สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิกตรัสเตือนว่า ประชาธิปไตยกำลังมีอาการไม่สู้ดีในโลกปัจจุบัน ขอให้นักการเมืองหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายประชานิยม แต่หันมาร่วมกันสร้างสังคมให้แข็งแกร่ง และเอาชนะต่อการเพิกเฉยของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
สมเด็จพระสันตะปาปาพระชันษา 87 ปี ตรัสในการประชุมประจำปีของศาสนจักรโรมันคาทอลิกที่เมืองตรีเอสเต ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีในวันนี้ว่า หลายคนรู้สึกว่าถูกกีดกันจากประชาธิปไตย คนยากจนและคนอ่อนแอถูกทิ้งให้ต้องดูแลปกป้องตัวเอง เป็นหลักฐานชัดเจนว่า ประชาธิปไตยอยู่ในอาการไม่สู้ดีนักในโลกปัจจุบัน ประชาธิปไตยที่ดีควรหลีกเลี่ยงขยะแห่งอุดมการณ์ และออกห่างจากการถือพรรคถือพวก แต่โอบรับการเจรจาที่มีความหมาย
สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสถึงความเสียหายที่เกิดจากการทุจริตและการไม่ชอบด้วยกฎหมายทางการเมืองว่า ขอทุกคนโปรดอย่าถูกลวงตาด้วยทางออกง่ายๆ แต่โปรดมีความมุ่งมั่นเรื่องผลประโยชน์ส่วนรวม ทรงย้ำเรื่องการอบรมบุตรหลานให้ตระหนักถึงความสำคัญของค่านิยมประชาธิปไตย เพราะการเพิกเฉยไม่แยแสคือมะเร็งร้ายที่กัดกินประชาธิปไตย พระองค์ทรงกังวลเรื่องมีคนจำนวนน้อยออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
ประชานิยม (Populist) หมายถึงการบริหารงานที่มุ่งมีจุดหมายให้ได้รับความนิยมจากประชาชนเพื่อสนับสนุนการดำรงอยู่ในตำแหน่งทางการเมืองของผู้นำการเมือง หรืออาจหมายถึงเครื่องมือทางการเมืองของรัฐในการทำให้เกิดความชอบธรรมทางการเมืองเพิ่มมากขึ้น โดยมีการกำหนดนโยบาย แผนงาน โครงการที่ไปตรงกับความต้องการของประชาชน
หันมาดูการเมืองประเทศไทย ทุกรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากเผด็จการหรือการเลือกตั้ง หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องใช้นโยบายประชานิยมในการหาเสียง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ หรือเพื่อครองอำนาจให้อยู่ยาว กรณีโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ก็ถือเป็นนโยบายประชานิยม และ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯทำหน้าที่ประธานที่ประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาตอบกระทู้ด้วยตัวเอง เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงการใช้งบประมาณในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต
ภายหลังเข้าสภาตอบกระทู้ถามสดนายเศรษฐากล่าวว่า กรณีชี้แจงในสภาผู้แทนราษฎร ที่ระบุว่า “แรงค้านที่ไร้อนาคต” หมายความว่า “รัฐบาลภายใต้การนำของผมก็วิ่งก็วิ่งสู้เพื่ออนาคต และพรรคร่วมที่มาทำงานกับรัฐบาลก็วิ่งเพื่อปัจจุบัน ที่ดีกว่าของประชาชนและก็ต้องสู้กับแรงค้านที่ไร้อนาคต”
คำพูดของนายกฯเศรษฐา แม้จะปฏิเสธในภายหลังว่า ไม่ได้หมายถึงฝ่ายค้าน แต่สาธารณชนทั่วไป เข้าใจดีกว่า ไม่ว่าจะมองมิติไหน ที่นายกฯเศรษฐา พูดถึงนั้น ฝ่ายค้านแน่นอน
ซึ่งคำว่า“แรงค้านที่ไร้อนาคต”นั้นดูเหมือนว่าไม่ได้ไกลความจริง เพราะพรรคก้าวไกล แกนนำฝ่ายค้านหลัก ทำงานไม่เข้าตาประชาชน มีหลายเรื่องที่ประชาชนอยากให้ทำ แต่พรรคก้าวไกลทำได้แค่จับๆ วางๆ เหมือนกับเกรงใจรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นปัญหาชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ กระบวนการถอดถอนนายกรัฐมนตรีกรณีตั้งรัฐมนตรีถุงขนมที่ปล่อยให้วุฒิสภาชุดก่อนเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ คงไม่ถึงพูดถึงแม้จะเป็นฝ่ายค้านนั้นแต่ในใจแล้วอยากเป็นรัฐบาล พอจะบวกรวมไปในหัวข้อ “ประชาธิปไตยโลก” อาการไม่สู้ดีได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี