วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
พรุ่งนี้วันที่ 14 สิงหาคม 2567..วันชี้ชะตา“เศรษฐา ทวีสิน”อดีตพ่อค้าด้านอสังหาริมทรัพย์, วัยย่าง 63 ปีที่ผันอาชีพเข้ามาสู่เส้นทางแห่งอำนาจ..เป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดให้แก่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง
นายเศรษฐา ทวีสิน จะอยู่หรือจะไปบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย..ก็อยู่ที่ผลการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน..อันเป็นผลมาจากการที่อดีตสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 40 คน ได้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา..ว่าจะสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่..ฐาน“กระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง”
ปมเหตุของเรื่องนี้มาจากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้ง“ทนายถุงขนม-พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี..ซึ่งอดีต 40 สว.ที่เป็นผู้ร้องเห็นว่า..นายพิชิต ชื่นบาน ขาดคุณสมบัติ
โดยขาดคุณสมบัติตามมาตรา 160 (4) และ (5) ของรัฐธรรมนูญปี 2560..แต่นายเศรษฐา ทวีสิน ก็ยังดันทุรังแต่งตั้ง
ทั้งนี้ มาตรา 160 (4) บัญญัติไว้ว่า..“มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ (5) บัญญัติไว้ว่า..“ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
ในสองข้อดังกล่าวนั้น..ได้เป็นที่ประจักษ์และปรากฏต่อสาธารณะว่า นายพิชิต ชื่นบาน ขาดคุณสมบัติ..ประการหนึ่ง ศาลฎีกาได้มีค่ำสั่งตามคำพิพากษาของศาลฎีกา“4599/2551”ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2551..ว่านายพิชิตและพวกอีก 2 คนร่วมกันกระทำผิด..ฐานละเมิดอำนาจศาลเกี่ยวกับ“คดีถุงขนม 2 ล้านบาท”โดยสั่งจำคุกคนละ 6 เดือน ไม่รอลงอาญา
และอีกประการหนึ่ง..จากคำพิพากษาดังกล่าวของศาลฎีกา..ได้ส่งผลให้นายพิชิต ชื่นบาน และพวกอีก 2 คน คือ นางสาวศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เสมียนทนายความ..และนายธนา ตันศิริ ผู้ประสานงานคดี..ซึ่งเป็นทีมทนายความของนายพิชิต ที่รับว่าความคดี“ทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก”ให้แก่“ทักษิณ ชินวัตร” และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ สองจำเลยในคดีนี้..ต้องถูกสภาทนายความฯเพิกถอนใบอนุญาตว่าความเป็นเวลา 5 ปี..ฐานประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี
หากตามไปดูในรายละเอียดของคดีที่นายพิชิต ชื่นบาน และพวก 2 คนถูกศาลฎีกาสั่งจำคุก 6 เดือน..ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา..นั่นก็เพราะศาลพิจารณาเห็นว่า..เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551..นายพิชิต ชื่นบาน กับพวก คือ นางสาวศุภศรี ศรีสวัสดิ์ และนายธนา ตันศิริ..นำถุงกระดาษใส่เงิน 2 ล้านบาทให้ ม.ล.ฐิติพงศ์ ชมพูนุช นิติกรประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา..ถือว่าเป็นเหตุจูงใจให้เจ้าหน้าที่ของศาลฎีกาฯ กระทำการอันมิชอบต่อตำแหน่งหน้าที่..ที่อาจเชื่อมโยงเป็นประโยชน์ในคดี“ทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก”
ศาลฎีกาจึงพิพากษาว่า “การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม..ซึ่งกระทำการร่วมกันจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในศาล..ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและพานิชย์ มาตรา 31 (1) มาตรา 33..ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83..และน่าจะมีมูลความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ตามประมลกฎหมายอาญา มาตรา 144..หรือความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงาน..การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามเป็นการกระทำที่อุกอาจท้าทาย..และเกิดขึ้นที่ศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลยุติธรรมสูงสุดของประเทศ”
เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาดังกล่าวแล้ว..ในวันที่ 8 กันยายน 2551 สภาทนายความฯ โดยคณะกรรมการมารยาท 13 คนที่มีนายสิทธิโชค ศรีเจริญ เป็นประธาน..ก็ได้มีการประชุมและลงมติเป็นเอกฉันท์..ว่านายพิชิตและพวกอีก 2 คน กระทำผิดข้อบังคับสภาทนายความฯ..จากการที่ไม่เคารพยำเกรงศาลและดูหมิ่นศาล..ประพฤติตนเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ..จึงลบชื่อบุคคลทั้งสามออกจากทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ..ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายความได้เป็นเวลา 5 ปี
เรื่องราวทั้งหมดอันเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายพิชิต ชื่นบาน..ที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) ห้ามไว้นั้น..นายเศรษฐา ทวีสิน ได้อ้างในคำแถลงปิดคดีที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ..เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมเดือนที่แล้วว่า..ตนเองไม่มีภูมิหลังทางการศึกษาด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์..ประกอบกับมีประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดินที่จำกัด..จึงไม่อาจรู้..หรือควรรู้ว่านายพิชิต ชื่นบาน เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
พรุ่งนี้รู้กัน..ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาว่าอย่างไร..เหตุผลของนายเศรษฐา ทวีสิน จะฟังขึ้นหรือไม่..ถ้าหากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเห็นว่าฟังไม่ขึ้น..นายเศรษฐาก็ต้องกลับไปเป็นเซลส์แมนพ่อพ่อค้าบ้านจัดสรรรตามอาชีพเดิม..เรียกว่ามาทางไหนก็กลับไปทางนั้น
ถือว่าเวลาเกือบหนึ่งปีหลังจากที่สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ด้วยคะแนนเสียง 482 เสียง..จากจำนวนสมาชิกที่ลงคะแนนทั้งหมด 728 เสียง นั้น..คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
อย่างน้อยก็ได้“คอนเนคชั่น”เพื่อเป็นทุนต่อยอดทางธุรกิจในอนาคตได้อย่างดี..ก็ลองคิดดูเล่นๆ ช่วงเวลา 12 เดือน..นายเศรษฐา ทวีสิน ได้เดินทางแบบออนทัวร์และโรดโชว์..ทั้งในและนอกประเทศเป็นว่าเล่น
เฉพาะไปเยือนต่างประเทศ..ได้เหมาเครื่องบินไปมาแล้วถึง 17 ครั้งใน 14 ประเทศ กับ 1 เขตเศรษฐกิจพิเศษ..ประเมินกันว่านายเศรษฐา ทวีสิน ถลุงงบประมาณแผ่นดินไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท..โดยที่ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือเป็นเป็นชิ้นเป็นอันกลับมาเลย
เงินส่วนตัวไม่ต้องควัก..แต่ได้รู้จักผู้นำโลกระดับอภิมหาอำนาจ..และทุนใหญ่ๆ ทางธุรกิจบนโลกใบนี้..ซึ่งถ้าเป็นชีวิตพ่อค้าธุรกิจบ้านจัดสรรตามอาชีพเดิม..ย่อมไม่มีโอกาสเช่นนี้แน่นอน !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

เปิดใจ! อาสากู้ภัยนำข้าวแจกชาวบ้าน ถูกน้ำพัดหาย ยันไม่ท้อ กลับมาช่วยต่อ ส่งข้าวกล่องใหม่ 200 ชุด
'HP'เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่6,000ตำแหน่งทั่วโลก หวังลดค่าใช้จ่ายรับยุคของAI
โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ 'เขมวันต์ สงคราม' เป็นพลเรือเอก และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
หมอสมเกียรติ คลินิกดังกระบี่ เปิดคลินิกรักษาฟรี2วัน ส่งต่อทุกบาทช่วยน้ำท่วม
‘อนุทิน’เยี่ยมศูนย์ อพยพ ม.อ.หาดใหญ่ สั่งเร่งระดมช่วยคนติดค้าง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี