วันนี้ยังอยู่ในช่วงเฉลิมฉลองสงกรานต์ปีใหม่ไทย รดน้ำสาดน้ำกันแล้วก็ทำให้พอคลายหายร้อนลงไปบ้าง หมดเทศกาลวันหยุดยาวก็ต้องกลับมาผจญเผชิญกับชีวิตที่เป็นจริงกันต่อไป
ภูมิรัฐศาสตร์โลกวันนี้ยังร้อนระอุคุกรุ่นด้วยไฟสงคราม การสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน สองปีผ่านมาแล้วก็ยังไม่จบ ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจทั้งประเทศในทวีปยุโรปและทุกประเทศบนโลกใบนี้หนักเบาต่างกันไป
ที่ฉนวนกาซาจากการปฏิบัติการของกลุ่มฮามาสด้วยการยิงขีปนาวุธไม่น้อยกว่า 5 พันลูกถล่มเข้าไปในอิสราเอลเมื่อต้นเดือนตุลาคมปลายปีที่แล้ว จากสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส วันนี้ก็ได้บานปลายขยายวงกลายเป็นสงครามใหญ่ในตะวันออกกลาง ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล โดยที่อิสราเอลมีสหรัฐอเมริกาประกาศจะคอยปกป้องคุ้มครองอิสราเอลอย่างถึงที่สุด
โดยเมื่อเช้าวันที่ 14 เมษายนเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น อิหร่านได้ยิงโดรนและขีปนาวุธเกือบ 200 ลำถล่มอิสราเอล นับเป็นการเปิดฉากโจมตีที่มิใช่เพียงแค่เสียงข่มขู่ แต่เป็นการต่อกร“ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน”ของอิหร่าน หลังจากถูกอิสราเอลทิ้งระเบิดโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรียเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 ศพ
หลังการโจมตีอิสราเอลของอิหร่าน มีรายงานข่าวว่าชาวอิหร่านพากันออกไปรวมตัวกันตามท้องถนนในกรุงเตหะรานเพื่อเฉลิมฉลองการโจมตีอิสราเอลในครั้งนี้ ขณะที่ทางฟากฝั่งอิสราเอลและสหรัฐอเมริกาได้พูดถึงชัยชนะของฝ่ายตน โดยโฆษกกองทัพอิสราเอลกล่าวว่า การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านส่วนใหญ่ถูกสกัดกั้นไว้ได้ที่บริเวณด้านนอกชายแดนของอิสราเอล และสร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อยในพื้นที่กองทัพอิสราเอลเท่านั้น
ทางด้าน“เบนจามิน เนทันยาฮู”นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระบุว่ากองทัพอิสราเอลมีความพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ และในขณะเดียวกันจากการโจมตีของอิหร่าน นอกจากอิสราเอลจะสั่งปิดน่านฟ้าเพื่อรับมือกับการโจมตีของอิหร่านแล้ว ประเทศจอร์แดน เลบานอน และอิรัก ก็ได้ประกาศปิดน่านฟ้าเช่นเดียวกันด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่อิหร่านจะเปิดฉากโจมตีอิสราเอลเพียงสองวัน โดยเมื่อวันที่ 12 เมษายน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ว่าอิหร่านจะโจมตีอิสราเอลไม่ช้าก็เร็ว พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศเตือนไม่ให้อิหร่านดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งย้ำความมุ่งมั่นของสหรัฐฯเสมือนเป็นการข่มขู่อิหร่านว่า จะปกป้องอิสราเอลอย่างถึงที่สุด โดยไบเดนได้จัดการประชุมเร่งด่วนกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงเพื่อรับมือกับไฟสงครามที่เชื่อว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับบ้านเรา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ทวีตข้อความ“ผ่าน x”ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 เมษายนก่อนที่อิหร่านจะเปิดฉากโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธ ว่า“ได้ติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด และด้วยความกังวลใจ โดยเฉพาะความตึงเครียดที่กำลังเพิ่มมากขึ้นระหว่างอิสราเอลและอิหร่านขอให้พี่น้องคนไทยตื่นตัว และติดตามการประกาศและการแจ้งเตือนต่างๆ ของสถานทูตของเราในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน”
อันที่จริงแล้ว สิ่งที่นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวเตือนประชาชนคนไทยนั้น ควรจะเป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนเตือนนายเศรษฐาในฐานะผู้นำรัฐบาลเสียมากกว่า
ทั้งนี้เพราะไม่เพียงแค่ไฟสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านเท่านั้น เพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกับไทยคือเมียนมา ก็มีการสู้รบกันอย่างหนักอยู่ในเวลานี้ และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเมื่อใด ขณะที่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนก็ยังดำเนินอยู่
สงครามไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หากเกิดขึ้นเมื่อใดหายนะก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น โดยเฉพาะผลกระทบด้านเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคนทุกประเทศบนโลกใบนี้
ถ้ายังนึกภาพไม่ออกก็ลองทบทวน “วิกฤตโควิด-19” ว่าตลอดช่วงสองสามปีระหว่างเกิดการแพร่ระบาด ที่ทุกประเทศต้องจมอยู่กับความทุกข์ ทั้งปัญหาโรคภัยไข้เจ็บและความตายจากการติดเชื้อ และปัญหาเศรษฐกิจเรื่องปากท้องนั้น แสนสาหัสเพียงไร ซึ่งใครหรือประเทศไหนก็ตาม แม้จะรวยล้นฟ้าก็ล้วนต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน
ประเทศไหนที่ผลิตอาหารการกินพอเลี้ยงตัวเองได้ ก็ถือว่าโชคดี ดังอมตะวาจาของ ม.จ.สิทธิพร กฤดากร ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น“พระบิดาแห่งการเกษตรแผนใหม่” ได้กล่าวไว้เมื่อครั้งอดีตว่า“เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง”
หรือแม้กระทั่งทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เกี่ยวกับ“ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ก็มุ่งเน้นเรื่องปากเรื่องท้องเป็นสำคัญ ที่จะต้องสร้างพื้นฐาน คือความพอมีพอกินและพอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน ซึ่งถือว่าเป็นรากฐานของชีวิต และรากฐานของแผ่นดิน เมื่อรากฐานมั่นคงจึงค่อยเสริมความเจริญทางด้านเศรษฐกิจที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป
ที่ยกมากล่าวก็เพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่า นโยบายแจกเงิน“ดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท”นั้น ถ้ารัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยเลิกล้มได้ก็จะเป็นการดีจะเป็นคุณอันใหญ่หลวงของแผ่นดิน สมควรเก็บเงิน 5 แสนล้านบาทที่จะแจกแบบเหวี่ยงแหด้วยข้ออ้างเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นเอาไว้ใช้ยามสงคราม อีกทั้งถึงแม้จะแจกตอนนี้คนที่จะได้ประโยชน์จริงๆ ก็มีแค่คนรวยที่เป็นทุนใหญ่เพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น
แต่ผู้ที่จะต้องแบกรับภาระหนี้สินที่มีการหมกเม็ดจากการอำพราง“เงินกู้” ทั้งจากงบประมาณแผ่นดินและจาก ธ.ก.ส.จำนวน 5 แสนล้านบาท ก็คือคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศเกือบ 70 ล้านคน
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี