หลังจากถูกกล่าวหาว่า ใช้ฮิซบอลเลาะห์ ฮูตี และฮามาส ทำสงครามตัวแทนมานาน คืนวันเสาร์ที่ 13 เมษายน ขีปนาวุธและโดรนของอิหร่านนับร้อยลำ ก็สามารถฝ่าด่านป้องกับแบบหมาหมู่เข้าสู่ใจกลางประเทศอิสราเอลได้ และทำลายความอหังการอเมริกา/อิสราเอล ลงได้อย่างมีนัย ที่เรียกว่า ระบบการป้องกันแบบหมาหมู่ ก็เพราะว่า ทันทีที่อิสราเอลจับสัญญาณได้ว่า ภัยกำลังมาถึงตัว บรรดาพันธมิตรอิสราเอล ที่มีฐานทัพอยู่ตะวันออกกลาง ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเลแดง ไม่ว่าจะเป็น กองทัพเรือสหรัฐ กองทัพฝรั่งเศส และกองทัพเรืออังกฤษ ต่างก็ระดมยิงขีปนาวุธจากระบบป้องภัยทางอากาศยังเป้าหมายทำลายขีปนาวุธและโดรนของอิหร่านก่อนล้ำเข้ามาในอิสราเอล
ลำพังไอรอนโดมของอิสราเอล ที่คุยนักคุยหนาว่ามีประสิทธิภาพสูงคงต้านขีปนาวุธของอิหร่านที่แม่นยำไม่ได้ อย่าว่าขีปนาวุธของอิหร่านเลย แม้แต่จรวดของฮามาส ไอรอนโดมก็ป้องกันไม่ได้ ปล่อยให้ฮามาสถล่มตอนใต้อิสราเอลได้ 2,500 นัด ในเวลานานกว่า 7 ชั่วโมง ก่อนที่กองทัพอิสราเอลตอบโต้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566
และการโจมตีของอิหร่านเมื่อคืนวันเสาร์ ถึงแม้ใช้ระบบป้องกันแบบหมาหมู่ แต่ก็ไม่อาจยับยั้งโดรนและขีปนาวุธประสิทธิสูงอิหร่านได้ทั้งหมด แหล่งข่าวในเมืองไฮฟาบอกกับ แนวหน้า ว่า Dozens Of Missiles ถล่มเป้าหมายในอิสราเอล คำว่า Dozens ในที่นี้อาจเป็นหลายสิบหรือนับร้อยนัด ซึ่งข้อมูลแหล่งข่าวในเมืองไฮฟาตรงกับข้อมูลคุณดารินที่โพสต์บนเฟซบุ๊ก Darin Karn ว่า “ยืนยันแล้วว่า ขีปนาวุธ Hypersonic “Fattah-1” ของอิหร่าน ซึ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอล ไม่สามารถต้านทานได้ และเข้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ....!!!
อย่างไรก็ตาม อิหร่านกับอเมริกาซึ่งปากกล้าขาสั่น กล่าวว่า การโจมแก้แค้นของอิหร่านเมื่อคืนวันเสาร์สร้างความเสียหายบาดเจ็บล้มตายเพียงเล็กน้อยพลเรือตรีแดเนี่ยล ฮาการี่ โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวว่า “ฐานทัพแห่งหนึ่งเสียหายเล็กน้อย มีรายงานข่าวการบาดเจ็บล้มตายประปรายที่เป็นข่าวใหญ่คือเด็กหญิงคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส..” เป็นธรรมชาติของการโฆษณาชวนเชื่อที่มักเอาเด็กเล็กผู้หญิงและคนชรามาเสนอเป็นเรื่องใหญ่
อย่างไรก็ตาม คำพูดของโฆษกกองทัพอิสราเอลย้อนแย้งกับจดหมายที่รัฐบาลอิสราเอลเขียนถึงประธานสภาความมั่นคงสหประชาชาติ (UNSC)ว่า..“ความร้ายแรงและปริมาณการโจมตีหนักหน่วงอย่างไม่เคยมีมาก่อน และเป็นการละเมิดอธิปไตยอิสราเอลและกฎหมายสากลอย่างโจ่งแจ้งตลอดถึงละเมิดมติของสภาความมั่นคงสหประชาชาติ”
สำนักข่าวบีบีซี รายงานจากกรุงเยรูซาเลมว่า...สัญญาณการโจมตีครั้งแรกชัดเจนขึ้นในตอนพลบค่ำเมื่อกองทัพอิสราเอลประกาศว่า กองทัพเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึกและเครื่องบินรบนับร้อยลำขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว และหลังจากนั้น โฆษกกองทัพก็ยืนยันว่า โดรนของอิหร่านขึ้นบินแล้วและมุ่งหน้ามาทางอิสราเอลทุกหลังคาเรือนในเยรูซาเลมได้ยินเสียงไซเรน แสงจากระเบิดวูบวาบขึ้นในตอนค่ำ ในขณะที่ไอรอนโดมหรือระบบป้องกันภัยทางอากาศปล่อยขีปนาวุธขึ้นต่อต้านเต็มพิกัด กองกำลังพิทักษ์อิสราเอล หรือ IDF แจ้งเตือนเหมือนกับการแจ้งเตือนในเยรูซาเลมทั่วประเทศ
ในไม่ช้าก็ชัดเจนขึ้นเมื่อกองทัพพันธมิตรเริ่มช่วยกันสกัดกั้นโดรนและขีปนาวุธได้จำนวนมากก่อนที่อาวุธร้ายจะมาถึงอิสราเอล แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่โดรนและขีปนาวุธจำนวนหนึ่งก็ผ่านเข้ามาได้ พลเรือตรีแดเนี่ยล ฮาการี่ โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวว่า 90% ของขีปนาวุธสามารถสกัดกั้นทำลายได้คณะรัฐมนตรีสงคราม เรียกประชุมฉุกเฉินกลางดึก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดว่า “ต้องโต้ตอบให้สาสม”
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ลอย ออสติน กล่าวว่า #สหรัฐไม่รั้งรอสนับสนุนการป้องกันอิสราเอล พร้อมทั้งประณามการโจมตีของอิหร่าน เรียกร้องให้อิหร่านรวมทั้งกองทัพตัวแทนของเตหะรานให้หยุดการโจมตีในทันที “เราไม่ลังเลที่จะปกป้องกองทัพของเราและสนับสนุนการป้องกันอิสราเอล”
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลจีนอยู่ระหว่างการพิจารณาความหนักเบาของสถานการณ์ แต่ไม่ประณามอิหร่านที่เปิดปฏิบัติการโจมตีอิสราเอล แถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 เม.ย. กล่าวว่า “จีนกังวลอย่างสุดซึ้งเกี่ยวกับความรุนแรงในขณะนี้” พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยับยั้งชั่งใจเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงขยายและความตึงเครียดมากขึ้น จีนซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ากับอิหร่าน เมื่ออาทิตย์ก่อนสหรัฐขอร้องให้จีนช่วยเตือนอิหร่านว่า อย่าโจมตีอิสราเอลเป็นการโต้ตอบอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐพูดในนามส่วนตัวว่า ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าจีนได้ใช้มาตรการใดๆกดดันอิหร่าน ตามรายงานของไฟแนนเชี่ยลไทม์
สภาความมั่นคงสหประชาชาติ (UNSC) เรียกประชุมฉุกเฉินในวันอาทิตย์เรื่อง โดรนและขีปนาวุธอิหร่านโจมตีอิสราเอล ประธาน UNSC กล่าวว่าอิสราเอลเป็นผู้เสนอให้สภาความมั่นคงประชุมฉุกเฉิน โดยจดหมายเขียนถึงประธาน UNSC วาเนสซา ฟราเซียร์กล่าวว่า การโจมตี “ได้คุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงนานาชาติอย่างใหญ่หลวง” จดหมายได้กล่าวหาอิหร่านว่า ละเมิดกฎหมายสากลและ “อิหร่านเป็นตัวการสร้างความไร้เสถียรภาพมานานหลายปี โดยผ่านการสนับสนุนฮามาสในกาซา ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน และฮุตีในเยเมน..ความร้ายแรงและปริมาณการโจมตีหนักหน่วงอย่างไม่เคยมีมาก่อน และเป็นการละเมิดอธิปไตยอิสราเอลและกฎหมายสากลอย่างโจ่งแจ้งตลอดถึงละเมิดมติของสภาความมั่นคงสหประชาชาติ” อิสราเอลยังเรียกร้องให้สหประชาชาติขึ้นบัญชี #กองทัพปฏิวัติอิสลาม ซึ่งเป็นสาขาของกองทัพอิหร่าน#เป็นองค์กรก่อการร้าย ซึ่งการประชุมฉุกเฉิน UNCS จะมีขึ้นวันอาทิตย์ที่ 14 เวลา 16.00 น. ตามเวลาในอเมริกา
ส่วนจดหมายอีกฉบับจากอิหร่าน เขียนถึงประธาน UNSC ว่า เป็นการปกป้องตัวเอง ตามมาตราที่ 51 ของธรรมนูญสหประชาชาติ และเป็นการสนองตอบอิสราเอลที่ใช้กองทัพรุกรานอย่างกำเริบเสิบสาน จดหมายถึงประธาน UNSC อิหร่านหมายถึงเมื่อวันที่ 1 เม.ย. เกิดเหตุเครื่องบินรบที่ต้องสงสัยว่าเป็นของอิสราเอล ทิ้งระเบิดใส่สถานทูตและสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านเสียชีวิต 7 นาย และในจำนวนนี้เป็นระดับผู้บัญชาการถึง 2 นาย
อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศกร้าวในสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสสิ้นสุดเดือนรอมฎอน ว่า “อิสราเอลต้องถูกลงโทษ” โดยย้ำว่าการโจมตีสถานกงสุล ก็เหมือนกับโจมตีแผ่นดินของอิหร่าน ซึ่งหลายฝ่ายวิตกว่าสถานการณ์นี้อาจนำไปสู่ “สงครามของจริงระหว่างอิหร่านและอิสราเอล” หลังจากที่มีสงครามตัวแทนอยู่แล้วที่ผ่านกลุ่มติดอาวุธต่างๆ เช่น ฮิซบอลเลาะห์และฮูตี ซึ่ง
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวว่าเขาจะประชุมกับผู้นำ G7 ในวันอาทิตย์ “เพื่อประสานงานกับคณะนักการทูตสนองตอบต่อการโจมตีไร้ยางอายของอิหร่าน” เขากล่าวเสริมว่า ทีมงานของเขายังคงติดต่อกับผู้นำอิสราเอลอย่างใกล้ชิด ไบเดนกล่าวว่า ขณะนี้สหรัฐยังไม่เห็นการโจมตีสถานที่สำคัญ “มันยังปลอดภัยจากการคุกคามทั้งปวง เราจะไม่ลังเลใจที่ปฏิบัติการจำเป็นเพื่อปกป้องคนของเรา”ไบเดน กล่าวสรุป
นั้นคือนิสัยถาวรของคู่แฝดอเมริกา/อิสราเอล ที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์อย่างไรมนุษยธรรม ทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลสถานทูตและสถานกงสุลโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายสากล แต่พอถูกคู่อริโจมตีบ้างก็โวยว่า อิหร่านโจมตีอิสราเอลโดยไร้ยางอายและผิดกฎหมายสากล ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าบัดนี้เบนจามิน เนทันยาฮู มีทางเลือกอยู่สองทางคือทำสงครามกับอิหร่าน หรือเจรจากับฮามาสเพื่อแลกเปลี่ยนปล่อยตัวประกันและทำข้อลงหยุดยิงถาวร
อดีตผู้สื่อข่าวสงครามในเมืองไฮฟา กล่าวว่า “เนทันยาฮู ต้องเลือกทำสงครามกับอิหร่าน เพื่อให้คนอิสราเอลชะลอการขับไล่เขาและเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ นอกนั้นเขายังถ่วงเวลาพิจารณาคดีคอร์รัปชั่นที่อาจทำให้เขาติดคุกได้ “เนทันยาฮูทำได้ทุกอย่าง เพื่อเอาตัวรอดประเทศพินาศไม่เป็นไรเขาไม่ต้องเข้าคุกเป็นพอ” แหล่งข่าวในเมืองไฮฟากล่าวกับแนวหน้า
อาจารย์ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงกล่าวว่า “คิดว่าทั้งสองฝ่ายต้องสู้รบ (ยิงขีปนาวุธใส่กัน) สักครั้งสองครั้งก่อนหาทางลงด้วยการเจรจา เนื่องจากว่าทั้งอิสราเอลและอิหร่านคงไม่ต้องการให้ขยายวงออกไปกลายเป็นสงครามในภูมิภาค..”
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี