รัฐบาลทุกชุดต้องอ้างเสมอ และตลอดเวลาว่า รัฐบาลต้องทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของสาธารณะ แต่สำหรับคนที่ติดตามผลงานแท้จริงของรัฐบาลทุกชุดจะได้คำตอบชัดๆ ว่าคำอ้างของรัฐบาลเป็นจริงหรือเป็นเท็จ แล้วก็ยังจับได้อีกด้วยว่ารัฐบาลชุดใดทุจริต คอร์รัปชั่น โกงบ้านกินเมือง
แน่นอนว่ารัฐบาลต้องอ้างว่าเมื่อให้คำสัญญากับประชาชนในช่วงหาเสียงเลือกตั้งแล้ว ต้องทำเรื่องนั้นๆ ให้สำเร็จให้ได้ เพราะเป็นสัญญาประชาคม แต่ก็จะพบอีกว่ารัฐบาลสัญญากับประชาชนไว้หลายเรื่องหลายราว แต่ก็ไม่เคยมีรัฐบาลใดสามารถทำตามคำสัญญาได้ทั้งหมด โดยพบว่ารัฐบาลมักจะเลือกทำตามสิ่งที่ตนเองคิดว่าทำแล้วได้ประโยชน์ด้านการเมืองต่อตัวเองอย่างสูงสุด ส่วนเรื่องใดที่ให้คำสัญญาไปแล้ว แต่หากไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวรัฐบาล เรื่องนั้นก็จะถูกเขี่ยทิ้งไป ต่อให้ประชาชนรวมตัวไปทวงถาม หรือกดดัน รัฐบาลก็ไม่สนใจทำสิ่งที่ได้หาเสียงไปแล้ว
สิ่งที่รัฐบาล อันที่จริงต้องเรียกว่านักการเมือง ทำได้ง่ายที่สุดคือการสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์ต่างๆ กับประชาชน เช่น ให้เงินสวัสดิการเพิ่มขึ้น เพิ่มเงินรักษาพยาบาลให้ประชาชน เพื่อเงินเดือน และค่าจ้างแรงงาน ลดค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซหุงต้ม ให้เรียนฟรี ให้เดินทางด้วยรถสาธารณะฟรี เหล่านี้เป็นต้น
เวลาที่ประชาชน (โดยเฉพาะกลุ่มที่คิดไม่ทัน ไม่ทันคิด และไม่ชอบคิด) ได้ยินนโยบายที่ใช้หาเสียงแล้วอ้างว่าจะแจกสารพัดแจก แจกตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ แจกครอบจักรวาล ก็มักจะเกิดอาการอยากได้ เพราะคิดว่ามันคือของฟรี มันคือของที่รัฐบาลหามาแจก แต่น้อยคนเหลือเกินที่จะคิดให้ลึกว่าของฟรีไม่มีบนโลกใบนี้ และของฟรีก็ไม่เคยมาจากรัฐบาล เพราะของทุกอย่างที่รัฐบาลแจกล้วนมาจากเงินภาษีอากรของประชาชน รัฐบาลไม่เคยควักเงินตัวเองออกมาแจก ยกเว้นในช่วงซื้อเสียงเลือกตั้งสส. เท่านั้น ที่นักการเมืองจะยอมควักเงินตัวเองออกมาแจก แต่แล้วก็จะกลับไปหาเงินกลับคืนเข้ากระเป๋าตัวเอง เมื่อตนเองมีอำนาจรัฐ
ทีนี้ลองหันมาพิจารณาว่าทำไมรัฐบาลชุดปัจจุบันที่นำโดยพรรคเพื่อไทยต้องการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ให้จงได้ แล้วทำไมพรรคร่วมรัฐบาลจึงไม่คัดค้านนโยบายนี้อย่างแข็งขันและจริงจัง ทั้งๆ ที่ลึกๆ แล้วพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้เห็นด้วยมากนักกับนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต แล้วเหตุใดธนาคารแห่งประเทศไทย และนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ รวมถึงอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยบางคนจึงคัดค้านการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต แบบหว่านแจก แจกทุกหัว แจกทั้งประเทศ และแจกโดยไม่เลือกบุคคลที่สมควรได้รับเงินแจก
หากย้อนกลับไปดูข่าวที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล วอลเล็ตตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม 2566 จะพบว่ามีข่าวนักเศรษฐศาสตร์กลุ่มหนึ่งจำนวนประมาณ 100 คน และอดีต
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยบางคนแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการหว่านแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป
นักเศรษฐศาสตร์ และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยที่คัดค้านการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ให้เห็นผลว่าเป็นการแจกเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งจะเป็นภาระหนี้สินของประเทศ แต่จะให้ผลไม่คุ้มค่ากับการใช้เงินงบประมาณจำนวนมหาศาล แต่หากจะใช้เงินจำนวนมากถึงกว่า 5.6 แสนล้านบาท ก็ควรใช้เพื่อการลงทุนโดยภาครัฐ หรือใช้เพื่อกระตุ้นการส่งสินค้าออกให้ได้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องแจกเงินเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายส่วนบุคคล เพราะในระยะที่ผ่านมานั้น มีการบริโภคส่วนบุคคลในอัตราที่น่าพอใจ และการบริโภคส่วนบุคคลก็มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยเดินต่อไปได้ แม้จะไม่ได้เดินเร็วมากนัก แต่ก็นับว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้ และน่าพอใจ แต่หากหว่านเงินดิจิทัล วอลเล็ต โดยไม่เฉพาะเจาะจงกลุ่มให้ชัดเจน ก็จะทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อมากขึ้น แล้วอาจจะต้องไปสู่การเพิ่มอ้ตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ในที่สุด
ส่วนพรรคการเมืองฝ่ายค้าน เช่น พรรคก้าวไกลมองว่าการหว่านแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ไม่สามารถก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงและรวดเร็ว อย่างที่รัฐบาลกล่าวอ้างว่าจะเกิดตัวคูณทางเศรษฐกิจมากกว่า 2.7 เท่า แต่พรรคก้าวไกล และนักเศรษฐศาสตร์ที่คัดค้านโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ยืนยันว่าไม่มีทางเกิดตัวคูณทางเศรษฐกิจ 2.7 เท่าอย่างแน่นอน เพราะไม่เคยปรากฏว่ามีการแจกเงินครั้งใดบนโลกใบนี้แล้วทำให้เกิดตัวคูณทางเศรษฐกิจสูงถึง 2.7 เท่า
แต่ในมุมกลับกัน การใช้เงินงบประมาณมหาศาล 5.6 แสนล้านบาทจะก่อให้เกิดปัญหาภาระการคลังที่หนักอึ้งอย่างยิ่งยวดตามมาในอนาคต
แต่ไม่ว่าใครจะคัดค้านหรือท้วงติงโครงการหว่านเงินดิจิทัล วอลเล็ต มากสักเพียงใดก็ตาม สาธารณชนก็ยังคงได้ยินอย่างต่อเนื่องว่า รัฐบาลยืนยันจะแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ให้จงได้ ทั้งๆ ที่ในช่วงเป็นรัฐบาลใหม่ๆ รัฐบาลไม่สามารถระบุให้ชัดเจนว่าจะนำเงินจากที่ใดไปใช้สำหรับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จนกระทั่งล่าสุดเมื่อประมาณ
2 สัปดาห์มานี้ รัฐบาลจึงโยนหินถามทางว่าจะใช้เงินจากงบประมาณปี 2567, 2568 และเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังคงมีคำถามว่า รัฐบาลจะนำเงินจาก ธ.ก.ส. ไปใช้สำหรับการหว่านแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ได้จริงหรือ เพราะบางกลุ่มยังคงยืนยันว่าการใช้เงิน ธ.ก.ส. เพื่อหว่านแจกโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จะขัดกับมาตรา 27, 28 ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังฯ และขัดกับวัตถุประสงค์หลักของ ธ.ก.ส.
ล่าสุด เมื่อ 23 เมษายน 2567 ได้มีมติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าเห็นชอบในหลักการโครงการเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต ให้ประชาชนหัวละ 1 หมื่นบาท ตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบและเป็นผู้เสนอ
แต่ก็มีข่าวว่าในวันที่ 22 เมษายน 2567 ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยผู้ว่าการธนาคารฯ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิได้ส่งหนังสือถึงสำนักเลขาธิคณะรัฐมนตรี โดยหนังสือฉบับที่ว่านั้นมีสาระสำคัญคือ
1 ควรแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต แบบเฉพาะกลุ่ม เฉพาะเจาะจงในกลุ่มเป้าหมายที่จำเป็นต้องได้รับเงินช่วยเหลือเท่านั้น เพื่อให้การใช้เงินดิจิทัล วอลเล็ต เป็นไปตามวัตถุประสงค์แท้จริง และลดภาระเงินงบประมาณแผ่นดิน ลดภาระต่อเสถียรภาพการคลังด้วย โดยแนะนำว่าควรแจกเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 15 ล้านคน โดยจะใช้งบฯ เพียง 150,000ล้านบาทเท่านั้น
2 การใช้เงินสำหรับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จำนวน 5.6 แสนล้านบาท ตามที่รัฐบาลเสนอนั้น จะก่อให้เกิดภาระการคลังของประเทศอย่างมาก และจะก่อให้เกิดปัญหาภาระหนึ้สินจำนวนมากตามมา และยังเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาประเทศไทยถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือโดยสำนักจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจ โดย Moody’s กำหนดสัดส่วนภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อรายได้ของประเทศ โดยเฉพาะของไทยไว้ที่ไม่ควรเกินร้อยละ 11 แต่โครงการดิจิทัล วอลเล็ต จะทำให้อัตราส่วนภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อรายได้ของประเทศเกินกว่าร้อยละ 11 ซึ่งจะทำให้ไทยถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ แล้วจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินภาครัฐและเอกชนต้องเพิ่มสูงขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาพรวมตามมา
3 งบประมาณโครงการดิจิทัล วอลเล็ต สูงมาก จะส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อการใช้งบฯ เพื่อโครงการอื่นๆ ของรัฐบาลตามมา และส่งผลให้การดำเนินนโยบายการคลังในด้านอื่นๆ ของรัฐบาลลดลง และหากเกิดสภาวะฉุกเฉินขึ้นมา รัฐบาลจะไม่มีเงินสำหรับแก้ปัญหาเร่งด่วน การเพิ่มวงเงินกู้ของรัฐบาลสำหรับปีงบประมาณ 2568 จนเกือบเต็มกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้ ทำให้เหลือวงเงินสำหรับกู้ได้อีกแค่ 5 พันล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ที่ยังเหลือวงเงินสำหรับกู้อีกประมาณ 1 แสนล้านบาท ส่วนการจัดสรรเงินงบประมาณปี 2567 ที่มากเกินไปส่งผลให้เหลืองบกลางสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉินน้อยมากจนอาจไม่เพียงพอต่อการใช้รับมือแก้ปัญหากับเหตุฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพราะสภาวการณ์ยุคปัจจุบันของโลกยังไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากยังมีปัญหาความขัดแย้งของหลายชาติ และอาจจะเกิดปัญหาภัยธรรมชาติตามมาได้ด้วย
4 รัฐบาลควรนำเงินสำหรับใช้จ่ายในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ไปใช้เพื่อสร้างโครงการต่างๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมไทย และเพื่อยกระดับศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวมากกว่า
นอกจากนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังตั้งประเด็นข้อสังเกตในเรื่องต่อไปนี้ด้วย เช่น แหล่งเงินสำหรับใช้ในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่ต้องสอดคล้องกับกฎหมายและหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด โดยไม่เกิดความเสี่ยงมากจนเกินไป และต้องไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสถานะของสถาบันการเงิน และยังมีข้อสังเกตเรื่องระบบการแจกเงินผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ว่ายังมีความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม เพราะฉะนั้น ระบบต้องปลอดภัย มั่นคง และรองรับการให้บริการคนจำนวนมากได้จริง และต้องไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบการชำระเงินของประเทศโดยรวม และต้องรักษาความปลอดภัยของระบบข้อมูลได้ทั้งหมดด้วย และยังต้องคำนึงถึงประเด็นการบริหารจัดการความเสี่ยง
เพื่อป้องกันการรั่วไหลของระบบ หรือเพื่อป้องกันการถูกโจรกรรมระบบ เช่น ต้องป้องกันการลงทะเบียนโดยร้านค้าปลอม ต้องกำหนดประเภทสินค้าให้ชัดเจน และไม่อนุญาตให้มีสินค้าต้องห้ามถูกนำเข้าไปจำหน่ายในระบบ และต้องมั่นใจว่ามีการซื้อขายสินค้ากันจริง ไม่มีการซื้อขายแบบลดสิทธิ์หรือ discount
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องย้ำเหมือนเดิมว่า ไม่มีใครคัดค้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และไม่มีใครต่อต้านการช่วยเหลือคนยากคนจนและกลุ่มเปราะบางตัวจริง แต่สิ่งที่ทุกคนเป็นห่วงคือการใช้อำนาจรัฐผลักดันให้เกิดโครงการทุจริตคอร์รัปชั่น และต้องบอกอีกว่า ไม่ผิดที่รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาวิกฤตกับประเทศจากการดำเนินนโยบายใดๆ ของรัฐบาล และที่สำคัญคือรัฐบาลต้องคำนึงด้วยว่าการกระทำใดๆ นั้น ขัดกับหลักกฎหมายหรือไม่ รัฐบาลควรจะเลิกคิดได้แล้วว่าคนที่คัดค้านนโยบาสสุ่มเสี่ยงของรัฐบาลคือคนไม่รักชาติ และไม่เข้าใจคนจน รวมถึงไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ แต่ต้องขอบอกว่าไม่มีใครยอมปล่อยให้รัฐบาลนำพาประเทศชาติไปลงเหวตกนรก เพราะเมื่อประเทศตกนรกแล้ว รัฐบาลก็ลอยตัวไม่ต้องรับผิดชอบต่อปัญหาที่ได้สร้างไว้ แต่ผู้รับกรรมและต้องแก้ปัญหาคือประชาชนทุกคน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี