ทั้งศาสนาพราหมณ์ ศาสนาฮินดู และสายมูทั้งหลาย ต่างเชื่อว่า ในโลกยุคโบราณ โลกแบ่งเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นสวรรค์ ชั้นพิภพและชั้นบาดาล
“ชั้นสวรรค์” นั้น นอกจากมี “พระอิศวร” เป็นประมุขของเทพทั้งหลาย โดยมี“เทพอื่นๆ” ประกอบไปด้วย นางฟ้า เทวดาและยักษ์ทั้งปวง คือบริวารของพระอิศวร
สำหรับ “ยักษ์” ถือเป็น “เทพชั้นต่ำ” มีหน้าที่รับใช้เทพอื่นๆ ตามที่พระอิศวรมอบหมาย
“กาลครั้งหนึ่ง” มียักษ์ตนหนึ่งชื่อว่า “นนทกาล” มีหน้าที่เฝ้าสวนดอกไม้ของเขาไกรลาส ซึ่งเป็นสวนปลูกดอกไม้นานาพันธุ์ โดยมีนางฟ้าสุดงดงาม ชื่อ “มาลี” มีหน้าที่ เก็บดอกไม้บูชาพระเวท
วันหนึ่ง ขณะที่ “นางฟ้ามาลี” กำลังทำหน้าที่เก็บดอกไม้ “ยักษ์นนทกาล” เห็นนางเข้าก็เกิดมีใจเสน่หา จึงทำการ “หยอกเย้า” นางฟ้าอย่าง “บังอาจ”
“นางฟ้ามาลี” ไม่พอใจจึงนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปฟ้องพระอิศวร ทำให้เจ้าสวรรค์โกรธกริ้ว “ยักษ์นนทกาล” จึง “สาปให้เป็นควายขาวมาเกิดที่โลกมนุษย์ และจะพ้นคำสาปได้ ต่อเมื่อถูกบุตรชายฆ่าตาย”
หลังจาก “ยักษ์นนทกาล” ไปเกิดเป็นควายป่า ณ หิมวันต์ โดยมีชื่อว่า “ทรพา”ก็มีอิทธิฤทธิ์เป็น “เจ้าแห่งควาย” ในป่าใหญ่ “มีนางกาสร 5,000 ตัวตกเป็นเมียของทรพา” สร้างความสุขสำราญให้แก่ “ควายขาว” ตัวนี้ เป็นยวดยิ่ง
ครั้นเมียตัวไหนตั้งครรภ์แล้ว “ตกลูกเป็นตัวผู้” ก็จะ “ถูกทรพาฆ่าตายหมด”
แต่แล้วมี “นางกาสรสาวชื่อ นิลา” ได้ตั้งครรภ์กับทรพา “แล้วนางแอบไปซ่อนตัวคลอดลูกออกมาเป็นตัวผู้ ที่ถ้ำแก้วสุรกานต์”
ลูกนางนิลาเป็น “ควายดำ” ร่างกำยำบึกบึน และแข็งแรงอย่างสุดอัศจรรย์ แต่นางนิลา จำต้องทิ้งลูกไว้ในถ้ำ หลังจากนางตั้งชื่อ ควายน้อยว่า “ทรพี” แล้ว ก็ได้ฝากเทวดาประจำถ้ำให้ช่วยเลี้ยงทรพี เทวดารับปากนอกจากรับเลี้ยงดูแล้ว “ยังช่วยบำรุงรักษาสองเขา สี่ขาของทรพี ให้แข็งแกร่งเหนือกว่าควายทั้งพิภพ”
“ส่วนนางนิลาก็ได้เล่าเบื้องหลังชาติกำเนิดของทรพีว่า เป็นลูกชายของทรพาให้เทวดาได้รับรู้ จากนั้นนางก็ได้กลับไปอยู่กับทรพาอีกครั้ง”
กาลเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ครั้น “ทรพี” เติบใหญ่ กลายเป็นควายดำหนุ่มที่มีพละกำลังแข็งแกร่งสุดขีด และมีฤทธิ์มากมาย หลังรู้ความจริงของชาติกำเนิดจากเทวดา “ทรพี” จึงออกจากถ้ำเดินทางไปท้าสู้กับทรพา ก่อนฆ่าบิดาสิ้นชีวิต ทรพีได้ดุด่าทรพาก่อนฆ่าว่า “ทรพาเอ๋ย เอ็งเป็นควายใจบาปหยาบคาย ฆ่าลูกตัวเองตายเสียมากต่อมาก กูก็เป็นบุตรในอุทรของเอ็ง วันนี้หมายจะมาล้างชีวินเจ้าแล้ว”
“จากนั้น ทรพีก็ขวิดทรพาจนมอดม้วยสิ้นชีวิต”
นับแต่นั้นมา “ทรพี” ก็กลายเป็น “อัศวินควายดำ” ที่สุดกำแหงหาญนอกจากเริงสุขกับนางกาสรมากมายหลายพันตัวแล้ว ยังเที่ยวระรานสัตว์ป่าทั้งปวงได้รับความเดือดร้อน“ที่สุด” ก็ไปท้ารบกับ “เทพเจ้าหิมพานต์” เทพหิมพานต์กลับ “บุ้ยใบ้” ให้ไปสู้กับ“เทพภูเขาเบญจะ” เทพคีรีทั้งห้ากลับ “ปัดให้ไปราวีกับเทพสมุทร” เจ้าแห่งแม่น้ำก็ “บอกทรพีให้ไปท้ารบกับพระอิศวรแห่งเขาไกรลาสจึงจะสุดเท่”
“ทรพีจึงไปท้ารบกับพระอิศวร เจ้าแห่งเทพทั้งหลาย แต่ถูกราชาแห่งเทพชี้หน้าดุด่าสุดระห่ำ” ดังนี้
“ไอ้ทรพีหยาบกระด้างใจพาล ไอ้ชาติเดรัจฉานทรลักษณ์ ฆ่าพ่อแล้วยังมิหนำ ยังจะเอาคอมารอจักรข้าตัดหัวเจ้า มึงจะสู้กับกูนั้นไม่คู่ควร กูขอสั่งมึงให้ไปสู้กับพญาพาลีอัศวินวานรแห่งเมืองขีดขินโน้น”
“ทรพี อัศวินควายดำ” จะเดินทางไปสู้กับ “พญาพาลี อัศวินวานร” นั้น จบท้าย ใครจะเป็น “ผู้เจ๋งกว่า”? พบได้ในฉบับหน้าครับ
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี