วันเสาร์ ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568
คนทั้งโลกมีความเชื่อเหมือนกันว่าโลกกำลังก้าวไปสู่สงครามโลกครั้งที่สาม และสงครามโลกครั้งที่สามจะถูกจุดชนวนขึ้นที่ตะวันออกกลาง พื้นที่ที่จะเป็นชนวนของสงครามก็คือประเทศอิสราเอลกับประเทศอาหรับหลายประเทศ
อิสราเอลมีปัญหาความขัดแย้งกับประเทศอาหรับหลายประเทศ ที่เป็นปฐมเหตุปฐมบทก็คือประเทศปาเลสไตน์ซึ่งเป็นเจ้าของดินแดนดั้งเดิมในย่านนั้น ต่อมาหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอังกฤษได้ไปกำหนดให้พื้นที่บางส่วนของประเทศปาเลสไตน์เป็นพื้นที่ตั้งประเทศอิสราเอล
หลังจากนั้นเมื่อประเทศอิสราเอลตั้งขึ้นแล้วก็มีการระดมชาวอิสราเอลจากหลายพื้นที่ทั่วโลกเข้าไปอาศัยในพื้นที่ของตน โดยมีอังกฤษ สหรัฐ และพวกฝรั่งทั้งหลายให้การสนับสนุน
เมื่อมีการตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นแล้ว ชาวอิสราเอลจากทั่วโลกก็ย้ายถิ่นฐานเข้าไปอยู่ในประเทศอิสราเอล และรุกพื้นที่ปาเลสไตน์มากขึ้นและมากขึ้น จนเกิดเป็นความขัดแย้งและเกิดการปะทะกันตลอดมา ซึ่งอิสราเอลก็ได้ใช้ความแข็งแกร่งทางทหารขยายพื้นที่จัดตั้งนิคมชาวยิว และขยายพื้นที่ของอิสราเอลออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งกลืนกินประเทศปาเลสไตน์ไปเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะถือครองกรุงเยรูซาเลมว่าเป็นดินแดนของอิสราเอล จึงเกิดความขัดแย้งทางศาสนาซ้ำเข้ามา เพราะเยรูซาเลมนั้นมีวิหารศักดิ์สิทธิ์คือวิหารอัลอักซอ หรือที่ชาวมุสลิมเรียกว่าสุเหร่าอัลอักซอ ที่ต่างคนต่างไม่ยอมกันโดยเด็ดขาด
ปัญหาความขัดแย้งได้ใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และทำให้ประเทศอาหรับและกลุ่มมุสลิมต่างๆ ที่รักความเป็นธรรมได้ก่อตั้งกลุ่มขบวนต่างๆ ขึ้นมากมาย เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ และเพื่อทวงเอาดินแดนอิสลามปาเลสไตน์กลับคืนมา
จึงเกิดเป็นความขัดแย้งหลายมิติซับซ้อนกันอยู่ คือความขัดแย้งในเรื่องศาสนา ความขัดแย้งเรื่องถิ่นฐานที่ทำกินและที่อยู่อาศัย ตลอดไปจนถึงความขัดแย้งด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ
ประเทศที่มีความมั่นคงในอิสลามก็ผนึกกำลังกันและสนับสนุนการต่อสู้ทุกรูปแบบเพื่อชาวปาเลสไตน์ โดยมีอิหร่านเป็นหัวเรือใหญ่ และเมื่ออิหร่านเข้ารวมกลุ่มกับองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ จึงได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากรัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ รวมทั้งพันธมิตรด้วย
ในขณะเดียวกัน อิสราเอลก็ได้ผูกมิตรกับประเทศอาหรับบางประเทศที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของโลกตะวันตก ในขณะที่ได้รับการสนับสนุนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูจากสหรัฐและอังกฤษ และประเทศทั้งหลาย จึงทำให้ความขัดแย้งขยายวงกว้างมากขึ้น
อิสราเอลรู้ดีว่าเป็นประเทศเล็ก มีประชากรน้อยดังนั้นจึงหาทางดำรงอยู่ด้วยการเสริมความแข็งแกร่งทางการทหาร จนมีความแข็งแกร่งมากที่สุด และด้วยการสนับสนุนอุ้มชูของประเทศฝรั่งทั้งหลาย อิสราเอลจึงถือตัวเองเป็นเจ้าใหญ่ที่ไม่เกรงกลัวผู้ใดในโลก
แล้วจู่ๆ ก็เกิดปฏิบัติการทางทหารพิเศษขึ้นโดยขบวนการปฏิวัติอิสลามในปาเลสไตน์ ซึ่งมีชื่อเรียกว่าขบวนการฮามาส ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีก็กะกันว่าใช้เวลาไม่กี่วันอิสราเอลก็จะปราบได้ราบคาบ แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปเกือบปีแล้วอิสราเอลก็ยังไม่สามารถปราบขบวนการฮามาสได้สำเร็จ
มิหนำซ้ำ ขบวนการปฏิวัติอิสลามในพื้นที่ข้างเคียงทุกองค์กรก็เปิดสงครามให้การสนับสนุนขบวนการฮามาสกันอย่างแข็งขัน ที่สำคัญคือขบวนการฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนได้เปิดตัวทำสงครามกับอิสราเอลอย่างเปิดเผย ในขณะที่ขบวนการอัลซอรุลเลาะห์แห่งเยเมนก็ได้ร่วมกับกองทัพเยเมนในนามกองทัพฮูตีประกาศตัวทำสงครามกับอิสราเอลโดยเปิดเผย และรับภารกิจในการทำลายการนำเข้าส่งออกทั้งหมดของอิสราเอล ในพื้นที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลแดง เพื่อตัดกำลังอิสราเอลให้อ่อนแอลงในทุกทาง
นอกจากนั้นยังมีขบวนการปฏิวัติอิสลามอัชชาบีในอิรักและซีเรียเข้าผสมโรงปฏิบัติการทางทหารกับอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง
ในสภาพเช่นนี้อิสราเอลก็ต้องทำการต่อสู้กับขบวนการปฏิวัติอิสลามต่างๆ อย่างกว้างขวาง กระทั่งเกิดอาการเหยียบหน้าอิหร่านขึ้นมา เริ่มต้นด้วยการลอบสังหารผู้นำขบวนการฮามาสถึงเมืองหลวงของอิหร่าน ขณะเดินทางไปเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดีอิหร่านคนใหม่ และเปิดฉากโจมตีเข้าไปในเลบานอน ทิ้งระเบิดอานุภาพร้ายแรงสังหารผู้นำขบวนการฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเท่ากับเอาเท้าลูบหน้าอิหร่านซ้ำเข้าไปอีก
สถานการณ์ดังกล่าวบังคับให้อิหร่านจำเป็นต้องตอบโต้เปิดฉากถล่มอิสราเอลเป็นครั้งที่สอง และครั้งนี้ต้องถือเป็นการปฏิบัติการครั้งใหญ่ด้วยขีปนาวุธเกือบ 200 ลูก พุ่งเป้าไปที่ศูนย์บัญชาการทางทหารของอิสราเอล รวมทั้งฐานทัพอากาศอีก 2 แห่ง ซึ่งได้ทำลายศักยภาพทางการทหารของอิสราเอลอย่างรุนแรง และเกิดความเสียหายอย่างหนัก
การโจมตีดังกล่าวได้ประสานกับการโจมตีมาจากฮูตีและฮิซบอลเลาะห์ รวมทั้งฮามาส และจากอิรักและซีเรียพร้อมกัน ดังนั้น แม้จะมีปฏิบัติการทางจิตวิทยาอย่างกว้างขวางเพียงใดว่าอิสราเอลสามารถสกัดการโจมตีได้ แต่ภาพความจริงได้ถูกเปิดเผยออกไปอย่างกว้างขวางทั่วโลกว่าการโจมตีของอิหร่านประสบความสำเร็จ
สำนักข่าวตะวันตกเองได้รายงานข่าวว่าศูนย์บัญชาการของอิสราเอลถูกทำลาย จนไม่แน่ใจว่ารัฐมนตรีกลาโหมและหัวหน้าศูนย์บัญชาการแห่งนี้เสียชีวิตหรือไม่ นอกจากนั้นสนามบินใหญ่ 2 แห่งก็ถูกทำลายลง พร้อมเครื่องบิน F-35 ถูกทำลายลงกว่า 20 ลำ และรถถังในกองบัญชาการถูกทำลายกว่า 200 คัน ซึ่งเป็นความเสียหายใหญ่หลวงมาก
อิสราเอลคงต้องปฏิบัติการถล่มล้างแค้นอย่างแน่นอน และได้แสดงท่าทีว่าเป้าหมายในการโจมตีครั้งใหม่คือแหล่งพลังงานและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของอิหร่าน ในขณะที่อิหร่านก็ได้ประกาศว่าการถล่มโจมตีของอิหร่านคือการเปิดสัญญาณให้รู้ทั่วกันว่าอิหร่านพร้อมเข้าสู่สงครามอย่างเต็มรูปแบบกับศัตรูหมู่ปัญจมิตรทั้งหลาย และอาจทำลายโรงงานน้ำมันของพันธมิตรอิสราเอลในตะวันออกกลางให้ราบคาบด้วย
และนั่นก็หมายถึงชนวนสงครามโลกครั้งที่สามได้ถูกจุดขึ้นแล้ว

เขมรส่งหญิงท้อง 4 เดือน ปกป้องชายแดน ล่าสุดเสียชีวิตแล้วที่บึงตะกวน
รมว.ท่องเที่ยวฯ-เปิดงาน! ‘เทศกาลกินปลาทู’ ชูความอร่อยเมนูเด็ดเมืองแม่กลอง
โอนเงินเยียวยาน้ำท่วมใต้แล้ว 1,071,755 ครัวเรือน รวม 9,645,795,000 บาท
โผล่มาอีก พบโดรนปริศนา ตกในพื้นที่ชาวบ้านทุ่งศรีอุดม จ.อุบลฯ
กองทัพ โต้ ทรัมป์ เหยียบกับระเบิด ไม่ใช่ อุบัติเหตุ ย้ำตอบโต้กลับตามสัดส่วน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี