จบเทศกาลเล่นน้ำสงกรานต์แล้ว มาเจอเทศกาล “น้ำลาย”กันต่อ ในการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องโครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต” ที่คณะรัฐมนตรีเพิ่งผ่านการเห็นชอบในหลักการ และส่งต่อไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อดูเรื่อง “ข้อกฎหมาย” ให้รอบคอบต่อไป
สิ่งที่เกิดตามมา คือ...
• นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ออกมาแสดงความคิดเห็น
• นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ออกมาซัดนายพุทธิพงษ์
• นายคารม พลพรกลาง ออกมาบอกนายพร้อมพงศ์ว่า อย่าฟุ้งซ่าน
• และนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ออกมากล่าวว่า ถ้านายพร้อมพงศ์ไม่พูด ก็ลืมไปแล้วว่า นายพุทธิพงษ์ เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย
ไปครับ ไปแกะรอย “สงครามน้ำลาย” แบบ “งูกินหาง”ด้วยกัน
1) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“ดิจิทัล วอลเล็ต...การกระตุ้น ศก.เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่การจะกระตุ้นแต่ละครั้ง ต้องคำนึงถึงสถานะทางการเงินและการคลังของประเทศควบคู่ไปเสมอ การนำเงินงบประมาณ 5 แสนล้าน มาแจกจ่ายให้กับประชาชนตามเกณฑ์นั้น ถ้าทำได้ไม่สร้างภาระผูกพันกับหนี้สินกับประเทศ แจกได้ครบถ้วน ตรงกลุ่มเป้าหมาย ไม่รั่วไหล ก็น่าจะพอมีประโยชน์
ย้อนเวลาไปครั้งแรกๆ เมื่อ 7-8 เดือน บอกว่าแจกทุกคนตั้งอายุ 16 ปี ขึ้นไป ตีกรอบให้ใช้ซื้อของในขอบเขตจำกัดเพื่อกระตุ้นและกระจายรายได้ลงทุกพื้นที่ทุกอำเภอ วันนี้เปลี่ยนเงื่อนไขไปไกลมาก จนไม่แน่ใจว่ากลุ่มไหนใครที่สมควรจะได้รับ ไม่แน่ใจว่าจะเน้นกลุ่มเป้าหมายทางเศรษฐกิจเหมือนที่วางไว้หรือไม่
ประการที่สอง เงินที่จะนำมาใช้ในโครงการจะไม่กู้ มีแหล่งเงินไว้แล้ว วันนี้สรุปว่าจะใช้งบประมาณปี’67-68 บวกกับเงิน จากธนาคารเพื่อการเกษตรฯ(ธ.ก.ส) ก็เมื่อ
เป็นเงินงบประมาณ อัดฉีดเข้าไปในระบบก็คงไม่ได้ต่างอะไรเพราะเงินงบประมาณก้อนเดิมเอามาแจก เงินงบประมาณรัฐหายไป 500,000 กว่าล้าน แล้วเอากลับเข้ามาด้วยการแจกแบบดิจิทัลในจำนวนเท่าเดิม ถ้าไม่รั่วไหล ก็ไม่แน่ใจว่าจะเพิ่มมูลค่าขึ้นจากเดิมได้สักเท่าไหร่ กี่รอบตามที่พูดไว้หรือไม่
ประการที่ 3 ในครั้งแรกบอกว่า จะใช้ซูเปอร์แอปเขียนใหม่ทันสมัย ในการจัดการแจกเงินดิจิทัล ก็สงสัยว่ากระเป๋าตุงกระเป๋าตัง ที่รัฐบาลที่แล้วทำไว้และใช้ส่งถึง
ประชาชนมาตลอด ไม่มีค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงอะไร ดำเนินการไว้โดยธนาคารกรุงไทย ทำไมไม่ใช้ ประการที่ 4 ยืนยันจากรัฐบาลนี้ว่าผลประโยชน์จะไม่ตกไปกับร้านสะดวกซื้อของใครพิเศษ ให้เหตุผลจากรัฐบาลว่าเพราะนอกจากสะดวกซื้อ 1 หมื่นกว่าร้านค้าแล้วยังมีร้านที่เข้าโครงการคนละครึ่งอยู่ อีก 1.2 ล้านร้านค้า แล้วยังยืนยันว่าจะทำให้ GDP ประเทศเพิ่มขึ้นอีก 1.8 ในโครงการนี้
“เอาละครับ ไม่เป็นไร ไว้คอยดูกันว่าทำได้ถึงครึ่งที่พูดไว้อีกมั้ยนะครับ สุดท้ายก็กลับมาใช้ระบบของรัฐบาลที่แล้วเกือบทั้งหมด แล้วตอนก่อนสมัยเป็นฝ่ายค้านโจมตีโครงการคนละครึ่ง แอปเป๋าตังและ ธ.ก.ส. สรุปที่พูดไว้ก่อนหน้ายังทำไม่ได้สักเรื่อง ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
...เอาจริงๆ นะครับ ถ้ามันยากลำบากมากนักก็ยอมรับเถอะครับว่า นโยบายที่พูดไว้คิดไม่รอบคอบ ทำไม่ได้อย่าดื้อแล้วทำประเทศเป็นหนี้ สร้างภาระให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานประชาชนเค้าหนีไปอยู่ตปท.ไม่ไหวนะครับ
#ทำผิดแล้วทำผิดอีกทำผิดต่อ #อ้าว…เฮ้ยไม่เหมือนที่คุยกันไว้
2) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษา (ฝ่ายการเมือง) ของรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์แสดงความเห็นว่า ตนได้เห็นข้อความที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทยที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์โครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ของรัฐบาลแล้ว ตนก็รู้สึกสะท้อนใจ เท่าที่ได้ดูก็ไม่มีอะไรใหม่
แต่ที่ทำให้แปลกใจก็คือ คิดไม่ถึงว่านายพุทธิพงษ์ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และตนเองก็เคยทำงานในฐานะรัฐบาล ก็น่าจะรู้ดีว่า คำพูดคือนายเรา รัฐบาลโดยการนำของพรรคเพื่อไทย เคยมีนโยบายเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ถ้าไม่ทำตามนโยบายที่เคยให้ไว้กับประชาชน หรือนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา นายพุทธิพงษ์จะนิ่งเฉยอยู่หรือไม่
ตนเองก็อยากจะรู้ นโยบายเงินดิจิทัล วอลเล็ต ยังไม่ทันได้เกิด ก็มีเหล่ากูรูออกมาทักท้วง ถากถาง อ้างเป็นหนี้คิดมาไม่ดี มันทำไม่ได้ ถ้ารัฐบาลโดยการนำของพรรคเพื่อไทยย่อท้อ ไม่ทำตามที่ได้หาเสียงไว้ โดยอ้างเหตุผลสวยหรูจากพวกท่านเหล่านั้น นายพุทธิพงษ์ จะออกมาชื่นชมหรือจะก่นด่า อันนี้ขอตั้งเป็นข้อสังเกต กับคนที่เห็นต่างรัฐบาลจะคิดจะตัดสินใจทำอะไรก็คงไม่ดีในสายตาของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว ส่วนเรื่องกู้มาแจก จะเป็นหนี้ สงสารลูกหลาน สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็เป็นแค่วาทกรรมของฝ่ายการเมืองขั้วตรงข้ามก็เท่านั้น
เหตุผลและความจำเป็นที่รัฐบาลผลักดันนโยบายเงินดิจิทัล วอลเล็ต ท่านนายกฯ เศรษฐา ท่านก็ออกมาอธิบายแล้วว่า นโยบายเงินดิจิทัล วอลเล็ต เป็นนโยบายที่รัฐบาลแถลงไว้ต่อรัฐสภา ผ่านมา 7 เดือนรัฐบาลก็ยังไม่สามารถใช้งบประมาณปี’67 เพื่อการลงทุนในโครงการขนาดเล็ก ขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชนได้เลย เหลือเวลาอีก 5 เดือนก็จะสิ้นปีงบประมาณแล้ว ในเมื่องบปี’67รัฐบาลไม่สามารถทำเมกะโปรเจกท์หรือการลงทุนขนาดกลางได้ทัน โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ก็คือ เมกะโปรเจกท์ที่รัฐบาลจะนำออกมาใช้เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยสร้างงานสร้างรายได้ให้ประชาชนโดยตรง
โครงการดิจิทัล วอลเล็ต หากนำมาใช้แล้วจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ก็คงยังไม่สายที่นายพุทธิพงษ์จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ได้ ไม่ใช่โครงการยังไม่เกิดผลยังไม่ก่อ ท่านก็ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองซะแล้ว ตนอยากแนะนำให้นายพุทธิพงษ์ ออกไปสัมผัสประชาชน ออกไปเดินตลาด ลองสอบถามเขาๆ เหล่านั้นว่าคิดเห็นยังไงกับโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต กันบ้าง ตอนนี้เขาเดือดร้อนไหม ต้องการอะไร ด้วยฐานะอย่างนายพุทธิพงษ์ คงไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิทัล วอลเล็ต ตัวท่านเองก็อย่าไปฟุ้งซ้านกับเรื่องเงินของชาวบ้านนักเลย
การที่นายพุทธิพงษ์ ออกมาพิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล โดยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอันนี้ถือเป็นสิทธิทำได้ ตัวผมเองก็ทำอยู่ และทำในฐานะส่วนตัว ถึงแม้จะมีหมวกอีกใบคือที่ปรึกษารองนายกฯก็ตาม แต่นายพุทธิพงษ์ เองก็สังกัดพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ต้องทำงานร่วมกัน ดูจะผิดมารยาทไปหน่อยอันนี้ผมขอติ ก็ฝากถึงท่านอนุทิน ดูแลลูกพรรคของท่านด้วย ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลต้องทำงานร่วมกันอีก 3 ปีกว่า บรรยากาศ การทำงานเป็นสิ่งสำคัญ ควรรักษาไว้ และไม่ควรเสียไปเพราะใครเพียงไม่กี่คน
3) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาพูดถึงนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ว่าวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ของรัฐบาล ในทำนองว่าให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อบรมนายพุทธิพงษ์ที่เป็นสมาชิกพรรคให้ระมัดระวังการพูดเพราะนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต เป็นนโยบายที่สำคัญของพรรครัฐบาลว่า
ตนเองในฐานะเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และได้เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยในส่วนความเห็นของนายอนุทิน ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลคนหนึ่ง จากที่ตนได้ติดตาม ขอยืนยันว่า นายอนุทินได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในทางสอดคล้องและเห็นด้วยกับนโยบายสำคัญนี้มาโดยตลอด เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาล เพียงแต่ได้พูดถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้ถูกต้อง เพราะเป็นนโยบายที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก
ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวเกี่ยวกับนโยบายนี้ว่า ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล คือ คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เป็นผู้ตรวจสอบอยู่แล้ว โดยนายอนุทินพูดในเชิงหลักการ และได้แสดงความคิดเห็นอย่างมีความเป็นผู้ใหญ่ และคำนึงถึงมารยาทในทางการเมืองแบบมีวุฒิภาวะ
ส่วนความคิดเห็นของนายพุทธิพงษ์ ซึ่งเคยเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อของพรรคนั้น เป็นเพียงความคิดเห็นของสมาชิกพรรคคนหนึ่ง ซึ่งหลังจากผ่านการเลือกตั้งแล้ว นายพุทธิพงษ์ ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคนานแล้ว อีกทั้งการที่สมาชิกพรรคการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีความคิดเห็นหลากหลายแตกต่างกันบ้าง ถือเป็นเรื่องส่วนตัว นายอนุทิน ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคไม่สามารถทราบได้ทั้งหมด
“ผมไม่อยากให้นายพร้อมพงศ์คิดมากไป ไม่ต้องฟุ้งซ่านและจินตนาการมากไป เพราะผู้ใหญ่ของพรรคได้ทำงานใกล้ชิดกันมาโดยตลอด ซึ่งคู่ต่อสู้ของพรรคเพื่อไทยคือพรรคก้าวไกล ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย นายพร้อมพงศ์ อย่าเข้าใจการเมืองแบบกระพี้ ขอให้เข้าใจแก่นมัน” นายคารม กล่าว
4) นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย ออกมาชี้แจงกรณีที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย แสดงความคิดเห็นคัดค้านโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ว่า นายพุทธิพงษ์ ได้แสดงความคิดเห็นในนามส่วนตัว ไม่ได้พูดในนามพรรคหรือสมาชิกพรรค เพราะหลังจากภารกิจเลือกตั้ง สส.เสร็จสิ้น นายพุทธิพงษ์ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ กับพรรคเป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้วขอยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทย ให้การสนับสนุนนโยบายแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ของรัฐบาล ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ย้ำมาโดยตลอดว่า พรรคภูมิใจไทยพร้อมให้การสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่
โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า ล่าสุดนายอนุทินได้ร่วมแถลงข่าวกับนายกรัฐมนตรีเดินหน้าโครงการนี้ หลังจากคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในหลักการ ดังนั้น ขอให้นายพุทธิพงษ์ ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าวให้เกิดความชัดเจน เพื่อไม่ให้พรรคภูมิใจไทยได้รับผลกระทบ และทำให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจ
“หากคุณพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ (สมาชิกพรรคเพื่อไทย) ไม่ออกมาพูด ผมลืมไปแล้วว่าคุณพุทธิพงษ์ เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย แต่ขอคุณพร้อมพงศ์ อย่าเป็นห่วงการแสดงความคิดเห็นของนายพุทธิพงษ์ เพราะในระดับผู้ใหญ่ของพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด และพร้อมจับมือกันทำงานจนครบเทอม” นายณัฏฐ์ชนน กล่าว
สรุป :
1.พุทธิพงษ์ พูดผิดตรงไหนบ้าง? เท่าที่ผมดู ไม่มีเลยเป็นการกล่าวเตือน ชี้ประเด็นที่ต้องระมัดระวัง ชี้ให้เห็นความกลับกลอกของการกลับไปกลับมา ที่อีกด้านหนึ่ง คือ สะท้อน “ความไม่พร้อม” ของโครงการนี้ และมีเรื่องที่น่ากังวลหลายประการ
2.พุทธิพงษ์ โพสต์ในเฟซบุ๊กของตัวเอง มิได้กล่าวอ้างสถานภาพอื่น ที่จะไปเกี่ยวพันกับพรรคภูมิใจไทยแต่อย่างใด
3.พร้อมพงศ์ คือคนที่ใช้ตรรกะวิบัติและเหตุผลที่เลอะเทอะที่สุด เป็นแค่ “นักโต้วาทีคุณภาพต่ำ” ที่มุ่งโต้ “ตัวบุคคล” ไม่โต้ “ตัวประเด็น” จึงเป็นแค่ “คนปากร้าย เอาใจนาย” คนหนึ่งเท่านั้น
4.พร้อมพงศ์ อ้างว่า ประกาศนโยบายไว้แล้วก็ต้องทำพุทธิพงษ์บอกว่าทำแบบ “ไม่เหมือนที่คุยไว้” ทำไมพร้อมพงศ์ไม่ชี้แจงให้เป็นสาระในเรื่องนี้ กลับทำได้แค่ “ถุยน้ำลายใส่เขา”มันบอกระดับ “ปัญญา” ของพร้อมพงษ์ใช่ไหม?
5. คารม เป็น “มืออาชีพ” ที่สุด ในเหตุการณ์นี้พูดจารักษาสถานการณ์ได้ดี มีวุฒิภาวะ สร้างความหนักแน่นในสายสัมพันธ์ของพรรคภูมิใจไทยกับรัฐบาลชัด ด้วยการชูประเด็นที่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเคยกล่าวเคยแสดงออก พร้อมๆ กับ “ลดความน่าเชื่อถือ” ของพุทธิพงษ์อย่างเบามือว่า ไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับพรรคภูมิใจไทยมานานแล้ว จึงมีราคาแค่ “ความเห็นส่วนบุคคล” ซึ่งไม่กระทบต่อเสถียรภาพการร่วมรัฐบาล พร้อมกับตำหนิพร้อมพงศ์อย่างแรงว่า “ซึ่งคู่ต่อสู้ของพรรคเพื่อไทยคือพรรคก้าวไกล ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย นายพร้อมพงศ์ อย่าเข้าใจการเมืองแบบกระพี้ ขอให้เข้าใจแก่นมัน” เรียกว่า “ตีหมาในบ้าน ปรามหมานอกบ้าน” ได้อย่างแนบเนียน
6.ณัฏฐ์ชนน ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากปกป้องพรรค แยกพุทธิพงษ์ออกไปจากพรรค ด้อยค่าพุทธิพงษ์เพื่อ “ปกป้องพรรค” ไปตามหน้าที่ จนถึงกับกล่าวว่า “หากคุณพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ (สมาชิกพรรคเพื่อไทย) ไม่ออกมาพูด ผมลืมไปแล้วว่าคุณพุทธิพงษ์ เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย” อันเป็นท่าที่โยนอาหารหมาในบ้าน ให้หมานอกบ้านกินเล่น เพื่อผูกไมตรี ได้กลิ่น “ความไม่ถูกกัน” ของตัวบุคคล คือ ณัฏฐ์ชนนกับพุทธิพงษ์โชยมาฉุนกึก
น่าเสียดายนะครับ เวลาใครแสดงความคิดเห็นอะไรที่เป็นสาระ และแสดงความห่วงใย กลับถูกโต้แย้งด้วยวาทกรรมแบบ “นักโต้วาที” มากกว่า “ปราชญ์” เช่น ที่พร้อมพงศ์โต้พุทธิพงษ์ว่า “ด้วยฐานะอย่างนายพุทธิพงษ์คงไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิทัล วอลเล็ต ตัวท่านเองก็อย่าไปฟุ้งซ่านกับเรื่องเงินของชาวบ้านนักเลย”
เอ๊า!! ไอ้ฉิบหาย... เงินที่เอาไปใช้ มันก็มีภาษีที่พุทธิพงษ์เขาจ่ายเข้ารัฐอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ ในอนาคตหากต้องใช้หนี้ก็ใช้เงินภาษีของคนไทยทุกคนที่ทั้งได้รับเงินดิจิทัลและไม่ได้รับไปใช้หนี้ด้วยกันไม่ใช่หรือ เอาตรรกะส้นตีนอันใดมาโต้แย้งวะเนี่ย ไม่อยากใช้คำว่า “สมองหมา ปัญญาควาย”เลย สงสารหมากับควายเหลือเกิน!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี