ไม่เกินสัปดาห์นี้..คณะรัฐมนตรี“อนุทิน 1”ของ“นายกฯหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล”..รัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร..คงสำเร็จเสร็จสิ้น..และนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯแต่งตั้งได้
ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา 4 เดือน..ที่พรรคภูมิใจไทยไปทำ“MOA”ไว้กับพรรคประชาชน..ในข้อเท็จจริงตามไทม์ไลน์..ไม่ถือว่าช้า..แต่อาจจะช้าไม่ทันใจสำหรับคนไทยจำนวนหนึ่ง..ที่ใจไปไกลเร็วกว่าแสง..และใช้อารมณ์ตัดสินมากกว่าเหตุผล
รัฐบาลพรรคภูมิใจไทยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล..แค่เริ่มตั้งไข่.. นายกรัฐมนตรีเพิ่งจะรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมานี้เอง..กลับโดนปาก้อนหินใส่เสียแล้ว..เสียงวิพากษ์วิจารณ์แม้จะประปราย..แต่ก็เริ่มดังขึ้น
เพราะมีบางฝ่ายไม่ชอบเป็นทุนเดิม..รวมทั้งฝ่ายแค้นตัวจริงเสียงจริง..คือ พรรคเพื่อไทย..พยายามจะหาจุดอ่อน“เสี้ยม”ให้เป็นเรื่อง
ประการสำคัญ..ก็อาจจะเป็นเพราะ..พรรคภูมิใจไทยแยกไม่ออกกับนายเนวิน ชิดชอบ..นักการเมืองบ้านใหญ่แห่งบุรีรัมย์..ซึ่งถือว่าเป็น“ครูใหญ่”และเป็นผู้นำจิตวิญญาณของพรรคภูมิใจไทย..เฉกเช่น “ทักษิณ ชินวัตร”ของพรรคเพื่อไทย..และ“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”ของพรรคประชาชน
พูดง่ายๆ ก็คือ..ภาพของนายเนวิน ชิดชอบนั้น..เป็นเจ้าของพรรคภูมิใจไทยตัวจริง..หรือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย..ที่เชื่อกันว่าสามารถชี้เป็นชี้ตาย..และกำหนดทิศทางของพรรคภูมิใจไทยได้..เพียงแต่ไม่กระโตกกระตากเหมือน“ทักษิณ ชินวัตร”..ที่มีนิสัยถาวรหรือสันดานขี้อวดชอบประกาศตัว
ด้วยเหตุนี้..ขบวการ“เสี้ยม”ประเภทเซาะกร่อนบ่อนทำลาย..แทนที่จะจับตาไปที่ความมุ่งมั่นตั้งใจของนายอนุทิน ชาญวีรกูล..เป็นประเด็นสำคัญ..กลับพุ่งเป้าไปที่เรื่อง“ข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง”..อันเป็นแผลเรื้อรังมาตั้งแต่ปีมะโว้..ซึ่งเกี่ยวพันกับ“ตระกูลชิดชอบ”..และถูกพรรคเพื่อไทยนำมาขยายผล..เพราะต้องการ“ชำระแค้น”จากการถอนตัวออกจากรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย..อันเนื่องมาจากพรรคเพื่อไทยยึดโควตากระทรวงมหาดไทยคืน
นอกจากนั้น..ก็เรื่อง“ฮั้ว สว.”ที่พรรคเพื่อไทยเปิดศึกกับพรรคภูมิใจไทยแบบ“ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน”..จาก“แค้นฝังหุ่น”ที่พรรคเพื่อไทยเสียรังวัดแก่พรรคภูมิใจไทยที่เก๋าเกมกว่า..จนทำให้“สว.สายสีน้ำเงิน”ยึดกุม“สภาสูง”หรือวุฒิสภาได้
สำคัญที่สุดก็คือ..โดยภาพรวมของพรรคภูมิใจไทยในทุกเรื่องๆ นั้น..ล้วนมีผลสะเทือนต่อการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นหลังจากนี้..เพราะพรรคภูมิใจไทยแข็งแกร่งและวิ่งเบียดชนิดหายใจรดต้นคอพรรคเพื่อไทย..อันอาจจะทำให้ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานถูกตีแตก..จากจำนวน สส.เขต 20 จังหวัด..รวมทั้งหมด 133 คน
ทั้งนี้..สถิติการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา..เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566..จากจำนวน สส.เขตทั้งหมด 133 คน..พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ภาคอีสานมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย..ยังยึดครองที่นั่ง สส.ได้เป็นอันดับหนึ่งจำนวน 72 ที่นั่ง..ส่วนพรรคภูมิใจไทยได้เป็นลำดับสอง..จำนวน 34 ที่นั่ง
และการเลือกตั้งครั้งต่อไป..ที่จะมีขึ้นหลังจากรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยบริหารประเทศครบ 4 เดือนตาม“MOA”..ซึ่งน่าจะอยู่ระหว่างปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายน 2569..เชื่อว่าอย่างน้อย สส.ในเขตอีสานใต้และจังหวัดนครราชสีมารวมทั้งหมด 8 จังหวัด..จำนวน 60 คน..ที่พรรคภูมิใจไทยได้มาในปี 2566 จำนวน 26 คนนั้น..พรรคภูมิใจไทยคงมีโอกาสได้ สส.เพิ่มขึ้นจากเดิมไม่มากก็น้อย
โดยเฉพาะ สส.ใน 4 จังหวัดอีสานใต้จำนวนทั้งหมด 38 คน..ที่เป็นพื้นที่ซึ่งถูกเขมรก่อสงครามรุกรานและชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน..อันต่อเนื่องมาจากกรณี“คลิปอัปยศ”ของ“แพทองธาร ชินวัตร”หัวหน้าพรรคเพื่อไทย..จนเป็นชนวนใหญ่ของสงครามกัมพูชารุกรานไทย..และทำให้“แพทองธาร”ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น..พรรคภูมิใจน่าจะกวาด สส.มาได้ทั้งหมด..จากที่เคยได้ในปี 2566 จำนวน 17 คน
นั่นก็คือ..จังหวัดบุรีรัมย์ 10 คน..จากคราวที่แล้วในปี 2566 พรรคภูมิใจไทยกวาดมาได้ทั้งหมด, สุรินทร์ 8 คน..พรรคภูมิใจไทยได้มา 5 คน, ศรีสะเกษ 8 คน..พรรคภูมิใจไทยได้มา 2 คน..และอุบลราชธานี 11 คน พรรคภูมิใจไทยได้มา 3 คน..ซึ่งคราวนี้ถ้ากวาดมาได้ทั้งหมดใน 4 จังหวัดที่ว่านี้.. พรรคภูมิใจไทยก็จะได้เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 19 คน..ถือว่าไม่น้อยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม..หากใช้สติมองกันแล้ว..ข่าวสารทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้..ล้วนเป็นเรื่อง“ขี้หมูราขี้หมาแห้ง”ตามสำนวนไทย..คือเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องก็จะทำให้เป็นเรื่องจากข่าวที่“เสี้ยม”กัน..ไม่ว่าจะเรื่องเปิดด่านไทย-กัมพูชา..ที่เป็นข้อเสนอของญี่ปุ่น..เรื่องข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง..เรื่องฮั้ว สว. หรือแม้แต่เรื่องรัฐมนตรีที่มาจาก“สายตรงบุรีรัมย์”
ถ้าจะเปรียบรัฐบาล“อนุทิน 1”เป็นภาพยนตร์..หนังเรื่องนี้ไม่ยาว..เป็นหนังม้วนเดียวจบ..มีเวลาแค่ 4 เดือนเท่านั้น..อย่างน้อยในเบื้องแรก..รัฐมนตรีคนนอกมืออาชีพที่ยอมสละเข้ามาทำงาน..ก็ยังเป็นหลักประกันได้ และมีภาพพจน์ที่ดีในสายตาชาวโลก..ซึ่งถือว่าถูกที่ถูกคนใน 4 ด้าน..คือ ด้านกฎหมาย, เศรษฐกิจ, ต่างประเทศ..และความมั่นคง..ทั้งกลาโหม..และโดยเฉพาะมหาดไทย..ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล..จะนั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนี้เอง
รัฐบาลมืออาชีพนั้น..ต้องมีเสาหลัก 4 ด้านที่ว่านั้นเป็นฐาน..ไม่ใช่รัฐบาลมั่วๆ แบบรัฐบาลพรรคเพื่อไทยของตระกูลชินวัตร..ที่ไม่เพียงแต่ตัวนายกรัฐมนตรี..ซึ่งเอาคนไร้สมองขาดความรู้ความสามารถและประสบการณ์มาเป็นผู้นำประเทศ..แม้แต่รัฐมนตรีในกระทรวงหลักทั้ง 4 ด้านดังกล่าว..ก็ยังเอาแต่คนที่เป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยง..และทาสบริวารของนายใหญ่และนายหญิงแห่ง“บ้านจันทร์ส่องหล้า”มาดำรงตำแหน่ง
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจ..ที่สองปีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย..ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด” 2 คน..ประเทศไทยถึงได้วิบัติฉิบหาย..ยิ่งกว่า 8 ปีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา..ที่พรรคเพื่อไทยใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีและด้อยค่า
เรียกว่าคนที่หลงเชื่อยังคล้อยตาม..ทำให้มองไม่เห็นคุณงามความดีและผลงาน..ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สร้างเอาไว้..โดยที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ยอมสานต่อเลยแม้แต่โครงการเดียว..เนื่องจากใจแคบกลัวว่าจะไม่ใช่ผลงานของตนเอง..ทั้งๆ ที่จะเป็นคุณแก่ชาติบ้านเมืองและประชาชนคนไทย
ฝากไว้เป็นข้อคิดเตือนสติสำหรับคนไทย“ที่ใจไปไกลเร็วกว่าแสง”..เพราะหนังเรื่อง“หนูกู้ชาติ”เรื่องนี้ไม่ยาว..ควรทำใจร่มๆ..ทนดูสักนิด
ทีหนังเรื่อง“ขายชาติให้เขมร”ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย..แบบคนไทย“ไม่มีกิน..ไม่มีใช้”..นายกรัฐมนตรี“ไม่มีเกียรติ..ไม่มีศักดิ์ศรี”ยังนั่งทนดูกันอยู่ได้ตั้งสองปี !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี