ตามปกติการเมืองของประเทศไทยนั้น..เดือนตุลาคมถือว่าเป็นเดือนแห่งอาถรรพ์..ซึ่งในอดีตมักจะเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงใหญ่ทางการเมือง
หากนำเหตุผลมาจับ..ก็อาจจะเป็นเพราะเดือนตุลาคมเป็นเดือนที่เริ่มต้นของปีงบประมาณที่รัฐใช้เงินก้อนใหม่ในการใช้จ่าย..ทั้งเพื่อการลงทุนในโครงการต่างๆ ของรัฐ..และสำหรับค่าจ้างเงินเดือนประจำของข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างของรัฐ..นอจากนั้นเดือนตุลาคมก็ยังเป็นวันเริ่มต้นของข้าราชการทุกกระทรวงทบวงกรมสำหรับตำแหน่งใหม่ที่สูงขึ้น
จึงเท่ากับว่าเงินและอำนาจใหม่ในระบบราชการเริ่มต้นจากเดือนตุลาคมเป็นต้นไป..นี้อาจจะเป็นอาถรรพ์ที่มิได้เกิดจากอำนาจลึกลับทางไสยศาสตร์..ซึ่งเชื่อกันว่าอาจบันดาลให้มีอันเป็นไป..โดยที่ตามคัมภีร์“อถรรพเวท”สามารถป้องกันและปัดเป่าได้..ด้วยการทำพิธีฝังเสาหินหรือฝังบัตรพลี..หรือที่เรียกว่า“ฝังอาถรรพ์”
แต่มาในยุคนี้ยุคที่รัฐบาลมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ..และถูก“ควบคุม-เชิดชัก”โดยนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร..กลับกลายเป็นว่า..เดือนสิงหาคมเป็นเดือนอาถรรพ์
อาถรรพ์เดือนสิงหาคมที่รออยู่ข้างหน้าในเวลาอันใกล้นี้มีอยู่ 3 เรื่องด้วยกัน
เหตุแห่งอาถรรพ์แรกที่มากับพายุหมุนทางเศรษฐกิจ..ตามโครงการล้างผลาญของพรรคเพื่อไทยว่าด้วยการแจกเงิน“ดิจิทัลวอลเล็ต”..รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยเคาะออกมาแล้ว..ว่าวันที่ 1 สิงหาคม-15 กันยายน 2567 กำหนดให้ประชาชนในกลุ่มที่มี“สมาร์ทโฟน”ใช้แอปฯ ทางรัฐลงทะเบียน..แบบไม่จำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียน..ซึ่งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่เปรียบเสมือนรัฐมนตรีกระทรวง“ดิจิทัลวอลเล็ต”เผยว่า..คาดว่าผู้ที่ผ่านคุณสมบัติจะมีประมาณ 45 ล้านคน
อาถรรพ์ที่สอง..มีแนวโน้มว่าในวันที่ 7 สิงหาคม 2567 พรรคก้าวไกลจะถูกยุบพรรคอันมีปมเหตุมาจากมาตรา 112..ซึ่ง กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 พร้อมให้ตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล 10 คน
ทั้งนี้ การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวของ กกต. ถือว่าเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ที่ชี้ว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียง..เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง
กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล 10 คน ที่จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปีและพ้นจากการเป็น สส. ประกอบด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล, นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์, นายณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล, นายปดิพัทธ์ สันติภาดา, นายสมชาย ฝั่งชลจิตร,นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, นางสาวเบญจา แสงจันทร์, นายอภิชาติ ศิริสุนทร เลขาธิการพรรคก้าวไกลคนปัจจุบัน และนายสุเทพ อู่อ้น
ส่วนอาถรรพ์ที่สาม..ถือว่าใหญ่หลวงและเกี่ยวพันกับอาถรรพ์ที่หนึ่ง..โดยในวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดชี้ชะตานายเศรษฐา ทวีสิน..กรณีแต่งตั้ง“ทนายถุงขนม-พิชิต ชื่นบาน”ที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ..เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นายเศรษฐา ทวีสิน ถูกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)ในชุดที่แล้ว 40 คน..ยื่นเรื่องผ่านประธานวุฒิสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดลงในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา..และตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของนายพิชิต ชื่นบาน (ชิงลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว)..เนื่องจากนายเศรษฐามีพฤติกรรมที่เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4) และ(5) คือขาดความซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง..โดยศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567
ในวันที่ 14 สิงหาคม 2567 หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่านายเศรษฐา ทวีสิน..มีพฤติกรรมหรือกระทำการอันเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญตามที่ 40 อดีต สว.ร้อง..ซึ่งนอกจากนายเศรษฐาจะต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว..คณะรัฐมนตรีหรือรัฐบาลชุดนี้ก็มีอันต้องปิดฉากรูดม่านตามไปด้วย..และนั่นก็หมายถึงโครงการ“ดิจิทัลวอลเล็ต”ที่เป็นนโยบาย“ตกเขียว”ของพรรคเพื่อไทยก็ต้องถึงกาลอวสาน
เพราะเมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตพ่อค้าบ้านจัดสรรต้องพ้นสภาพจากการเป็นนายกรัฐมนตรี..พร้อมกับความสิ้นสุดของรัฐบาลผสม 11 พรรคชุดนี้..ไม่เพียงแต่จะต้องมีการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่..และมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศเท่านั้น..แต่จะต้องมีการร่างนโยบายฉบับใหม่ด้วยเช่นกัน
โดยหลักการ..เมื่อนายกรัฐมนตรีที่มาจากแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยคือนายเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งไป..ก็ควรจะต้องเปิดโอกาสให้พรรคภูมิใจไทยที่มีจำนวน สส.เป็นลำดับสามในสภาผู้แทนราษฎร..เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และนายอนุทิน ชาญวีรกูร หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย..ก็สมควรที่จะได้รับการเสนอชื่อโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในสภาผู้แทนราษฎร
ถ้าหากอาถรรพ์มีจริง..นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทยก็อาจจะชื่อ“อนุทิน ชาญวีรกูร”..และก็ยิ่งต่อภาพ“ปฏิญญาเขาใหญ่"..จากการที่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร พร้อมครอบครัวและแกนนำพรรคเพื่อไทย..เดินทางไปพักผ่อนที่“แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ”รีสอร์ทหรูของนายอนุทิน ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ก่อน..ให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก
นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ยอมแลกเรื่อง“กัญชา”กับพรรคภูมิใจไทยโดยไม่นำกลับไปขึ้นบัญชียาเสพติด..จึงน่าจะเป็นแค่“วางประกัน”เป็นการซื้อใจ..ส่วนเรื่องใหญ่กว่านั้นทำอย่างไรจะนำ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”กลับมาโดยไม่ต้องติดคุก--เมื่อ“อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีก็เป็นได้ ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี