วันอาทิตย์ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568
หนังสือพิมพ์แนวหน้าฉบับเมื่อวาน (วันที่ 28 กุมภาพันธ์) พาดหัวข่าวว่า “ศรัทธาล้นวางคิวเข้ากราบ“ทักษิณ” รมต.-ปธ.วิป รบ. “วิสุทธิ์” รอเวลานายใหญ่เรียก”
โดยมีเนื้อความโปรยรับข่าวพาดหัวว่า....“ทักษิณ” คนป่วยวิกฤตเนื้อหอมสุดหลังได้รับพักโทษ บรรดารัฐมนตรี ประธานวิปรัฐบาลศรัทธาล้น จ่อคิวเข้ากราบ “วิสุทธิ์”ประธานวิปรัฐบาล รอวันนายใหญ่เรียกพบ ขณะที่บิ๊กทิน รมว.กลาโหม ยังไม่เคาะวัน ด้าน “มนพร” บอกชาวบ้าน เตรียมผ้าขาวม้าผูกเอว คิดถึงนายใหญ่ใจจะขาด ชมเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ช่วยชาติได้อีกมากสื่อเขมรตีข่าว“อุ๊งอิ๊ง” ไปเยือนกระหึ่ม”...
“วิสุทธิ์” ก็คือ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.พะเยา พรรคเพื่อไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ส่วน“บิ๊กทิน”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเจ้าของฉายา “พลิกทินสู่ดาว” ซึ่งเป็นพลเรือนคนแรกของไทยที่ดำรงตำแหน่งนี้โดยไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีควบด้วย
สำหรับ “มนพร” ต้องขยายความ เธอคือ“นางมนพร เจริญศรี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็น สส.เขต 2 จังหวัดนครพนม 3 สมัย หรือ“สส.เดือน”ที่คนในพื้นที่รู้จัก อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็น“ผู้แทนตลาดล่าง” และเป็นนักการเมืองหญิงคนแรกของจังหวัดนครพนมที่มีบทบาทการเมืองและได้รับความนิยมท่วมท้นบนเส้นทางการเมืองนานกว่า 30 ปี เคยเป็นทั้งนายก อบจ.นครพนมคนแรก รวมทั้ง สส.หญิงคนแรก อีกทั้งยังเป็นรัฐมนตรีหญิงคนแรกของจังหวัดนครพนมด้วย
และในวันที่ 2 มีนาคม สุดสัปดาห์นี้ ตามกำหนดการซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ล่าสุดเห็นสวมเสื้อ“สีมายา-ลายดอกพิกุล” ออกงานอีเว้นท์ระหว่างออนทัวร์ 3 จังหวัดชายแดนใต้นั้น มีคิวเดินสายไปทัวร์อีสานต่อที่จังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดร้อยเอ็ด โดย“สส.เดือน”ก็คือแม่งานคนสำคัญ ที่เวลานี้ได้ไปเตรียมการต้อนรับเป็นการล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว ในวันนั้นอาจจะได้เห็นภาพมวลชนคนเสื้อแดงที่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยออกมายืนถือป้ายเชียร์ แบบว่า“รักเศรษฐาแต่คิดถึงพ่อใหญ่ทักษิณ”อะไรประมาณนั้น รวมทั้งป้ายเรียกร้องรัฐบาลเรื่องการแจกเงิน“ดิจิทัล วอลเล็ต”
เช่นเมื่อปีที่แล้ววันที่ 7 ตุลาคม 2566 ระหว่างที่นายเศรษฐา ทวีสิน ทัวร์จังหวัดร้อยเอ็ดครั้งแรก ก็เคยมีชาวบ้านออกมาถือป้ายเรียกร้องเงิน 1 หมื่นบาท จากโครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต” และนายเศรษฐาได้นำไปขยายความเพื่อหวังผลในการโฆษณาชวนเชื่อต่อ ว่ามีประชาชนหลายพื้นที่ได้แสดงเจตจำนงอยากให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการนี้ ทั้งที่สวนทางกับเสียงคัดค้านของนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ และบุคคลหลายๆ ฝ่ายในสังคม
สำหรับโปรยข่าวที่ว่า “สื่อเขมรตีข่าว“อุ๊งอิ๊ง”ไปเยือนกระหึ่ม” นั่นก็คือกำหนดการที่ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร”หัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคมนี้ ตามคำเชิญของ“สมเด็จฮุนเซน” ผู้ทรงอำนาจของกัมพูชา อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ “ฮุนเซน” มาเยี่ยมเยือนนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
“อุ๊งอิ๊ง” ไปในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และไปในฐานะบุตรสาวสุดรักของ“ทักษิณ ชินวัตร”ที่เป็นเพื่อนเกลอของ “สมเด็จฮุนเซน” แม้จะไม่ได้เดินทางไปในฐานะผู้นำรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี แต่ก็มีกำหนดการเข้าพบบุคคลสำคัญของพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของกัมพูชา อาทิ สมเด็จฮุนเซน ประธานคณะองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และอดีตนายกฯกัมพูชา ปัจจุบันยังเป็นประธานพรรค CPP, “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ“เซย์ ซัม” รองประธานพรรค CPP
การเดินทางเยือนประเทศกัมพูชาของ “อุ๊งอิ๊ง”ครั้งนี้ สื่อของกัมพูชานอกจากจะประโคมข่าวแล้ว ยังให้ความเห็นว่า เป็นการเชื่อมสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-กัมพูชา และจะเป็นการผลักดันเพื่อขยายความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งไม่มีรายละเอียดว่า “ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์”นั้นคืออะไร
แต่ถ้าจะอ่านระหว่างบรรทัดของ พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี นักวิชาการด้านความมั่นคง และอดีตนายทหารนักบินแห่งกองทัพอากาศไทย ซึ่งได้แสดงความเห็นในรายการ “แนวหน้า Talk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์”เมื่อสองวันก่อน เชื่อว่าก็คงไม่พ้นเรื่อง“พื้นที่พิพาททางทะเล”ของทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะบริเวณเกาะกูด จังหวัดตราด ที่มีความสำคัญด้านทรัพยากร ทั้งการประมง การท่องเที่ยว และบ่อน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ ที่มีอยู่ใต้ทะเลในบริเวณนี้
เนื่องจากเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยนั้น เกิดจากที่ฝ่ายกัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปทับซ้อน ซึ่งมีเขตพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร โดยเชื่อกันว่าใต้ผิวพื้นทะเลลึกลงไปอาจจะมีก๊าซธรรมชาติอยู่ในปริมาณ 11 ล้านล้านคิวบิกฟุต หรือคิดเป็นมูลค่าในราคาปัจจุบัน 3.5 ล้านล้านบาท และน้ำมันอีก 500 ล้านบาร์เรล คิดเป็นมูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท และบางแหล่งข้อมูลประเมินว่าทรัพยากรปิโตรเลียมในพื้นที่นี้ น่าจะมีมูลค่ามากถึง 10 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544 สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่มี“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการลงนามกับรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งมี“ฮุนเซน”เป็นนายกรัฐมนตรี ใน“บันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน” อันเป็นการลงนามอย่างเป็นทางการของไทยที่ “สว.คำนูณ สิทธิสมาน”ชี้ว่า เป็นการ“รับรู้”และ“ยอมรับ(การมีอยู่)”ของเส้นเขตไหล่ทวีปที่กัมพูชาประกาศออกมาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2515 โดยไม่มีหลักกฎหมายและข้อเท็จจริงใดๆ รองรับ ถือว่าเป็น“เส้นฮุบปิโตรเลียม“ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างสิทธิ
เพราะฉะนั้น การพบกันระหว่างสองผู้ทรงอำนาจของไทยและกัมพูชา แห่ง“ตระกูลชินวัตร-ตระกูลฮุน” คือนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร กับ “ฮุนเซน” ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าก่อนหน้านี้จึงไม่ธรรมดา และยิ่งกระชับแน่นขึ้นเมื่อ“อุ๊งอิ๊ง”จะไปเยือนกัมพูชาในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เป็นการกระชับอำนาจและผลประโยชน์ของสองตระกูล
แต่ที่น่าห่วงเป็นอย่ายิ่งก็คือ ระหว่างผลประโยชน์ของชาติกับผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น คนอย่าง“ทักษิณ ชินวัตร”จะยึดประโยชน์อะไรเป็นที่ตั้ง?!

สลด! ลิงกังกัด ชายวัย 63 เสียชีวิตคาบ้าน พบมือยังถือเหล็กยาว มีบาดแผลบริเวณขาซ้าย
ดราม่าสนั่นเครื่องเล่น Skyflyers เสียงกรี๊ดดังโหยหวนยันดึก ชาวชุมชนรอบเอเชียทีคสุดจะทน
เปิดวินาทีไทยแสดงหลักฐาน ทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด กลางที่ประชุมอนุสัญญาออตตาวา
วันนี้ในอดีต! รำลึก 27 ปี ในหลวง ร.9 เสด็จฯ เปิดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 มิตรภาพไร้พรหมแดน
เตรียมออกหมายเรียก เวย์ ไทเทเนียม รับทราบข้อกล่าวหา ฉ้อโกงทรัพย์ สัปดาห์หน้า

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี