คดีการเมืองที่อยู่ระหว่างศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารวมทั้งคดีที่อัยการสั่งฟ้องข้อหาละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษเด็ดขาด อยู่ระหว่างการพักโทษ เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยพังทลายลงได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกลรัฐบาลพรรคเพื่อไทยล่มสลายไวกว่าปัจจัยอื่น
คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้อง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย ต้องพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ อาจต้องใช้เวลานานกว่าพิจารณายุบพรรคก้าวไกล ส่วนคดีที่อัยการสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตรก็ต้องใช้เวลานานพอสมควรเช่นกัน เนื่องจากผู้ต้องหามีลูกเล่นแพรวพราวในการถ่วงเวลาหาช่องว่างทางกฎหมาย แต่สำหรับคดีพรรคก้าวไกลที่สู้คดี โดยการใช้วิธีเดียวกันกับพรรคไทยรักไทยซึ่งทำให้พรรคในเครือข่ายถูกยุบมาแล้วสองครั้ง คือ พรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน เนื่องจากไม่ได้ต่อสู้ในข้อเท็จจริงว่าได้กระทำผิดกฎหมายหรือไม่ แต่พรรคไทยรักไทย กลับต่อสู้ในประเด็นที่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาคดีหรือไม่ ดังนั้นเมื่อพรรคก้าวไกลสู้คดีแนวทางเดียวกับพรรคไทยรักไทย คือโต้แย้งว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจพิจารณาคำร้อง และผู้ร้อง คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ไม่มีอำนาจหน้าที่ร้องให้ยุบพรรคก้าวไกลจึงทำนายได้ล่วงหน้าว่าศาลจะพิจารณาออกมาเป็นคุณหรือเป็นโทษพรรคก้าวไกล
กรณีนายทักษิณ ชินวัตร ถูกอัยการสั่งฟ้องละเมิด ม.112 ก็เช่นกัน ผู้ต้องหา ไม่ได้แก้ต่างว่า การให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศเกาหลีใต้ เข้าข่ายจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ แต่กลับขอความเป็นธรรมต่ออัยการว่ามีการข่มขู่เจ้าหน้าที่ระหว่างสอบสวนดำเนินคดี จึงทำนายได้ล่วงหน้าเช่นกันว่า อัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรมตามข้ออ้างหรือยืนยันนำจำเลยฟ้องศาลวันที่ 18 มิถุนายนนี้ หรือไม่ และคดีที่นายเศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถูก 40 สมาชิกวุฒิสภา ร้องศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาว่าที่นายเศรษฐาแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน ผู้มีปัญหาซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็มีรายงานว่า ผู้ถูกร้องมิได้ชี้แจงว่ากระทำความผิดตามคำร้องหรือไม่ แต่คำชี้แจงของผู้ถูกร้องระบุว่า 40 สว.ไม่มีอำนาจร้องตามกฎหมาย
ดังนั้นทั้งสามคดี ที่สั่นคลอนรัฐบาล และสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำที่สุดในรอบสี่ปี เพราะนักลงทุนคาดการณ์ล่วงหน้าว่า ผลการพิจารณาจะออกมาสถานใด และหลายฝ่ายเชื่อว่า หากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาให้นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ก็ยังมีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ลูกสาวคนโปรดของทักษิณ ที่ได้รับการสถาปนาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายชัยเกษม นิติศิริ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แทนที่เศรษฐาได้ แต่นักลงทุนอาจมองว่า การแต่งตั้งนายกฯคนใหม่มีอุปสรรคหลายประการ เนื่องจากนายชัยเกษมมีปัญหาสุขภาพ ส่วน น.ส.แพทองธาร มีปัญหาวุฒิภาวะและสติปัญญาเกินกว่าพรรคร่วมรัฐบาลตลอดถึงชาวบ้านทั่วไปจะรับคนไร้วุฒิภาวะและสติปัญญามาฝึกงานบริหารประเทศได้ แต่ด้วยความดื้อรั้นและนิสัยถาวรเจ้าของพรรคเพื่อไทยเชื่อว่าเขาต้องดึงพรรคก้าวไกลซึ่งมีดีเอนเอเดียวกันเข้าร่วมรัฐบาลชุดใหม่ โดยผลักพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติออกจากรัฐบาลผสม
ถึงได้พูดแต่ต้นว่า หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ รัฐบาลเพื่อไทยก็ล่มสลายไปพร้อมกับพรรคก้าวไกล ที่นักวิเคราะห์ นักวิจารณ์การเมือง และพรรคก้าวไกล ต่างก็มั่นใจว่ายุบพรรควันไหนก้าวไกลจะเติบใหญ่แบบก้าวกระโดด นายพิธาลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ชี้ว่าการยุบพรรคจะทำให้ก้าวไกลอ่อนแรงลงในระยะสั้น แต่จะ “ติดเตอร์โบ”ก้าวไกลในระยาว แต่หากพิเคราะห์แนวโน้มจากสถานการณ์การเมืองโลกจะพบว่า ความนิยมต่อคนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้ากำลังเสื่อมถอยลงไปอย่างน่าใจหาย ในเวลาเดียวกันความนิยมการเมืองฝ่ายขวาหรืออนุรักษ์นิยมก้าวหน้ากำลังหวนคืนมา ประเทศฝรั่งเศสต้นแบบปฏิวัติของก้าวไกลความนิยมทางการเมืองฝ่ายขวามาแรงจนประธานาธิบดี เอ็มมานูเอลมาครง ต้องยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่รอบแรกวันที่ 30 มิถุนายน นี้
พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นมรดกตกทอดพรรคอนาคตใหม่ที่ยึดถือปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นสรณะและใช้ยุทธวิธีสร้างความนิยมแบบแนวคิดปฏิวัติส้มของประธานาธิบดี เซเลนสกี แห่งยูเครน และปฏิวัติร่มในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ที่มีตะวันตกหนุนหลังทางยุทธวิธีและปัจจัย เซเลนสกีที่ได้รับการสนับสนุนทั้งปัจจัยยุทธวิธีถึงวันนี้การปฏิวัติส้มยูเครน และปฏิวัติร่มในฮ่องกงกำลังล่มสลาย แกนนำมวลชนนับร้อยคนรวมทั้งนายทุนสื่อผู้สนับสนุนปฏิวัติร่มอย่างจิมมี่ ไล ติดคุกติดตะรางในความผิดขบถล้มล้างการปกครองและอีกหลายร้อยคนหนีคุกไปตายเอาดาบหน้าในต่างประเทศ
พรรคอนาคตใหม่ซึ่งถอดแบบมาจากปฏิวัติร่มฮ่องกง แต่การปลุกระดมล้างสมองมวลชนแตกต่างกันตรงที่เป้าหมายปฏิวัติประชาชนของอนาคตใหม่ มุ่งไปที่สถาบันหลักของชาติ แกนนำมวลชนของอนาคตใหม่ที่กลายเป็นพรรคก้าวไกลจึงมุ่งเป้าการโจมตีทำลายไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบันแกนนำมวลชนก้าวไกลเปลี่ยนไปแล้วสามรุ่น รุ่นแรก มีเพนกวิน อานนท์ นำภา ไผ่ ดาวดิน และรุ้ง-ปนัสยา บางคนติดคุกบางคนถูกดำเนินคดีหลายคนหนีไปต่างประเทศ และแกนนำมวลชนรุ่นแรกเฟดเอ้าท์ ออกจากการเคลื่อนไหว แกนนำมวลชนรุ่นที่สองหลายคนถูกดำเนินคดีเสียชีวิตก็มี และหนีไปต่างประเทศก็หลายคน ส่วนแกนนำมวลชนรุ่นที่สามใช้สภาผู้แทนราษฎร เป็นที่ปกป้อง หรือถ่วงเวลาการลงโทษคดีอาญามาตรา 112 กล่าวโดยรวม คือ มวลชนและผู้สนับสนุนก้าวไกลร่อยหรอลงทุกวัน จึงคาดการณ์ได้ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกลจะมี สส.จำนวนมากไหลไปอยู่พรรคอื่นที่ไม่เสี่ยงต่อการติดคุกในอนาคต
ส่วนความนิยมของพรรคก้าวไกลที่นิด้าโพลสำรวจ พบว่ายังมีความนิยมสูงกว่า36% หากพิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ถูกยุบพรรค และศาลรัฐธรรมนูญห้ามมิให้ใช้นโยบายแก้ไขม.112 และการปฏิรูปสถาบันในการหาเสียง แน่นอนความนิยมของฝ่ายก้าวหน้าเป็นปฏิปักษ์สถาบันต้องลงไป และความนิยมจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีความเห็นทางการเมืองกลางๆ ก็ต้องลดลงไปอย่างมีนัย ส่วนทางฝ่ายอนุรักษ์นิยม ไม่ต้องพูดถึงหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรไม่เลือกก้าวไกลแน่นอน ประกอบกับความรู้สึกเบื่อง่ายหน่ายเร็วของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในประเทศไทยที่รักชอบพรรคการเมืองไหนไม่เกินสองสมัยเลือกตั้ง จึงมองไม่ออกว่า พรรคก้าวไกลจะชนะเลือกตั้งครั้งต่อไปแบบถล่มทลายได้อย่างไร ถึงได้พูดว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบก้าวไกลรัฐบาลเพื่อไทยก็ล่มสลายไปพร้อมก้าวไกลถูกยุบ
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี