นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เป็นเหยื่อล่าสุดของนายใหญ่เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง อนาคตทางการเมืองของนายเศรษฐาแขวนบนเส้นด้าย ระหว่างศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าผู้ถูกร้อง ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า เขาผิดตามคำร้องของ 40 สว.และมีคำสั่งให้พ้นจากหน้าที่นายกรัฐมนตรีก็ถือได้ว่านายเศรษฐาโชคดีที่ไม่ต้องอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนถึงวันติดคุกติดตะราง เหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในเครือข่ายนายใหญ่หลายสิบคน
ดูจากอาการร้อนใจที่นายเศรษฐา แจ้นไปปรึกษาเนติบริกร เจ้าของวาทกรรม “อภินิหารทางกฎหมาย” นายเศรษฐาคงไปขอคำแนะนำว่า #ควรทำอย่างไรชิงลาออกดีไหม หรือไม่ก็ยุบสภาล้างไพ่จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ นอกเหนือจากนี้ ยังนึกไม่ออกว่า นายเศรษฐา ไปขอคำปรึกษาเนติบริกรทำไม ในเมื่อพรรคเพื่อไทยมีที่ปรึกษากฎหมายอย่าง นายชูศักดิ์ศิรินิล นายวิญญัติ ชาติมนตรี และ นายพิชิต ชื่นบานที่เป็นทนายคู่ใจทักษิณมาหลายปี
นายวิษณุ เครืองาม ผู้ได้สมญานาม “เนติบริกร”เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของทักษิณ ชินวัตร มานาน และเขาเป็นรองนายกรัฐมนตรี รักษาการควบรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ให้คำปรึกษานักโทษหนีคุกในวันที่ทักษิณกลับมาถึงประเทศไทย นายวิษณุเข้าไปพบนักโทษหนีศาลในเรือนจำนานเป็นชั่วโมง ตอนค่ำวันที่ 22 สิงหาคม 2566 เนติบริกร คงถ่ายทอดวิชา “อภินิหารทางกฎหมายให้ทักษิณถึงไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว”
ประวัติการพิจารณาคดีตั้งแต่มีศาลรัฐธรรมนูญปี 2540 พบว่าศาลฯรับพิจารณาคดีร้องนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 6 คน และ ผู้ถูกร้องทั้งหกคนที่ผ่านมา ยกเว้นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ล้วนแต่เป็นคนในเครือข่ายพรรคเพื่อไทยที่เป็นมรดกตกทอดของทักษิณผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และในจำนวน 4 อดีตนายกฯที่ศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาคดี มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียวที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ลงมติ 8 ต่อ 7 เสียงว่าผู้ถูกร้องไม่มีความผิดตามคำร้องที่ว่า “ซุกหุ้นไว้กับคนขับรถ แม่บ้านและคนใกล้ชิดหลายราย เพื่อไม่ให้ขัดรัฐธรรมนูญในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ส่วนผู้ถูกร้องอีก 3 คน ได้แก่ นายสมชายวงศ์สวัสดิ์ นายสมัคร สุนทรเวช และน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ผิดตามคำร้อง เป็นที่น่าสังเกตว่า อดีตนายกฯสี่คนของเครือข่ายไทยรักไทย มีแต่ทักษิณคนเดียวที่รอดพ้นมาได้ นี้ฤาเป็น เพราะเนติบริกร #สร้างปฏิหาริย์ทางกฎหมายให้
บัดนี้ นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดคงสำเหนียกว่า เขาต้องพบชะตากรรมเลวร้าย หากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาให้เขาเป็นนายกฯต่อไปได้ ถึงจุดนั้นเขาอาจพบชะตากรรมเหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นตำแหน่งนายกฯแล้ว ต่อมา เธอถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก 5 ปี ฐานะจำเลยในคดีจำนำข้าวฐานความผิดละเลยปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ที่รู้ว่ามีการโกงอย่างมโหฬารในการขายข้าว จีทูจีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ยับยั้ง การอ้างว่าขายข้าวแบบจีทูจีกับประเทศจีนซึ่งทำให้ประเทศชาติเสียหายหลายแสนล้านบาทศาลฯจึงพิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์โดยไม่รอลงอาญาพร้อมให้ออกหมายจับนำตัวมาดำเนินคดี เป็นเหตุให้เธอกลายเป็นนักโทษหนีคุกหนีศาลจนวันนี้
กรณีแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ จึงเทียบเคียงได้กับที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ระงับยับยั้งแผนการขายข้าว จีทูจี ทั้งๆ ที่รู้ว่าโกงกันมโหฬารในโครงการขายข้าวจีทูจี ที่ป.ป.ช. สตง.ตลอดถึงพรรคฝ่ายค้านเตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์หลายครั้ง แต่ยังดันทุรังทำต่อไป การแต่งตั้งนายพิชิต เป็นรัฐมนตรีก็เช่นกัน นายเศรษฐาย่อมรู้ล่วงหน้าว่านายพิชิตมีปัญหาความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงที่มีหลายฝ่ายเตือนนายเศรษฐาซึ่งเป็นเหตุให้นายพิชิต ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีในการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีครั้งแรก
แต่ในการปรับครม.เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2567 นายพิชิต ชื่นบาน ได้รับการเสนอชื่อให้โปรดเกล้าฯเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่นายเศรษฐา
รู้ว่านายพิชิต มีประวัติติดคุก 6 เดือนในความผิดละเมิดอำนาจศาล และนายพิชิตผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จนสภาทนายความถอนชื่อเขาออกจากทะเบียนทนายความ แต่นายเศรษฐายังดันทุรัง อ้างว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) สอบถามกฤษฎีกาแล้ว และกฤษฎีกาให้ความเห็นว่า นายพิชิตมีคุณสมบัติตามเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ
อย่างไรตาม สว.สมชาย แสวงการ หนึ่งใน 40 สว.ผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโต้แย้งว่าสลค.ถามกฤษฎีกา ประเด็นเดียวเรื่องโทษจำคุก ซึ่งรับโทษพ้น 10 ปีมาแล้ว จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (6) ประกอบมาตรา 98 (7) ส่วนคุณสมบัติตาม มาตรา 160 (4) “มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ (5) “ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” ไม่ได้ถามแต่อย่างใดและในที่สุดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6-3 รับคำร้องไว้พิจารณา
กรณีนายพิชิต เป็นที่ประจักษ์ว่าผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาลเพื่อไทยกำหนดให้นายเศรษฐา ตกอยู่ชะตากรรมเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ต้องทำตามบัญชาของนายใหญ่ผู้มีเล่ห์เพทุบายในการเลี่ยงกฎหมายโดยอ้างว่า นายพิชิตไม่มีความผิดทางอาญาเพราะอัยการไม่สั่งฟ้องในคดีที่มีคนนำถุงใส่เงิน 2 ล้านบาทไปให้เจ้าหน้าที่ศาลฯ ในขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ทักษิณและภริยาเป็นจำเลยในคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ
นายพิชิตเป็นทนายให้ทักษิณในคดีที่ดินรัชดาฯและเป็นทนายความที่ครอบครัวทักษิณใช้บริการตลอดมาดังนั้นเมื่อนายพิชิต ได้รับการแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษากฎหมายประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงมีรายงานว่า นายพิชิตนั่นแหละเป็นผู้ร่างหนังสือถามกฤษฎีกาว่า ผู้ถูกร้องมีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เขาจึงเลี่ยงไม่ถามในข้อที่ว่า “ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง”
นายพิชิตซึ่งเคยติดคุก เพราะรับใช้นายใหญ่ เหมือนกับอดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีตลอดถึงข้าราชการการเมืองในเครือข่ายพรรคไทยรักไทย ที่นายใหญ่บัญชาการให้สมุนบริวารเลี่ยงกฎหมาย และทุจริตทางนโยบายสุดท้ายถูกศาลฯตัดสินจำคุกไปแล้วกว่า 40 คน ในห้วงเวลากว่ายี่สิบปีที่นายใหญ่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยเพื่อบริหารธุรกิจการเมือง
ถึงได้กล่าวว่า นายเศรษฐาอาจโชคดี หากอีกประมาณ 2 เดือนจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายเศรษฐา ผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือว่านายเศรษฐาได้หลุดพ้นวัฏจักรแห่งความชั่วร้ายที่ทำให้นักการเมืองติดคุกติดตะราง หรือไม่ก็ตรอมใจตายมาแล้วหลายราย
จึงอนุมานได้ว่า ที่นายเศรษฐา แจ้นไปหาเนติบริกรถึงบ้านเพื่อขอคำปรึกษาว่า “ชิงลาออกกับยุบสภาอันไหนดีกว่ากัน” นายเศรษฐา คงคิดใคร่ครวญแล้วว่าหากบาปเหมาะเคราะห์ร้ายเขาได้ไปต่อขาข้างหนึ่งของเขาก้าวข้ามธรณีประตูคุกไปแล้ว เพราะในฐานะนายกรัฐมนตรีเพื่อไทย เขาจำเป็นต้องทำตามบัญชานายใหญ่ให้เป็น หัวขบวนปล้นประเทศไทย 500,000 ล้านบาท ผ่านโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่ต้องแจกเงินกงเต๊กสมมุติว่ามูลค่า 10,000 บาท ให้คนไทย 50 ล้านคน นโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และธนาคารแห่งประเทศไทยเตือนว่า “เสี่ยงต่อผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และจะทำให้ประเทศชาติเสียหายอีกหลายแสนล้านบาท”
นอกจากนั้นเขายังจำเป็นต้องผลักดันขายข้าวค้างสต๊อก 10 ปีให้แอฟริกา ที่ถูกวิจารณ์กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่า มันจะสร้างความเสียหายแก่การค้าข้าวไทยไปทั่วโลก แต่อดีตทหารป่าผู้มีวาสนาได้เป็นเสนาบดียังพยายามฟอกข้าวเน่าให้เป็นข้าวดี เพื่อสร้างความชอบธรรมให้นายหญิงได้กลับมาเท่ๆ เหมือนพี่ชาย
ที่เลวร้ายกว่านั้นหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองอันเนื่องจากความซ่าเกินเบอร์ของนักโทษเทวดา นายเศรษฐา อาจถูกดำเนินคดีอาญามาตรา 157 ฐานละเลยปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่ช่วยเหลือนักโทษชายให้ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว เมื่อพิเคราะห์รอบด้านแล้วจึงสรุปว่านายเศรษฐาไปปรึกษาเนติบริกรเพื่อขอคำแนะนำว่า ทำอย่างไรให้หยุดได้แค่นี้ก่อนที่จะถลำลึกลงไปสุดท้ายต้องติดคุกติดตะราง
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี