอเสนอให้กระบวนการอายัดบัญชีที่สงสัยเป็นบัญชีม้า ควรแยกเป็นหน่วยงานเฉพาะออกจากหน้าที่ของพนักงานสอบสวนไปเลย เพื่อไม่ให้ขั้นตอนมันสับสนและสามารถแก้ไขปัญหาบัญชีม้าได้โดยมีประสิทธิภาพ
ซึ่งตำรวจชั้นผู้น้อยหลายคนพยายามส่งเสียงเรียกร้องให้แก้ไขขั้นตอนนี้
แต่ก็อย่างที่เห็น ยังไม่มีการแก้ไข จนเกิดปัญหาแบบที่เขาคาดการณ์ไว้เมื่อปีที่แล้วในที่สุด”
4. นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ ได้ขยายขอบเขตการติดตามเส้นทางการเงิน เพื่อกักเงินที่โยงกับบัญชีม้ามาคืนผู้เสียหายให้มากที่สุด ส่งผลให้บัญชีที่อยู่ในเส้นทางเงินดังกล่าวถูกระงับการใช้งานชั่วคราว และกระทบต่อประชาชนสุจริตจำนวนมาก
ทั้งนี้ ธปท. ยืนยันว่าได้หารือกับ ศปอท. และธนาคารพาณิชย์แล้ว
มีมติร่วมกันเร่งปรับแนวทางการอายัดบัญชี และพิจารณากระบวนการปลดอายัดให้รวดเร็วขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์
สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบในระหว่างนี้ สามารถติดต่อเพื่อขอยกเลิกการระงับบัญชีได้ที่ ศูนย์ AOC หมายเลข 1441 ต่อ 2
5. ขณะเดียวกัน ปรากฏพฤติกรรมต้องสงสัย เกี่ยวกับการส่งออกทองคำไปกัมพูชากว่าแสนล้านบาทต่อปี
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติบางอย่างในเรื่องของการส่งออกทองคำไปกัมพูชา
ปรากฏข้อมูลเป็นทางการ (ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์)พบว่า การส่งออกทองคำไปยังประเทศกัมพูชามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี
ปี 2564 มูลค่า 8,627 ล้านบาท
ปี 2565 มูลค่า 55,781 ล้านบาท
ปี 2566 มูลค่า 12,562 ล้านบาท
ปี 2567 มูลค่า 105,982 ล้านบาท
ล่าสุด ช่วง 7 เดือนแรกปี 2568 (ม.ค.- ก.ค.) ไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชา มูลค่า 71,312 ล้านบาท
โดยตลาดส่งออกทองคําสําคัญของไทย ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง ลาว อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา จีน และกัมพูชา
ช่วง 7 เดือนแรกปี 2568 (ม.ค.- ก.ค.) ไทยส่งออกทองคำไปตลาดประเทศต่างๆ 10 อันดับแรก ประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ 108,145 ล้านบาท, กัมพูชา 71,312 ล้านบาท, สิงคโปร์ 34,826 ล้านบาท, ฮ่องกง 10,005 ล้านบาท, สปป.ลาว 8,031 ล้านบาท, สหรัฐ 6,628 ล้านบาท, อินโดนีเซีย 5,725 ล้านบาท, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 4,411 ล้านบาท, ญี่ปุ่น 1,629 ล้านบาท และอินเดีย 1,495 ล้านบาท
เหตุใดตัวเลขส่งทองไปกัมพูชาพุ่ง จึงสูงผิดปกติ จนติดอันดับสามของการส่งออก
ทั้งๆ ที่ ในกัมพูชาไม่มีธุรกิจค้าอัญมณีเครื่องประดับรองรับ ไม่ได้มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่โตอะไรด้วยซ้ำ
แต่กิจการในกัมพูชาที่ใหญ่โตระดับโลก ก็คืออุตสาหกรรมแอโกงออนไลน์ สแกมคอลเซ็นเตอร์ กาสิโนฟอกเงิน ฯลฯ
หรือว่า เป็นธุรกิจใต้ดิน ธุรกิจสีดำเหล่านั้นเอง ที่สะสมทองคำ เพื่อฟอกเงิน?
ทางการจะปล่อยให้เรื่องผิดปกติ สามารถเป็นไปตามระบบปกติ อย่างนั้นหรือ?
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้เห็นถึงความผิดปกติบางอย่างโดยเฉพาะในเรื่องของการส่งออก “ทองคำ” ซึ่งอาจจะมีผลที่ทำให้ค่าเงินของไทยแข็งขึ้น โดย กกร.กำลังลงรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้งและจะมีการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลงรายละเอียดที่ชัดเจนและหาแนวทางแก้ไขต่อไป
“จากที่ทราบกันดีว่า ประเทศกัมพูชามีปัญหาในเรื่องของสแกมเมอร์ที่ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้ กกร.มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมประเทศไทยส่งออกทองคำไปยังกัมพูชามากผิดปกติ และมีความกังวลว่าเรื่องนี้จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจใต้ดินหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามและจับตาดูต่อไป เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด การตั้งข้อสังเกตในปัจจัยดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กกร.ยังไม่ได้ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เรื่องนี้อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่คาดไม่ถึง เพราะเป็นเศรษฐกิจนอกระบบ โดยการส่งออกทองคำไปกัมพูชาอาจจะมีทั้งที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย ซึ่งก็ต้องดูที่รายละเอียดกันอีกครั้งหลังการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล ซึ่งหากมองในความเป็นจริงเศรษฐกิจไทยไม่ดี และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยไป 0.25% แล้วเงินบาทต้องอ่อนค่า แต่นี่กลับแข็งขึ้นซึ่งถือว่าผิดปกติ” นายเกรียงไกรกล่าว
6. ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง เคลื่อนย้ายได้ง่าย
ปัจจุบัน การส่งออกทองคำ เพียงแค่แจ้งกรมศุลกากร เพื่อขอใบอนุญาตส่งออกจากสำนักมาตรฐานและราคาศุลกากร เหมือนการส่งออกสินค้าทั่วไป
นี่อาจเป็น “ช่องโหว่” ของการใช้ทองคำในการทำธุรกรรมนอกระบบสีเทา หรือฟอกเงินได้ง่าย โดยไม่มีการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
รายงานข่าวระบุว่า การส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาที่มีตัวเลขสูงมาก พบความผิดปกติในช่วงระหว่างปี 2567 และ 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินในไทยดำเนินการเรื่องการปิดบัญชีม้าอย่างจริงจัง รวมถึงต่อมาก็มีการบังคับใช้กฎหมายของ ก.ล.ต.ควบคุมบัญชีซื้อขายคริปโต ซึ่งเป็นไปได้ว่าขบวนการสแกมเมอร์ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอาจเปลี่ยนวิธีการมาใช้เงินสดซื้อทองคำและส่งออกไปแทน เพราะอย่างที่บอกว่าการซื้อขายทองคำไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล และถ้าเป็นเรื่อง “สีเทา” ก็ต้องเป็นเรื่องที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องเข้ามาตรวจสอบ
ถึงเวลาล็อกเป้า จัดการกับสแกมโบเดีย จัดหนัก จัดเต็ม ทุกมิติ จนกว่าจะชนะสงครามอาชญากรรมออนไลน์
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี