วันศุกร์ ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568
อย่างที่เราทราบกันดี ทุกวันนี้ สังคมไทยมีปัญหาคนจำนวนมากไร้งานทำ โดยเฉพาะกลุ่มคนมีรายได้น้อย ที่อยู่ในกลุ่มกลางล่างของสังคม แม้คนในกลุ่มนี้บางรายอาจจะยังมีงานทำอยู่บ้าง แต่เงินเดือนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาหลายปีแล้ว แล้วที่สำคัญคือมีหนี้สินล้นพ้นตัวทั้งหนี้ในและนอกระบบ แถมยังไม่มีเงินออมอีกด้วย ในขณะที่ค่าครองชีพประจำวันเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ เหล่านี้คือปัญหาของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทย เป็นปัญหาของคนจนที่รัฐบาลทุกชุดรู้ดี
ทว่ารัฐบาลไม่มีปัญญาแก้ปัญหาได้ ไม่ว่ารัฐบาลจะเข้าสู่อำนาจด้วยการเลือกตั้งหรือการรัฐประหารก็ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้คนจนได้ กลับกันเพื่อปกป้องตัวเองไม่ให้น่าละอายน่าสมเพชจึงบังเกิดวาทกรรมเป็นวรรคทองว่า 9 ปีที่สูญหาย
ที่สำคัญ “สภาพัฒน์รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 12 2567 ตอกย้ำความสามารถการบริหารประเทศของรัฐบาลนักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ ภายใต้การนำของ “เศรษฐา ทวีสิน” และ/หรืออาจจะใต้การบงการของ “ศาสดาระบอบคอร์รัปชั่นนิยม”
เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำสุดในอาเซียน คือขยายตัวแค่ขยายตัวร้อยละ 1.5 ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ 1.7 ในไตรมาสที่สี่ของปี 2566ขณะที่ชาติเพื่อนบ้านทั้งอย่างฟิลิปปินส์ ขยายตัว 5.7% อย่างเวียดนาม 5.66%, อินโดนีเซีย 5.11%, มาเลเซีย 4.2%, สิงคโปร์ 2.7%
ทั้งที่เราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จน WHOแซ่ซ้องสรรเสริญให้ความชื่นชม ยิ่งกว่านั้น “รัฐบาลรปภ.โง่” ภายใต้การบริหารของ “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29” ซึ่งถูกแกนนำฝ่ายค้านในอดีต-แกนนำรัฐบาลปัจจุบัน” ค่อนขอดจิกหยิกแซะว่าเป็น 9 ปีที่สูญหาย
วันนี้สังคมไทยทุกหัวระแหงไม่มีผู้ใดไม่คิดถึงนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ที่ชื่อ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” พร้อมเสียงเพรียกร้องถามหา “รัฐบาลเจ้าของฉายา “รปภ.โง่/ลุงตู่” จนหลายคนอยากย้อนเวลาไปเข้าคูหาเลือกตั้งใหม่
หายนะของเศรษฐกิจไทยที่เกิดขึ้น เป็นเพราะ “รัฐบาลนักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ”และ “นักการเมืองเสียชาติเกิด” ดื้อและด้านกว่า “นักการเมืองชังชาติ”จนไม่ “สำเหนียก”เสียงตำหนิติเตือนของนักวิชาการทั้งด้านเศรษฐศาสตร์, การเงินการคลัง เอกสารเตือนสติของ “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยกับ “นโยบายเรือธงของรัฐบาลที่ต้องใช้งบประมาณกว่า 500,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต
ด้วยข้ออ้าง “นามธรรม”… เกิดพายุหมุน…กระตุ้นเศรษฐกิจ
ท่ามกลางน้ำลายเน่าจากปากรัฐบาลกระเซ็นออกมาเลอะเทอะเปรอะเปื้อนสังคมไทย รัฐบาลกลับไม่ให้ความสำคัญกับประชาชนที่เฝ้าสำรอกสำรากฟูมฟักอุ้มชูมาตลอดการหาเสียงเลือกตั้ง กระทั่งในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล
การไม่เห็นศีรษะประชาชนไม่สนใจบริหารประเทศตามแนวทางระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กลับถลำลึกแนวทางระบอบทักษิณและคอร์รัปชั่นนิยม ทุ่มเทเงินงบประมาณมหาศาลเพื่อตนเองและพวกพ้องแทนที่จะนำมาใช้ “พัฒนาด้านการศึกษา”, ระบบสาธารณสุข, อินฟาร์สตรัคเจอร์, เทคโนโลยีโนว์ฮาวแก่แรงงานทุกระดับชั้น
ใช้เงินมากมายไปกับนามธรรม ทั้งที่พื้นฐานทุกอย่างถูกปูทางมาจากรัฐบาลทหารหลายยุคสมัยทั้ง “โครงสร้างเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด”ในยุครัฐบาลทหารภายใต้การบัญชาการของ “ป๋าเปรม - พลเอกเปรม ติณสูลานนท์”จนอานิสงส์ให้ “พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ” เปิดประตูสู่การค้าโลกประชาชนอยู่ดีกินดีต่อเนื่องมาในอีกหลายรัฐบาล
หรืออย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ “EEC-อีอีซี” ที่ “รัฐบาลรปภ.โง่” ในความรู้สึกของพวกท่านปูทางวางมาตรฐานไว้จนเกิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสามารถสร้างตลาดทั้งในและส่งออกได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน
อย่าอายที่จะสร้างสิ่งดีดีให้แก่สังคมไทยประเทศชาติ

ดร.จักษ์ ชม อนุทิน ตัดสินใจระดับรัฐบุรุษ ยุบสภาครั้งนี้ เผาพรรคส้มเหลือแต่ขี้เถ้า
กกต. กางแนวทาง ค่าใช้จ่าย สส. ช่วงเลือกตั้ง พรรคการเมืองหาเสียงได้ตั้งแต่วัน ยุบสภา
ปูติน ยกระดับชีวิตพลเมืองรัสเซีย อัตราความยากจนลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
หมอเหรียญทอง ร่ายยาวชื่นชม อนุทิน เด็ดขาด ฉลาด ฉับไว
(คลิป) โค ตะ ระ แม่น! M198 ถล่มฐานบัญชาการทหารเขมร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี