วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ข่าวคราวฮือฮาของสัปดาห์นี้ก็คงเป็นเรื่องของท่านนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ไปพบนายวิษณุ เครืองามถึงบ้าน จากนั้นก็ออกคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ความสนใจพุ่งเป้าไปที่ทำไมจึงมีการแต่งตั้ง และแต่งตั้งเพื่อประโยชน์สิ่งใด ซึ่งเป็นเรื่องลับและมีเหลี่ยมลึกอยู่ไม่น้อย จึงเป็นธรรมดาที่ผู้คนต้องให้ความสนใจ
เบื้องแรกคือเป็นความคิดของท่านนายกฯเศรษฐา เองหรือใครแนะนำให้ไปเชิญ ซึ่งบังเอิญเรื่องนี้เกิดขึ้นใกล้ๆ กับการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งตอนแรกคนก็คิดว่าเป็นดำริของท่านนายกฯเศรษฐาแต่ต่อมานายทักษิณ ชินวัตร ก็เปิดเผยว่าเป็นผู้ออกความเห็นให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เรื่องจึงโอละพ่อขึ้น
ความจริงก็มีความเข้าใจกันโดยทั่วไปแล้วว่านายทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของพรรค เป็นผู้มีอำนาจแท้จริงเหนือพรรค แต่ในเมื่อ กกต. ยังไม่คิดหรือดำเนินการใดๆ เรื่องนี้ก็ต้องเลยตามเลยไปก่อน แต่ก็ทำให้ผู้คนเข้าใจว่าการไปเชิญนายวิษณุ เครืองามมาเป็นที่ปรึกษาครั้งนี้น่าจะเกิดจากการแนะนำของนายทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง
อาจมีข้อสงสัยว่าก็นายทักษิณ ชินวัตร เคยให้สัมภาษณ์สาธารณะติเตียนนายวิษณุ เครืองาม อย่างรุนแรงมาก่อน เช่น ว่าเป็นผู้ใช้กฎหมายที่น่าละอายที่สุด แม้ยังน้อยไปกว่าที่ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคยติเตียนว่าเป็นคนเดียวที่พระอริยสงฆ์อย่างหลวงตาพระมหาบัวคว่ำบาตรเมื่อครั้งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช แต่เรื่องนี้สำหรับการเมืองไทยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
เพราะทุกคนก็รู้กันอยู่แก่ใจว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังทำการใหญ่ กำลังคิดการใหญ่ และกำลังรวบรวมผู้คนทั้งหลายมาร่วมทำการใหญ่นั้น แม้คนที่เคยบาดหมางกันมาแต่ก่อนหรือขุ่นข้องหมองใจกันก็ไปเชื้อเชิญรวบรวมมาเพื่อช่วยทำการใหญ่นั้น
อย่างน้อยก็ขอให้นึกถึงภาษิตการเมืองไทยที่พูดกันเกลื่อนไปว่า การเมืองไทยไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ดังนั้นเมื่อมีความจำเป็นบางประการเกิดขึ้นที่ต้องใช้บริการอภินิหารทางกฎหมาย ก็สามารถทำใจดึงตัวมาช่วยงานได้
ความที่จะทำการใหญ่ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านเมืองนั้นรู้กันทั่วไป จากการเดินสายไม่เว้นแต่ละวันของนายทักษิณ ชินวัตร แต่ถ้าดูในเบื้องลึกก็เห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนอยู่สามเรื่อง ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการใหญ่อยู่ จำเป็นต้องอาศัยอภินิหารทางกฎหมายที่ต้องใช้มือระดับนายวิษณุ เครืองาม อุปสรรคใหญ่ที่จำเป็นต้องรีบเห็นแก้ไขเห็นจะมีอยู่สามเรื่อง
หนึ่ง คือปัญหาการขาดผู้รับผิดชอบดูแลงานด้านกฎหมายในคณะรัฐมนตรี จึงมีความพยายามที่จะเอานายพิชิต ชื่นบาน เข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ แต่ถูกคัดค้านในตอนแรก และมีไฟเขียวผ่านจนมีการแต่งตั้งแล้วเกิดเรื่องเกิดราวขึ้น แม้กระนั้นก็รู้อยู่ว่านายพิชิต ชื่นบาน มีจุดอ่อน และที่สำคัญคือไม่ใช่นักกฎหมายมหาชน และไม่เคยคร่ำหวอดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน จึงทำให้หลายอย่างตะกุกตะกักไปหมด หากไม่รีบแก้ไข การใหญ่ก็จะประสบปัญหา เบาะๆ ก็สะดุดขาตัวเองหัวทิ่มลงบ่อ จึงต้องรีบแก้ไขปัญหานี้
สอง คือปัญหาเครือข่ายการประสานงานและความสัมพันธ์กับ สว. และองค์กรอิสระ ตลอดจนบุคคลสำคัญในกระบวนการยุติธรรมทั้งหลาย และองค์กรตรวจสอบทั้งหลาย ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าร่วมสิบปีที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่การคัดเลือก สว. ตั้งแต่การคัดเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งต่างๆ ในองค์กรอิสระและองค์กรสำคัญจะเกี่ยวข้องอยู่กับการทำงานของนายวิษณุ เครืองาม ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายอย่างใกล้ชิด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มืดบอดสำหรับพรรคเพื่อไทยซึ่งห่างจากอำนาจรัฐไปกว่าสิบปีแล้ว และกำลังเผชิญสารพัดปัญหาที่ต้องอาศัยอภินิหารทางกฎหมายมาช่วยแก้ไขปัญหา
สาม เป็นภารกิจสำคัญยิ่งยวดของตระกูลชินวัตร นั่นคือการนำนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับบ้านในเดือนกันยายน 2567 โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ซึ่งเป็นบริการที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง และเป็นบริการที่นายทักษิณ ชินวัตร ย่อมรู้ดีว่าใครเป็นผู้ให้บริการเรื่องนี้ดังนั้นภารกิจนี้จะสำเร็จลุล่วงได้ก็ต้องอาศัยมือนักกฎหมายผู้มีประสบการณ์และมีความกว้างขวางระดับนายวิษณุ เครืองาม เท่านั้น
ความปรารถนาที่ลึกๆ เช่นนี้จึงน่าจะเป็นเหตุผลที่แท้จริงของการแนะนำให้ท่านนายกฯ เศรษฐาต้องออกหน้าไปเชื้อเชิญนายวิษณุ เครืองาม ถึงบ้าน เพื่อมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งไม่เคยมีตำแหน่งนี้มาแต่ก่อนเลย
แค่ตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็น่าจะเห็นลีลาอ่อนพลิ้วล้ำลึกได้ไม่ยาก เพราะตำแหน่งนี้ไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมือง จึงไม่ขัดกับที่นายวิษณุ เครืองาม เคยพูดไว้ก่อนจะพ้นตำแหน่งว่าจะไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก จะขออยู่บ้านเลี้ยงหลานและรักษาตัวเพื่อสุขภาพที่ดี
ควรจะรู้ว่าการเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีหรือเป็นเลขาธิการหรือเลขานุการนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี ล้วนเป็นตำแหน่งทางการเมืองทั้งสิ้น และต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินทั้งสิ้น แต่ตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนั้นกลับไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมืองเพราะไม่มีทำเนียบตำแหน่งนี้ในกฎหมายการจัดกระทรวงทบวงกรม และกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และกฎหมายเกี่ยวกับการจัดทำเนียบตำแหน่งข้าราชการทางการเมือง จึงอาจถือได้ว่าไม่ใช่ข้าราชการทางการเมืองและไม่มีทำเนียบที่จะต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่นายวิษณุ เครืองาม เดินเส้นทางสายนี้มาตลอด
ทั้งๆ ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนั้นคือศูนย์กลางอำนาจรัฐ เป็นศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นผู้ใช้อำนาจบริหารในระบอบประชาธิปไตย เป็นตัวจริงของรัฐบาล แต่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกลับมีตำแหน่งเป็นเพียงข้าราชการประจำ ดังนั้นจึงอาจจะคิดว่าเมื่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นข้าราชการประจำ ตำแหน่งที่ปรึกษาก็อาจอนุโลมเป็นข้าราชการประจำด้วย
นี่คือเหลี่ยมลึกของการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่ระวังจะสะดุดเปลือกกล้วย เพราะตำแหน่งนี้ไม่มีทำเนียบตำแหน่งในกฎหมายบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมายการจัดกระทรวงทบวงกรม รวมทั้งพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินเดือนสำหรับข้าราชการ จึงอาจถือว่าเป็นตำแหน่งเถื่อนก็ได้ ซึ่งปัญหานี้ก็คงจะมีผู้ติดตามต่อไปอย่าได้สงสัยเลย

ได้คิวหวดกัมพูชา! เปิดโปรแกรมบอลไทยล่าทองซีเกมส์
'สุริยะ'ฟ้อง'ไทกร'หมิ่นประมาท กล่าวหาบีบ'อิ๊งค์'พ้นหัวหน้าเพื่อไทย
'วิชุดา' ลูกสาว 'ศักดิ์ดา' เข้ารายงานตัวต่อสภาฯ ทำหน้าที่ สส. แล้ว
'เพื่อไทย'เปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัคร สส.ล็อตใหม่เพิ่ม 11 คน เผย 'นนทบุรี' ครบทุกเขต
ชาวบ้านชายแดนสุรินทร์ยังผวา! พบโดรนปริศนาบินเหนือชุมชนกลางดึก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี