ที่สุด “รัฐบาลหนูน้อยถุงเท้าแดง - เศรษฐา ทวีสิน” บุคลากรที่ “นักโทษเด็ดขาดชาย - ทักษิณ ชินวัตร/โจรคดีวงจรอุบาทว์ทุจริตคอร์รัปชั่นโกงบ้านกินเมือง ฉ้อฉลเงินภาษีอากรประชาชน” สำรอกสำรากเชยชมกลางที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ของ “พรรคเพื่อไทย” เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมาปอปั้นว่าเหมาะสมกับการบริหารประเทศในสถานการณ์เยี่ยงนี้ ก็คลอดรายละเอียดในการดำเนินการตามนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต (Digital Wallet)
รัฐบาลอ้างว่า ประเทศเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะข้อมูลสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สศช. ประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ว่าน่าจะขยายตัวที่ระดับร้อยละ 2.7 ต่อปี ต่ำกว่าประมาณการเดิม ทำให้ต้องดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ
ยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง, เกษตรกร เป็นต้น ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สามารถพึ่งพาตนเองได้รวมทั้งสร้างและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชนส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม
สัญญาว่าจะให้เงินจำนวนนี้กับประชาชนอายุ 16 ปี ขึ้นไป ที่ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเงื่อนไขใหม่โดยยืนยันว่าโครงการนี้ไม่จำเป็นต้องกู้เงินมาดำเนินการ บัดนี้รัฐบาลประกาศทิศทางและรายละเอียดการดำเนินการที่ชัดเจนอีกครั้ง ทว่า ไม่ตรงปกเลยสักนิด
รัฐบาลต้องใช้เงินกว่า 5 แสนล้านเพื่อดำเนินโครงการ โดยจัดสรรจาก 3 ทาง 1. เกลี่ยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาแล้ว โดยอาศัย มาตรา 36 ของพระราชบัญญัติพิธีการงบประมาณ 2561 และพระราชบัญญัติ โอน งบประมาณ รายจ่าย พ.ศ. 2560 บวกงบกลางน่าจะได้ราว 1.75 แสนล้าน,ก้อนที่สอง ยืมเงิน 172,300 ล้านบาท จาก “ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรรัฐวิสาหกิจตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ
ขณะที่ก้อนสุดท้ายก็ไม่พ้นถ่มน้ำลายรดฟ้าเพิ่มวงเงินขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 อีกราว 152,700 ล้านที่เคยดูแคลนรัฐบาลลุงตู่ – พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ตลอดมา
อาการไม่ตรงปกไม่อยู่กับร่องกับรอยของรัฐบาลทำสังคมไทยเวียนศีรษะมิใช่น้อย เพราะมันโยงใยไปว่าตกลงนโยบายที่คนจำนวนไม่น้อย พ่อค้าแม่ขายเฝ้ารอหวังว่าจะใช้เงินจำนวนนี้มาหมุนพยุงภาระครัวเรือนรัฐบาลเบี้ยน้อยหอยน้อยนี้จะยังดำเนินการอยู่หรือไม่ หรือจะให้มันค่อยๆ เงียบหายไปเช่นเดียวกับนโยบายค่าแรงงานขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ นโยบายจบปริญญาตรีเงินเดือนขั้นต่ำ 25,000 บาท ฯลฯ ใช่หรือไม่
พูดก็พูดเถอะ หายไปตั้งหลักอยู่หลายเดือน กลับมานึกว่าทีเด็ดแต่ที่เจอที่เห็นคือ สำรอกสำรากไม่ตรงปก วัตถุประสงค์ที่ดำเนินการตามขั้นต้นต่างจากโครงการคนละครึ่งของรปภ.โง่ที่ท่านบูลลี่ความรู้ความสามารถมาตลอดเวลาตรงไหนเอาปากกามาวงทีเถอะ!?!?!
ซ้ำรายไม่กระดากอายกันสักนิดทั้ง “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง และเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรมว.คลัง ตั้งโต๊ะแถลง ร้านสะดวกซื้ออย่าง“เซเว่น-อีเลฟเว่น/7-11” ถือเป็นร้านค้าขนาดเล็กที่เข้าเงื่อนไขโครงการ เพราะต้องการให้เงินกระจายอยู่ในชุมชน หรือเพราะรัฐบาลกำหนดสเปกร้านค้าที่สามารถถอนเงินสดจากโครงการ ต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีเงินได้, บุคคลธรรมดา, ภาษีเงินได้นิติบุคคล อย่างนั้นมิใช่หรือ
ท่านอัครเสนาบดี, ท่านเสนาบดีทั้งหลาย เคยเห่ากระโชกแหกปากด่ารัฐบาลลุงตู่ว่านโยบายคนละครึ่งเอื้อนายทุน ทำให้ประชาชนเป็นหนี้ร้อยปีแล้วนี่ล่ะใช่พฤติกรรมเชลียร์ทุนใหญ่หรือเปล่า
ท่านจึงว่า อย่าวางใจ “สัตว์มีขน คนมีเขี้ยว”
คุณหลอกดาว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี