สงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่บานปลายกลายเป็นความขัดแย้งเผชิญหน้าระหว่างอิสราเอล+สหรัฐอเมริกากับอิหร่านพี่ใหญ่ในตะวันออกกลาง ที่ทำท่าจะเป็นสงครามใหญ่ ถึงขั้นใช้นิวเคลียร์ล้างผลาญกัน แต่สุดท้ายสงครามที่ว่ากลายเป็นสงครามน้ำลายเมื่อวอชิงตันกับเทลอาวีฟขยาดอาวุธรัสเซียที่ประจำการในเตหะราน

วันที่ 1 ตุลาคม อิหร่านใช้ ขีปนวุธไฮเปอร์โซนิค “ฟัตตาห์ 1” ประมาณ 200 ลูก ยิงถล่มฐานทัพอากาศอิสราเอล 5 แห่ง เสียหายยับเยินเครื่องบินรบ F-35 - F-15 กว่า 20 ลำ เสียหายทหารบาดเจ็บล้มตายหลายนาย แต่กองทัพอิสราเอลปิดบังความเสียหาย โดยอ้างว่า Iron Dom ระบบป้องกันตอบโต้ทางอากาศสามารถทำลายขีปนาวุธอิหร่านได้ 90% และอ้างว่า ขีปนาวุธของอิหร่านสร้างความเสียหายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่เมื่อดาวเทียมรัสเซียจับภาพได้และนำคลิปวีดีโอหลายๆ มุมออกมาเผยแพร่ เนทันยาฮูถึงกับควันออกหูประกาศว่า จะตอบโต้อิหร่านอย่างรุนแรง ถึงขั้นตั้งเป้าหมายทำลายโรงงานนิวเคลียร์ และโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมแก๊สและน้ำมันของอิหร่าน

เนทันยาฮู ผู้อหังการยกหูโทรศัพท์ปรึกษากับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่า ทำลายแหล่งผลิตน้ำมันและโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน ดีไหมลูกพี่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามเรื่องที่เนทันยาฮู ปรึกษาจะเอายังไงดี ประธานาธิบดี ไบเดน ตอบว่า “เรากำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่”

ชาวอิสราเอลผู้ลี้ภัยสงคราม จากเมืองไฮฟ่า ทางเหนือของอิสราเอลมาอยู่ในเมืองหลวงจนกว่าสงครามสงบ บอกแนวหน้าว่า ขีปนาวุธอิหร่านสร้างความหายในวงกว้างแก่กองทัพอากาศอิสราเอล แต่กองทัพใช้อำนาจภาวะสงครามห้ามไม่ให้สื่อและประชาชนพูดถึงความเสียหาย “คิดดูสิถ้าเสียหายเล็กน้อย ทำไมเนทันยาฮูถึงกับควันออกหู” แหล่งข่าวกล่าว

ความคลุ้มคลั่งของเนทันยาฮู เมื่อลูกพี่ใหญ่อเมริกา ยังไม่ตัดสินใจว่า จะตอบโต้อิหร่านวันไหน? เพื่อรักษาหน้า วันที่ 3 ตุลาคม เนทันยาฮู สั่งหน่วยรบพิเศษภาคพื้นดิน ลุยข้ามแดนตอนใต้เลบานอน เพื่อหวังทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของฮิซบอลเลาะห์ ให้ราบเป็นหน้ากลอง

แต่พื้นที่ชายแดนเลบานอนเป็นป่าเขา ไม่ใช่เป็นที่ราบ และชุมชนแออัดเหมือนกาซา หน่วยรบพิเศษอิสราเอลถูกฮิซบอลเลาะห์ซุ่มโจมตีด้วยจรวด และปืนใหญ่ 105 มม. ถอยร่นไม่เป็นท่า เลบานอน Observer รายงานว่า ฮิซบอลเลาะห์โจมตีทำลายผู้ก่อการร้ายไซออนนิสต์ตายอย่างน้อย 18 ศพบาดเจ็บกว่า 60 คน รถถังหนึ่งคันเสียหาย“เฮลิคอปเตอร์บินมารับคนเจ็บคนตายทั้งวัน”เลบานอน Observer รายงาน

เมื่อถูกตอบโต้ภาคพื้นดินสาหัสกองทัพอากาศอิสราเอล ก็หันมาถล่มเมืองใหญ่ๆในเลบานอนทำให้พลเรือนเสียชีวิตนับพันศพในเวลาเดียวกัน สหรัฐอเมริกา ประกาศสนับสนุนอิสราเอลเต็มที่ โดยอ้างว่าอิสราเอลมีสิทธิป้องกันตัวเองจากผู้ก่อการร้ายและสหรัฐพร้อมส่งกำลังและอาวุธเพิ่มเติมไปให้

วันที่ 7 ตุลาคม รัสเซียทูเดย์รายงานว่า รัสเซียติดตั้งระบบป้องกันและตอบโต้ทางอากาศแบบ S400 ไว้หลายจุดในกรุงเตหะราน ต่อมา สำนักข่าว Tass รายงานว่า
รัสเซียได้ย้ายขีปนาวุธ Iskander ติดหัวรบนิวเคลียร์ไปยังอิหร่าน ISKANDER เป็นขีปนาวุธ ระดับไฮเปอร์โซนิค ความเร็ว มัค 6-7 เร็วกว่าเสียง 6-7 เท่า ระยะยิง 900 กิโลเมตร แถมมีความรุนแรงมากความเร็วกระสุนปืน AK ระดับ มัค 2 ดังนั้น ISKANDER เลยเป็นขีปนาวุธที่สกัดยากมาก และในวันเดียวกัน สื่อรัสเซียรายงานว่า มอสโกติดตั้ง S400 ระบบป้องกันภัยทางอากาศให้อิหร่านไว้หลายแห่งในกรุงเตหะราน

วันที่ 8 ตุลาคม รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ลอยด์ ออสติน กล่าวว่า สหรัฐจะติดตั้งระบบป้องกันและตอบโต้ทางอากาศแบบ THAAD ให้อิสราเอล พร้อมทหารประจำ THAAD ฐานละ95 นาย

วันที่ 9 ตุลาคม สหประชาชาติประณามกองทัพอิสราเอล ที่โจมตีฐานทัพกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติโดยอิสราเอลอ้างว่า มีฮิซบอลเลาะห์ แฝงตัวในกองกำลังรักษาสันติภาพสหประชาชาติ ในวันเดียวกัน เลบานอน Observer รายงานว่าฮิสบอลเลาะห์ ยิงจรวดทำลายรถถังสังหารทหารอิสราเอล 3 นาย

ในขณะที่กองทัพอากาศอิสราเอลเมามันกับการถล่มพื้นที่พลเรือนอย่างบ้าคลั่ง พลบค่ำ วันที่ 13 ตุลาคม โดรนของฮิซบอลเลาะห์ หลบเลี่ยงระบบป้องภัยทางอากาศอิสราเอลเข้าโจมตีฐานทัพ Labouneh ของอิสราเอลทางตอนใต้ของเลบานอน ทำให้ทหารหน่วยรบพิเศษ เสียชีวิตทันที 4 นาย และได้รับบาดเจ็บหลายสิบนาย

เหตุการณ์เลวร้าย ในวันที่ 13 ตุลาคม ทำให้นักวิเคราะห์ชาวอเมริกัน กล่าวว่า ระบบป้องภัยทางอากาศของอิสราเอลล้มเหลว ทำให้โดรนของฮิซบอลเลาะห์ หลบหลีกมาได้ ซึ่งล้มเหลวครั้งนี้ เหมือนกับวันที่ 7 ตุลาคม ปีกลายที่จรวดฮามาส 2,000 นัด หลบหลีกไอรอนโดม เข้าไปได้โดยใช้เวลาหลายชั่วโมงก่อนอิสราเอลตอบโต้ นักวิเคราะห์จึงเกรงว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบ THAAD ที่สหรัฐ เพิ่งติดตั้งให้อิสราเอล ก็ไม่อาจต้านขีปนาวุธล้ำสมัยที่มีมากมายมหาศาลของอิหร่านได้ ชาร์ล มอร์แกนกล่าวว่า “ขีปนาวุธสามารถหลบเลี่ยงได้ เพราะ THAAD ยิงสกัดได้เพียง 48 นัดเท่านั้น ดังนั้นใครก็ตามมีโดรนหรือขีปนาวุธมากกว่า 48 ลำก็ทำให้ THAAD กลายเป็นแท่งเหล็กธรรมดา”

วันที่ 14 ตุลาคม นายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล คำรามว่า จะโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์โดยปราศจากความเมตตา หลังจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ใช้อากาศยานไร้คนขับโจมตีฐานทัพอิสราเอล เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2567 ทำให้มีทหารเสียชีวิต 4 นาย ขณะที่อาสาสมัครกู้ภัย ระบุว่าทหารอิสราเอลบาดเจ็บ 60 คน โฆษกกองทัพอิสราเอล ห้ามไม่ให้เผยแพร่หรือแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับความเสียหาย ที่เกิดจากการโจมตีของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์

เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม ที่เนทันยาขู่จะถล่มโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมน้ำมันและอุโมงค์นิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ถูกเตหะรานสวนกลับว่า หากอิสราเอลทำอย่างนั้นจะได้รับการตอบโต้อย่างเลวร้ายที่คาดไม่ถึง จนถึงวันนี้อิสราเอลไม่พูดถึงเรื่องตอบโต้อิหร่านอีกเลย เนทันยาฮูผู้อหังการมุ่งเน้นแต่เรื่องทำให้เลบานอนกลายเป็นกาซาที่สอง

ท่าทีเปลี่ยนไปของเนทันยาฮู ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าอิสราเอล พับแผนการตอบโต้อิหร่านใส่ลิ้นชักเรียบร้อยแล้ว สาเหตุใหญ่ น่าจะมาจากสหรัฐ ไม่พร้อมทำสงครามใหญ่ในตะวันออกกลาง ประกอบกับคู่ปรปักษ์เดินหน้าช่วยเหลืออิหร่านเต็มกำลัง

ดังที่นักวิเคราะห์ทางทหารอเมริกันเปิดเผยว่า ในห้วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีอาวุธรัสเซียระดับก้าวหน้าล้ำยุคบางอย่างกำลังถูกลำเลียงถ่ายโอนมายังอิหร่าน อีกทั้ง รัสเซียยังหนุนหลังด้วยการส่งบุคลากรทางทหารชาวรัสเซียเข้ามาประจำทำหน้าที่ใช้งานระบบอาวุธเหล่านี้อีกด้วย

จากการที่รัสเซียเคลื่อนไหวทางทหารครั้งสำคัญ อาจทำให้อิสราเอลดูเหมือนยอมพับเก็บแผนการโจมตีอิหร่านที่พวกเขาได้จัดทำเอาไว้ เข้าลิ้นชักแล้ว และสภาวการณ์หลายๆ อย่างผสมกันเข้ามา อาจส่งผลทำให้อิสราเอลเกิดการถอยกรูดคราวนี้ขึ้น โดยที่เรื่องนี้เอง ก็น่าจะพลอยทำให้การส่งเสียงเกรี้ยวกราด แสดงความกระเหี้ยนกระหือรือที่จะเล่นงานเตหะรานของอิสราเอล กลายเป็นคำพูดไร้สาระไร้ราคาไปเลย

จึงอนุมานได้ว่า ข่าวที่ออกมาเวลานี้จากทั้งสองฝ่าย จึงเป็นเพียงสงครามน้ำลาย มิใช่สงครามนิวเคลียร์ที่ทุกฝ่ายหวาดหวั่นแต่ประการใด

สุทิน วรรณบวร