แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
■■ คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่ แต่เราอยู่พอมีพอกินและขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบ และทำงานตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งปณิธานในทางนี้ที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบ เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดยิ่งยวดได้... (ความตอนหนึ่งจากพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต 4 ธันวาคม 2517)...
■■ ข่าวเรื่องนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทย ทำการนอกหน้าที่ คือการเสนอตัวเป็นคนกลางจัดเจรจาให้กับกลุ่มกองกำลังต่างๆ ของเมียนมา และรัฐบาลทหารเมียนมา ทั้งๆ ที่ตนเองยังมีสถานภาพนักโทษ ทำให้เกิดคำถามใหญ่ตามมามากมาย โดยเฉพาะประเด็นที่ว่ารัฐบาลไทยชุดปัจจุบันรู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่ กระทรวงการต่างประเทศของไทยรู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ตั้งแต่อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปานปรีย์ พหิทธานุกร มาจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบัน คือ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รู้เรื่องรู้ราวนี้มาก่อนหรือไม่ เพราะข่าวระบุว่านักโทษชายทักษิณก่อการเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านไป คำถามคือเรื่องสำคัญระหว่างประเทศเช่นนี้เป็นหน้าที่ของนักโทษหรือ การกระทำการใดๆ ในฐานะรัฐต่อรัฐ หรือรัฐต่อกลุ่มกองกำลังใดๆต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลเท่านั้น โดยรัฐบาลต้องสั่งการหรือมอบหมายให้ใครคนใดคนหนึ่งรับหน้าที่ในภารกิจสำคัญนั้น คำถามที่คนทั้งประเทศ และประชาคมนานาชาติที่ติดตามเรื่องปัญหาภายในเมียนมาถามว่า ใครอนุมัติให้นักโทษชายทักษิณกระทำการเป็นตัวการจัดเจรจา รัฐบาลไทย หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือใครหน้าไหนในรัฐบาลชุดนี้เป็นคนสั่งการ หรือว่าไม่มีใครสั่งการ แต่ทว่านักโทษชายทักษิณกระทำไปโดยพลการ...
■■ มีข่าวระบุอีกว่าเมื่อสงกรานต์ปีนี้นักโทษชายทักษิณได้พบกับตัวแทนกองกำลังชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่ม เช่น KNLA (กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง) KNPP (พรรคก้าวหน้าแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือคะเรนนี) KNO (องค์กรแห่งชาติคะฉิ่น) เจ้ายอดศึก แกนนำกลุ่มกอบกู้รัฐฉาน (SSA/RCSS) และตัวแทนกลุ่มกองกำลังชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธ์ุอีกหลายกลุ่ม และมีข่าวว่านักโทษชายทักษิณยังพบกับตัวแทน KNU (สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง) และซิน มา อ่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG : National Unity Government) ซึ่งเป็นกลุ่มสนับสนุนออง ซาน ซู จี โดยทั้งหมดในกลุ่มหลังนี้ ตามข่าวระบุว่าพบกับนักโทษชายทักษิณที่กรุงเทพฯ...
■■ ทั้งนี้ยังมีคำถามเดิมคือ นักโทษชายทักษิณได้รับอนุญาตจากรัฐบาลไทยให้ทำการเรื่องนี้ ใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริง รัฐบาลไทยต้องตอบคำถามคนไทยทั้งประเทศ และชาวโลกให้ได้ว่า ทำไมรัฐบาลไทยจึงมอบหมายให้นักโทษเป็นตัวกลางเจรจา เหตุใดไม่ใช้กลไกของรัฐบาล หรือว่ารัฐบาลหุ่นกระบอกภายใต้การเชิดชักของนักโทษชายทักษิณต้องทำการทุกอย่างตามคำบงการของนักโทษชายทักษิณ...
■■ ปัญหาใหญ่ที่จะตามมาหลังจากนักโทษชายทักษิณก่อการเรื่องนี้ก็คือ สมาชิก ASEAN จะมีความเห็นอย่างไรกับการกระทำของไทยในครั้งนี้ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการกระทำของไทยแน่ๆ เพราะนักโทษชายก่อการเรื่องนี้ในเขตแดนประเทศไทย ทั้งที่เชียงใหม่และกรุงเทพฯ เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะทำให้ ASEAN สบายใจมากนัก เพราะถือเป็นการกระทำที่ไม่ผ่านความเห็นร่วมกันของ ASEAN...
■■ อันที่จริง ไทยพยายามแก้ปัญหาภายในเมียมนามาโดยตลอด เพราะมีหน่วยงานต่างๆ รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่การที่จู่ๆ ก็มีข่าวยืนยันว่านักโทษชายทักษิณกระทำการเรื่องนี้ จึงทำให้ต้องถามไปยังรัฐบาลไทย และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลไทยว่า รู้เห็นเป็นใจกับนักโทษชายทักษิณหรือไม่ หรือทั้งหมดที่กระทำไปนั้นเกิดมาจากความสาระแนของนักโทษชายทักษิณเป็นสำคัญ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะการที่ตัวแทนกลุ่มต่างๆ ของเมียนมาจะเข้ามาเจรจากับใครในประเทศไทยนั้น เขาต้องถามก่อนว่าใครคือคนจัดการเจรจา เขาไม่มีวันโง่เข้ามาเจรจากับคนที่ไม่มีอำนาจใดๆ เป็นอันขาด นั่นก็แสดงให้เห็นชัดว่านักโทษชายทักษิณมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลปัจจุบัน...
■■ มีประเด็นน่าสังเกตว่าการแบ่งหน้าที่ แบ่งอำนาจในหมู่รองนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ชุดล่าสุดนั้น พบว่าภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้อำนาจควบงานดังต่อไปนี้คือควบคุมกระทรวงกลาโหม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และยังควบตำแหน่งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประธานคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงแห่งชาติ ประธานคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน และประธานคณะกรรมการด้านความมั่นคงอีกหลายคณะ เพราะฉะนั้น จึงเห็นชัดว่าภูมิธรรมนั่งควบเก้าอี้ทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านความมั่นคงไปพร้อมๆ กัน ส่วนเศรษฐายังคงดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ แต่ทว่าเศรษฐาไม่ได้ดูแลกระทรวงกลาโหม...
■■ การที่ภูมิธรรมได้ดูแลกิจการด้านความมั่นคงอย่างมากมายหลายหน่วยงาน ทำให้คอการเมืองไทยมองตรงกันว่า นี่คือเกมการเมืองที่นักโทษชายทักษิณวางหมากไว้เพราะคอการเมืองเข้าใจดีว่านักโทษชายทักษิณต้องการ show off the power เพื่อให้ตนเองเข้าไปยุ่มย่ามวุ่นวาย
กับหน่วยงานด้านความมั่นคง ดังนั้น การที่สั่งให้ อ้วน- ภูมิธรรม ไปคุมหน่วยงานด้านความมั่นคง ก็เพื่อความสะดวกของนักโทษชายทักษิณที่จะเข้าไปล้วงลูกได้โดยสะดวกดายเพราะภูมิธรรมต้องรับคำสั่งของนักโทษชายโดยดุษณี...
■■ ดังนั้น จึงทำให้สาธารณชนเห็นแล้วว่า การที่นักโทษชายทักษิณแสดงอิทธิฤทธิ์แบบที่ตนเองไม่มีอำนาจโดยตรง ในการเข้าไปก้าวก่ายกิจการระหว่างประเทศในกรณีของเมียนมาก็คือการยืมมือของภูมิธรรมนั่นเอง ในขณะเดียวกันก็มีข่าวว่านักโทษชายทักษิณจะพยายามเข้าไปก้าวก่ายกิจการของมาเลเซียอีกด้วย ดังพบว่าเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม นักโทษชายทักษิณไปภูเก็ต แต่ก็มีข่าวว่าได้นัดพบกับผู้มีอำนาจรัฐบางรายของมาเลเซีย...
■■ ต้องจับตาเฝ้าดูกันให้ดีว่านับจากนี้ไป นักโทษชายทักษิณจะแสดงอิทธิฤทธิ์ใดๆ โดยการดึงอำนาจมาจากมือของภูมิธรรม แล้วใช้อำนาจ
ในฐานะผู้มีอิทธิพลเหนือภูมิธรรม ส่วนเศรษฐาที่ต้องการจะแสดงบทบาทเหนือกระทรวงกลาโหมก็ต้องกินแห้วไป แม้ในช่วงการปรับคณะรัฐมนตรี มีข่าวว่าเศรษฐาจะไปนั่งควบเก้าอี้กระทรวงกลาโหม โดยจะเขี่ย สุทิน คลังแสง ออกไป แต่สุดท้ายสุทินก็ยังคงนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหมต่อไป โดยที่เศรษฐาไม่มีอำนาจดึงกลาโหมไปไว้ในอาณัติของตน แถมสุดท้ายท้ายสุด เศรษฐายังเหลือเพียงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเพียงตัวเดียว แต่เป็นเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่ไม่น่าจะมีอำนาจจริง เพราะทุกวันนี้ก็ยังถูกสาธารณชนวิพากษ์ว่าเป็นแค่เพียงหุ่นกระบอกที่ถูกเชิดโดยนักโทษชายทักษิณ...
■■ ปิดท้ายด้วยข่าวที่พูดกันหนาหูว่า แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวเจ้าของพรรคเพื่อไทย น่าจะหมดอนาคตทางการเมืองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเสียแล้วเพราะเพียงแค่เปิดฉากการเมืองมาได้ไม่นาน ก็พบว่าแพทองธารยังละอ่อนในเชิงการเมืองจนน่าสมเพช เพราะพลาดไปเสียทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่อง Soft Power สงกรานต์ตลอดเดือนเมษายน แถมมาในช่วงหลังกลับเสียหลักเสียศูนย์ เสียผู้เสียคนไปแล้ว เพราะปากพล่อย หลงอ่านบทที่ใครไม่รู้เขียน script ให้ โดยพูดออกไปว่า (ผู้ว่าการฯ) แบงก์ชาติเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อแพทองธารผู้อ่อนโลกอ่าน script โดยไม่มีสติปัญญาไตร่ตรองเนื้อหา ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์หนักๆ จนเข้าข่ายถูกด่าทอว่าอ่าน (พูด) ไปโดยไม่มีสมอง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่ใครต่อใครจะรู้ว่าระดับสติปัญญาของแพทองธารมีแค่เพียงจำกัดมาก เห็นแพทองธารอ่าน script แล้วก็ทำให้นึกถึงเรื่องเบาปัญญา thank you three times ในสมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี