แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
■■ ข้าพเจ้าอยากให้ทุกคนนึกถึงกฎแห่งเหตุผล ว่าผลเกิดขึ้นเพราะเหตุ คือการกระทำ และผลนั้นจะเป็นผลดีหรือผลเสีย ก็เพราะกระทำให้ดีหรือให้เสีย ดังนั้น การทำงานใดให้บรรลุผลที่พึงประสงค์จะต้องพิจารณาถึงวิธีการที่เหมาะสมก่อนเป็นเบื้องต้น แล้วลงมือกระทำตามหลักแห่งเหตุผล ด้วยความตั้งใจจริงและด้วยความสุจริต งานของแต่ละคนจึงจะเป็นผลดี และเชื่อได้ว่าผลงานของแต่ละคนจะประมวลกันเป็นความเจริญมั่นคงของบ้านเมืองได้ดั่งปรารถนา... (ความต่อเนื่องจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 9 กรกฎาคม 2513...
■■ คำพูดที่โง่เขลาแสดงออกถึงความไร้ปัญญาของผู้พูด การปล่อยให้คนโง่พูดในเรื่องสำคัญ คือการทำให้สังคมรับรู้ว่าคนโง่มีแต่ความกลวงในกะโหลกศีรษะ ฉันใดก็ฉันนั้นการที่หัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งแสดงความโง่อย่างสุดๆ ออกมา ก็คือการตอกย้ำให้เห็นว่า สส.ภายในพรรค ล้วนมีแต่คนโง่เขลา จึงยอมอยู่ในสังกัดของหัวหน้าพรรคที่ไร้มันสมอง และไร้สติปัญญา...
■■ พูดเพียงเท่านี้ผู้ที่มีปัญญา คงเห็นชัดเจนแล้วว่าพรรคการเมืองที่มีหัวหน้าพรรคโง่เขลา คือพรรคชื่ออะไร ใครเป็นเจ้าของพรรค แล้วที่สำคัญคือจะเห็นได้ชัดเจนด้วยว่าหัวหน้าพรรคเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่หาคุณค่าใดๆ ต่อประเทศชาติมิได้ด้วยประการทั้งปวง ดังนั้น จึงไม่ควรปล่อยให้สิ่งมีชีวิตที่ไร้สติสิ้นปัญญาตะกายขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เพราะจะทำให้ประเทศชาติพังพินาศหายนะ...
■■ นับเป็นเรื่องน่าสังเวชที่ผู้ทำหน้าที่กระบอกเสียงของพรรคเพื่อไทยออกมาอ้างว่านายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ไม่ได้กดดันหรือแทรกแซงการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย การที่กระบอกเสียงคนดังกล่าวของพรรคเพื่อไทยออกมาอ้างเช่นนั้น ก็แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยชื่นชอบกับการแสดงท่าทีและคำพูดในเชิงกดดันและแทรกแซงมาโดยตลอด จนทำให้คนในพรรคแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือการแทรกแซงกดดัน และอะไรคือการหารือร่วมกัน ยิ่งฟังคำพูดของกระบอกเสียงของพรรคเพื่อไทยก็ยิ่งเกิดอาการสังเวชมากยิ่งขึ้น ราวกับจะบอกว่าคนไทยไร้สติสิ้นปัญญา แยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือพฤติกรรมแทรกแซง และอะไรคือการหารือร่วมกัน...
■■ หลายคน โดยเฉพาะ คนที่มีสติปัญญาต่างรู้สึกสังเวชที่ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งสาธารณชนรับทราบมาโดยตลอดว่าสอบเข้าศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้โดยกรรมวิธีที่ไม่สุจริต แต่แล้ววันหนึ่งสาธารณชนก็ได้เห็นคนผู้ซึ่งไม่มีความรู้ด้านนโยบายการเงินการคลังในระดับที่ลุ่มลึกโดยแท้ แต่ดันเผยอหน้า ขยับปากกล่าวร้ายการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการจงใจกดดันผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จนมีเสียงตอบโต้กลับอย่างรุนแรงจากสาธารณชนว่า สิ่งที่แพทองธารบอกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นตัวปัญหาและเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ พลันเมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวเช่นนั้น ก็ทำให้ถูกตอบโต้กลับว่าตัวปัญหาและตัวอุปสรรคสำคัญของการพัฒนาประเทศอยู่ที่นักการเมืองทุจริต และนักการเมืองไร้สติปัญญามากกว่า พร้อมกับบอกว่าการขึ้นหรือลดดอกเบี้ยนโยบายตามความต้องการของนักการเมืองที่โง่เขลา คือการลากให้ประเทศและประชาชนตกนรกขุมที่ต่ำที่สุดของนรกทั้งปวง...
■■ อันที่จริงแล้วหากเจ้าของพรรคเพื่อไทยเห็นว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนล่าสุดมีสติปัญญาสูงส่ง สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศชาติได้ ก็น่าจะส่งไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อจะให้รู้กันไปเลยว่าสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจะพบกับความบรรลัยภายในกี่ชั่วโมง ผู้ที่ติดตามสถานการณ์การเมืองบอกตรงกันว่าแค่ปล่อยให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยพูดเรื่อง Soft Power ของประเทศไทย ก็ทำให้รู้ซึ้งถึงระดับสติปัญญาของผู้พูดได้อย่างถึงแก่นแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้ไปพูดเรื่องนโยบายการเงินการคลังของประเทศ มีหวังคงได้หัวเราะขบขันกันยิ่งกว่าดูภาพยนตร์ตลกที่แสดงโดยนักแสดงตลกชั้นนำของโลก...
■■ เมื่อกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีรัฐมนตรีว่าการคนใหม่ล่าสุดชื่อ เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ก็ทำให้คนเก่าคนแก่ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมถึงคน ททท. ยุคปัจจุบันจำนวนไม่ใช่น้อยต่างลงความเห็นตรงกันว่า ททท. ยุคนี้น่าจะมีเรื่องสนุกสนานเกิดขึ้นอีกมากเพราะน่าจะมีอิทธิฤทธิ์บางประการของมาดามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ แสดงออกมาเป็นระยะฯ มาดามของรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวชื่อ ระเบียบรัตน์แค่เพียงพูดชื่อนี้ขึ้นมาหลายคนก็อมยิ้มพร้อมกับเบ้ปาก มองบน โดยพร้อมเพรียงกัน...
■■ มติคณะมนตรีวันที่ 23 เมษายน 2567 เห็นชอบให้ทำประชามติสามครั้งก่อนแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน และเห็นชอบให้แก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 ซึ่งเรื่องนี้พรรคก้าวไกลมองว่าเป็นการจงใจยื้อการแก้รัฐธรรมนูญ นั่นหมายความว่าจะต้องแก้พระราชบัญญัติประชามติก่อนที่จะจะออกเสียงประชามติครั้งแรก เพื่อถามความเห็นชอบจากประชาชนในการจัดทำหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประเด็นนี้ถูกวิจารณ์ว่าฝั่งรัฐบาลต้องการยื้อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้ดูเสมือนว่าจะเคยมีข้อตกลงร่วมกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล...
■■ ชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำพรรคฝ่ายค้านในสภาสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคก้าวไกล บอกว่านี่คือสัญญาณอันตรายที่ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามยื้อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ผู้นำฝ่ายค้าน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเลือกใช้กลไกกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้ทำร่างประกบให้เสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคม เพื่อให้ทันเวลาที่สภาผู้แทนราษฎรจะนำไปพิจารณาพิจารณาในสมัยประชุมวิสามัญนี้...
■■ ประเด็นสำคัญในการพิจารณาเกณฑ์การออกเสียงประชามติที่จะใช้วัดว่าเรื่องนั้นจะผ่านประชามติหรือไม่กำหนดไว้ว่า ให้ใช้เกณฑ์ผ่านด้วยเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งสองขั้น โดยขั้นแรกกำหนดให้ผู้มีสิทธิ์ต้องออกไปใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และขั้นที่สองคือต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ทั้งหมด โดยมีข้อแตกต่างระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยคือ ก้าวไกลแก้ไขให้เป็นการออกเสียงที่ถือเป็นข้อยุติต้องมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงในเรื่องที่ทำประชามติ แต่พรรคเพื่อไทยแก้ไขเป็นการออกเสียงให้ถือเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง โดยให้ดูว่าคะแนนเสียงข้างมากต้องสูงกว่าคะแนนเสียงที่ไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องทำประชามติ...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี