อะไรที่เป็นข้อเท็จจริง รัฐบาลควรสำเหนียกอย่าไปโต้แย้งโทษปี่โทษกลอง เลิกเฉาฉุ่ยต๊าโบ่ยเหี๊ยะแต่ควรจะเก็บรายละเอียดเหล่านั้นไว้แก้ไขปัญหาตามข้อเท็จจริงน่าจะเหมาะจะควรในฐานะรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่ในระบอบทักษิณ-คอร์รัปชั่นนิยม
ในเมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยภายใต้การบริหารงานของ “นักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ -เศรษฐา ทวีสิน และคณะ” ออกอาการไร้น้ำยาในการนำรัฐนาวาลำนี้เฉียดเบียดใกล้เคียงกับวาทกรรมประดิษฐ์บนเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งเมื่อกว่า 12 เดือนที่แล้ว
ต้องสำเหนียกต้องยอมรับข้อเท็จจริงที่ “ธนาคารโลก /World Bank” ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี’67 เหลือขยายตัวแค่2.4% จากที่เคยประมาณการไว้เดิมเมื่อเดือนเม.ย.ที่ 2.8%
เป็นการคาดการณ์ที่ยังไม่รวมผล โครงการสัมภเวสี “ดิจิทัล วอลเล็ต” ที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ แม้จะมีน้ำลายเน่าจนเหม็นขี้ฟันกระเซ็นกระสายในสังคมไทย แต่ยังไม่มีใครการันตีได้
จากสถานการณ์ในปี 2567 ที่เศรษฐกิจไทย -เศรษกิจโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โรคโควิด-19) ที่เกิดขึ้นในทั่วทุกภูมิภาคของโลกทำให้ไทยต้องเผชิญวิกฤตภาคการค้าการส่งออก ภาคบริการ และภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็น3 เครื่องยนต์ที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศ
ส่วนในปี’68 “เวิลด์แบงก์” คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 2.8% (จากเดิมคาดโต 3%) จากอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น และแม้ว่าหนี้สาธารณะของไทยจะยังคงอยู่ในระดับเสถียรภาพ แต่รัฐบาลต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายในด้านสวัสดิการสังคม และการลงทุนภาครัฐ เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ
กอปรกับความล่าช้าของการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่ล่าช้ากว่าเดิมถึง 6-7 เดือนในขณะที่ “หนี้สาธารณะ” แม้จะคงตัวอยู่ที่ระดับ 64% ของจีดีพี แต่ก็เป็นระดับที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก “วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” ซึ่งรัฐต้องนำมาใช้จ่ายเพื่อดูแลเป็นสวัสดิสังคม แต่ภาพรวมก็ยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ 70% ของจีดีพี และจะเพิ่มขึ้นอีกในปีงบประมาณรายจ่าย 2568 ที่รัฐต้องกู้ยืมเงินมาเพื่อสนองตัณหาโครงการแจกเงินรายละ 10,000 บาท ผ่านระบบดิจิทัล วอลเล็ต
ซึ่งเป็นเรื่องน่าวิตกในสายตานักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการการเงินการคลัง ที่พยายามคัดค้านด้วยเหตุและผลมากมายหลายประเด็น ทว่ารัฐบาลไม่สำเหนียก ดื้อตาใส หูหนวกตาบอด เสียอย่างนั้น จนอาจดำเนินไปถึงขั้น “รัฐล้มเหลว/Failed State ... ล่มจม ... สิ้นชาติ”
จากระบอบทักษิณ/คอร์รัปชั่นนิยมที่ “รัฐบาล”... ปฏิบัติหน้าที่อย่างคลางแคลงใจในเรื่องซื่อสัตย์สุจริต ความเหลื่อมล้ำในระบบยุติธรรม “ศรัทธา”ที่แฟนคลับส่ำสัตว์ติ่งสีแดง “เคยมี”ก็ลดระดับต่ำลง
ลักษณะของการบริหารเศรษฐกิจประเทศที่มีความลังเลใจ ทำให้แก้ไขปัญหาได้ไม่ทันท่วงที อะไรที่สมควรกระทำก่อนเพื่อบรรเทาวิกฤตรัฐนาวานักกู้ผ้าขาวม้าพันคอกลับนิ่งเฉยย่ำอยู่กับที่
เพื่อให้ตัณหาตนเองได้บำบัด โบราณท่านว่า “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้” ท่านสำเหนียกหรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี