วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ประเทศไทยในยุคปัจจุบันถือได้ว่ามีป่าไม้ลดลงเป็นลำดับ จากข้อมูลพบว่าในยุคนี้มีป่าไม้เหลือประมาณร้อยละ 30 เศษๆ ของพื้นที่ประเทศไทย จากที่เมื่อ 60 ปีที่ผ่านมา มีพื้นที่ป่าไม้ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 50
ถามว่าทำไมพื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยจึงลดลงทุกวัน คำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือ เพราะถูกตัดและเพราะการขยายพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนซึ่งนับวันก็จะมีประชาชนบุกรุกเข้าไปทำลายป่ามากขึ้นและมากขึ้น ในขณะที่รัฐบาลไม่เคยมีนโยบายและมาตรการที่ชัดเจนในการรักษาพื้นที่ป่า
ข้ออ้างของคนบุกรุกป่าก็คือไม่มีที่ทำมาหากิน ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ไร้ความรับผิดชอบ เพราะเป็นการถือสิทธิ์เพื่อทำลายป่าโดยแท้จริง และเราจะเห็นคนจำนวนไม่น้อยบุกรุกและทำลายป่าเพื่อผลประโยชน์ระยะสั้นของตัวเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และของลูกหลานในอนาคต
ข้ออ้างที่ว่าป่าที่เคยเป็นป่ามาก่อนแล้วไม่เหลือสภาพความเป็นป่า เพราะฉะนั้นจึงต้องยกเลิกสภาพป่าเพื่อให้คนเข้าไปทำมาหากินและอยู่อาศัย เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น และเป็นข้ออ้างที่ผิดกฎหมาย แต่เป็นที่น่าสมเพชที่รัฐบาลไทยไม่ได้เอาจริงเอาจังกับการรักษาป่า แถมยังมีนักการเมือง ข้าราชการ และนายทุนบางกลุ่มร่วมกันบุกรุกป่าด้วย เมื่อเป็นแบบนี้ประเทศไทยจึงมีพื้นที่ป่าลดลงทุกขณะ
เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นว่ามีโรงแรมหรูหรา รวมถึงรีสอร์ทที่คิดค่าบริการราคาสูงมาก และยังพบได้ว่ามีสนามกอล์ฟ รวมถึงบ้านหลังมหึมาเข้าไปปลูกสร้างอยู่ในเขตป่า หรือบริเวณที่เป็นภูเขาสูง ถามว่าทำไมจึงมีสิ่งปลูกสร้างแสนมหัศจรรย์ แต่ถ้าว่าน่ารังเกียจเข้าไปอยู่ในพื้นที่ป่า
ข้ออ้างของคนที่บอกว่าอยู่กับป่ามานานแต่กลับทำร้ายป่าและทำลายป่าตลอดเวลา และสุดท้ายก็อ้างว่าไม่มีสภาพความเป็นป่าหลงเหลือ เพราะฉะนั้นจะต้องมอบเอกสารสิทธิให้กับผู้ครอบครองที่บุกรุกและทำลายป่า ข้ออ้างแบบนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ
ใครก็ตามที่เข้าไปอยู่ในป่า จะต้องสำเหนียกตั้งแต่แรกแล้วว่าตนเองบุกรุกและทำลายป่า แต่ก็อนุโลมให้กับผู้ที่เข้าไปทำมาหากินโดยไม่ทำลายป่า ไม่เผาป่า ไม่โค่นป่า เพราะเรายังคงมีความเชื่อว่าคนกับป่าสามารถอยู่ด้วยกันได้ โดยที่คนจะต้องช่วยรักษาป่า และป่าเขาเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของคนไปพร้อมๆ กัน
แต่ข้ออ้างที่ว่าคนอยู่ในป่า และปัจจุบันเขตที่อยู่ของคนไม่เหลือสภาพป่า เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องนับว่าพื้นที่ที่คนเข้าไปบุกรุกเคยเป็นป่ามาก่อน แล้วคนที่บุกรุกป่าก็เรียกร้องกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ที่ตัวเองบุกรุกทำลาย โดยใช้ข้ออ้างที่ไร้ตรรกะว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่ป่าอีกต่อไป เรื่องแบบนี้รัฐบาลที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศต้องไม่ยอมเป็นอันขาด แล้วจะต้องลงโทษผู้ที่บุกรุกป่าอย่างจริงจังด้วย
อันที่จริงเราสามารถรู้ได้ว่าใครอยู่กับป่าแล้วรักษาป่า แล้วก็รู้ได้ด้วยว่าใครอยู่กับป่าแล้วทำลายป่าแน่นอนว่าคนที่อยู่กับป่าแล้วรักษาป่าคือคนที่มีคุณประโยชน์ต่อสังคม และสำหรับคนที่บุกรุกป่าแล้วเรียกร้องกรรมสิทธิ์ในการครอบครอง แต่สุดท้ายก็ขายกรรมสิทธิ์นั้นให้กับนายทุน หรือแม้จะไม่ขายกรรมสิทธิ์แต่ก็ยังคงขยายการบุกรุกและทำลายป่าต่อไป คนจำพวกนี้คือภัยอันตรายของประเทศชาติ และเป็นคนที่รัฐบาลที่เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติต้องจัดการโดยใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
ข้ออ้างว่าป่าเสื่อมสภาพแล้วต้องยกพื้นที่ตรงนั้นให้กับผู้บุกรุก เป็นข้ออ้างที่น่ารังเกียจมากที่สุด สิ่งที่รัฐบาลสมควรจะต้องกระทำเป็นอันดับแรกคือฟื้นฟูป่าที่ถูกบุกรุกทำลาย แล้วสิ่งที่ต้องทำอันดับต่อมาคือจัดการโดยกฎหมายกับผู้ที่บุกรุกทำลายป่าโดยไม่ละเว้น หากรัฐบาลไม่สามารถรักษาป่าไว้ได้ ในไม่ช้าประเทศไทยก็จะกลายเป็นประเทศที่ไร้ป่าไม้ และภัยพิบัติต่างๆ ก็จะบังเกิดกับคนไทยทั้งประเทศ

เปิดใจ! อาสากู้ภัยนำข้าวแจกชาวบ้าน ถูกน้ำพัดหาย ยันไม่ท้อ กลับมาช่วยต่อ ส่งข้าวกล่องใหม่ 200 ชุด
'HP'เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่6,000ตำแหน่งทั่วโลก หวังลดค่าใช้จ่ายรับยุคของAI
โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ 'เขมวันต์ สงคราม' เป็นพลเรือเอก และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
หมอสมเกียรติ คลินิกดังกระบี่ เปิดคลินิกรักษาฟรี2วัน ส่งต่อทุกบาทช่วยน้ำท่วม
‘อนุทิน’เยี่ยมศูนย์ อพยพ ม.อ.หาดใหญ่ สั่งเร่งระดมช่วยคนติดค้าง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี