“บุคคลแนวหน้า ใน หนังสือพิมพ์แนวหน้า – แนวหน้าออนไลน์/www.naewna.com สื่ออุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสามย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏให้สังคมไทยรู้เท่าทันเล่ห์ ทันเหลี่ยมนักการเมืองเสียชาติเกิด นักเลือกตั้งชังชาติ ส่ำสัตว์เดรัจฉานติ่งสัมภเวสีผู้ปลิ้นปล้อนทุจริตคอร์รัปชั่นโกงบ้านกินเมือง ฉ้อฉลภาษีอากรประชาชนติ่งแดงด้อมส้มอย่างเท่าเทียม”...
nn เริ่มต้นวันนี้ “ไม้หน้าสาม” บอกอย่างตรงไปตรงมา เลยว่า “คุณจะเป็นนักการเมืองเสียชาติเกิด ถ่อยสถุล นักเลือกตั้งชังชาติอย่างไรก็เอาตามที่บรรพบุรุษบุพการีอบรมสั่งสอนเถิด แต่ได้โปรดยุติพฤติกรรมที่สร้างรอยร้าวกับประเทศเพื่อนบ้าน หยุดสร้างความร้าวฉาน” หยุด “วาทกรรมประดิษฐ์” โดยไม่คำนึงถึงผลเสียทั้งชีวิตและคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ท่านเพรียกเรียกร้องให้สนับสนุนกิจกรรมของท่านและพวกพ้อง เลิกสร้างความเกลียดชัง...เลิกสร้างวิกฤตความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับเมียนมา ยุติการใช้รัฐสภา (สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และทรงเกียรติ) เป็นสถานที่จัดทำกิจกรรมที่อาจถูกมองว่าเป็นการ “เลือกข้าง” เป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐบาลทหารเมียนมา เพราะกว่าที่ยุทธศาสตร์จะเดินไปถึงจุดที่ “พิธาคิโอ-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล สำรอกสำรากด้วยคำว่า “Chiang Mai Dialogue” อย่างที่ตัวตึงพรรคก้าวไกลกระทำกันอยู่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดจน “รัฐบาลทหารเมียนมา” อาจจะไม่ได้มองเห็นหรือสำเหนียกเยี่ยงท่าน แต่มองว่าคือการสร้าง “negative impacts” ต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี นั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้วหรอ???...
nn วันนี้ กระทรวงการต่างประเทศเมียนมา ได้ออกแถลงการณ์ท่ามกลางความไม่พอใจไม่สบายใจกรณีที่รัฐสภาไทยกระทำเหมือนที่ “จักรวรรดิอเมริกา” รุกล้ำอธิปไตยอารยประเทศทั่วโลก...เผือก “สนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ผ่านคณะกรรมาธิการความมั่นคงที่มี “ใบพลู-รังสิมันต์ โรม” สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ผู้เคยบังอาจจะเปลี่ยนวันชาติจากวันที่ 5 ธันวาคม เป็น 24 มิถุนายน เป็นประธานคณะกรรมาธิการคณะนี้อย่าให้คนไทยตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา ประสบปัญหาเดือดร้อนทั้งชีวิตทรัพย์สินและครอบครัว เพียงเพราะอุดมการณ์จอมปลอมหรือนโยบายที่น้อมรับจาก “สถุลกุ๊ยตะวันตก” เลย วันนี้สังคมไทยต้องสามัคคีไว้ต่อต้านการรุกรานอธิปไตยของชาติเพื่อนบ้านผ่านส่ำสัตว์เดรัจฉานที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนจนยอมเฉือนเนื้อกรีดเลือดราชอาณาจักรไทยทางด้านตะวันออกของประเทศ แล้วอย่าให้ต้องพะวงการสูญเสียจากเพื่อนบ้านทางตะวันตกเฉียงเหนือเลย...
nn พื้นที่ทับซ้อนซีกตะวันออกของไทยระหว่าง ราชอาณาจักรไทย กับ ราชอาณาจักรกัมพูชา หยุดนิ่งเงียบตั้งแต่การสิ้นสลายของ “ระบอบทักษิณ” เมื่อราวปี 2544 ทั้งที่เรื่องราวดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนแต่อย่างใด แม้ในราวปีพ.ศ.2410 “กุ๊ยสถุลตะวันตก” อย่าง “ฝรั่งเศส” ส่งเรือรบเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยาจนไทยต้องเสียดินแดนลาวและกัมพูชาที่เคยเป็นอาณานิคมไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาในยุค“เจ้าสามพระยา / สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2”... จ่ายเงินถุงแดงเป็นค่าเสียหายจมเรือรบกุ๊ยตะวันตก แถมต้องเสียเกาะกง, ยกหลวงพระบางกับดินแดนทางใต้ของเทือกเขาพนมดงรักเพื่อแลกกับจันทบุรี, ตราด ภายใต้สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส...
nn แต่จะด้วยสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นยืนยาวของคนสองตระกูลอดีตผู้นำรัฐบาล 2 ประเทศ 2 ฝ่ายคือ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี/นายใหญ่เจ้าของพรรคเพื่อไทย ผู้ให้กำเนิด “เศรษฐา ทวีสิน” ทางการเมืองจนก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประวัติศาสตร์การเมืองไทย ผู้สร้างปรากฏการณ์และสร้างความอัปยศอดสูให้กระบวนการยุติธรรมไทย ที่เขียนบรรยายคำพิพากษาด้วยมือ แล้วใช้เท้าสกปรกของนักโทษเทวดา ลูบลบคำพิพากษานั้นจนไม่ต้องถูกคุมขังในทัณฑสถานแม้แต่วันเดียว แถมยังได้รับการยกย่องจากฝ่าย “อีลิท” เป็นผู้สร้างคุณประโยชน์เป็นที่ชื่นชมของประชาชนส่วนมากเป็นตำนานประวัติการณ์ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย” กับ “สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโชฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา” จนเกิดปรากฏการณ์ ปัง !! ปัง !!! ปังปุริเย่ ภายหลังจาก “สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซน” เข้าเยี่ยมคารวะ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ “ทำเนียบรัฐบาล 2/ อาคารบ้านจันทร์ส่องหล้า” และมีกำหนดเชิญ “อุ๊งอิ๊ง–แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณแม่วัย 36 กะรัต แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคและดีเอ็นเอทางการเมืองของ “ทักษิณ ชินวัตร” อีกคนพร้อมคณะไปเยือน “พนมเปญ” ช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้ ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาขีดเส้นแบ่งเขตชายแดนใหม่เองผนวกเอาเกาะกูดไปเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรกัมพูชา ยิ่งทำให้ความกังวลใจกับการเสียอธิปไตยบนเกาะกูดทวีความรุนแรงมากขึ้น...
nn แทบไม่พลิกแม้แต่น้อยกับ “คำพิพาษากของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง “ยกฟ้อง” ปู จ๊าดง่าว/ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นารีขี่ม้าขาวที่เล็ดลอดออกจากประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติ” ก่อนบินไปสมทบกับ“นายใหญ่/ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” พร้อมพวก รวม 6 คน คดีจัดโรดโชว์ งบประมาณ240 ล้านบาท ก็พี่ชายกลับมาได้รับอิสรภาพแบบไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร “นางน้องสาว” จะได้รับการปฏิบัติเยี่ยงนั้นบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกกับกระบวนการยุติธรรมไทย จะต่างกันตรงที่ “ไม่ได้เขียนด้วยมือลบด้วยตีน” อย่างกรณี “ทักษิณ” เท่านั้น อย่างที่ “ไม้หน้าสาม” เคยคาดเดาไว้ล่วงหน้าว่าจากนี้ถึงคิว “นังปู จ๊าดง่าว” เดินทางกลับมาตุภูมิบ้างแล้ว แต่คงปฏิบัติอย่างทักษิณไม่ได้ เพราะ คุณแม่น้อง “ศุภเสกข์ อมรฉัตร” อายุเพิ่งจะห้าสิบปลายๆ และไม่ได้ป่วยหนักที่จะตายวันตายพรุ่งอีกต่างหากก็จับตามองเงี่ยหูฟังกันไว้เถิด ไม่นานนี้“นางน้องสาว” จะกลับมาใช้ชีวิตสุขสบายบนกองเงินกองทองที่สร้างไว้สมัย “จำนำข้าวทุกเม็ด” อย่างสบายอกสบายใจราว “นารีขี่ม้าขาว” ที่ยอมตายบนถนนสายประชาธิปไตยก่อนลมหนาวจะมาเยือนสังคมไทย...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี