วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
การเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ถึงแม้ว่าจะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นที่มีจิตวิทยาทางการเมืองต่างจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งระบบเขต และระบบบัญชีรายชื่อก็ตามที แต่สนามเลือกตั้งอุดรธานีกลายเป็นสนามสัประยุทธ์ห้ำหั่นกันอย่างเอาจริงเอาจังเอาเป็นเอาตายจาก 3 พรรค 3 สี 2 ขั้วการเมือง
สีแดงติ่งสัมภเวสีพรรคเพื่อไทย ที่พยายามยกตัวเป็นหัวขบวนของ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่ เพื่อต่อกรกับสาวกศาสดายกเลิก/แก้ไขมาตรา 112 ด้อมส้มผู้ฝักใฝ่กับการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แถมด้วยสีน้ำเงินบ้านครูใหญ่บุรีรัมย์ พรรคพูดแล้วทำ “ภูมิใจไทย”ความหวังเดิมของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ตัวเลข 58,000 คะแนนคือคะแนนเสียงตอกย้ำความล้มเหลวของฝ่ายรัฐสวัสดิการที่เสมือน “สุนัขเห่าใบตองแห้ง”
“สุนัข“ที่ดีแต่สำรอกสำราก สร้างวาทกรรมวาดฝันให้สังคมไทยบนเวทีปราศรัยบนรถขยายเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่เคยเป็นรูปธรรมมาปฏิบัติ
ไม่ใช่ไม่มีโอกาส แต่ “พิธาคิโอ้ /- พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”และผองเพื่อน ทิ้งโอกาสที่ได้รับนั้น เพียงเพื่อเดินตามแนวคิดศาสดา, ผู้นำจิตวิญญาณที่พยายามยัดเยียดข้อมูล “โครงสร้างสังคมไทย” ที่พวกซ้ายจอมปลอมเคยวิเคราะห์วนเวียนอยู่กับ 3 คำสลับกันไปมา
3 คำ ที่ว่าคือ “กึ่งเมืองขึ้น, กึ่งทุนนิยม, กึ่งศักดินา” นั้นล่วงมาถึงยุคสนตะพายกลุ่มสามกีบกลายเป็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นโครงสร้างสังคมไทยเสียอย่างนั้นตามชุดความคิดที่ศาสดาและผู้นำจิตวิญญาณยัดเยียดให้
แต่ไม่ว่าพรรคการเมืองไทยจะเลือกเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่ เป็นทุนนิยมก้าวหน้า หรือเป็นรัฐสวัสดิการ ก็ตาม ปัญหาคือ “ปัญหาหลักของประเทศล้วนมาจากนักการเมือง ตั้งแต่ปัญหาไม่มีความสามารถบริหารประเทศ ไม่มีวิสัยทัศน์ จ้องแต่จะทุจริตคอร์รัปชั่นกันอย่างไร แย่งชิงอำนาจกัน เพ้อเจ้อเรื่องนโยบายที่ตนทำไม่ได้ จ้องแต่จะเอาเงินภาษีมาแจกเพื่อคะแนนเสียง ซึ่งทั้งหมดได้ส่งผลกระทบไปถึงงานในระบบราชการ ปัญหาเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน รวมทั้งการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฯลฯ
รัฐบาลไม่ทำหน้าที่ของรัฐบาล ฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน เอาแต่ “ตบ-จูบ” กันไม่เลิก เพราะมีเป้าหมายหลักเดียวกัน คือไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อแก้ปัญหาทั้งหมดไม่ได้ เพราะไม่มีความสามารถ ติ่งแดงก็ก่นโทษกฎหมาย ว่า “กฎหมายเฮงซวย” ว่า “รัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยซึ่งตรงกับด้อมส้ม ที่กล่าวโทษเพิ่มเติมด้วย “มาตรา 112” และ “องค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญ”ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาในประเทศทั้งหมด
แต่พวกมันไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกดูตัวเองแถมในสมองในหัวนั้นบรรจุสมองที่ไร้สามัญสำนึกกาลเทศะแต่เต็มไปด้วยพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่น ความฉ้อฉลทั้งความคิด ความจริง และความถูกต้องในสังคม ปั่นหัวประชาชนให้โง่และโลภ เพียงเพื่อจะได้ครองอำนาจแล้วกระทำการทุจริตคอร์รัปชั่น
นักการเมืองไทย รัฐมนตรีของประเทศไทยจึงวนเวียนอยู่กับตัวแทนกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นรัฐบาล จึงได้นักการเมืองเสียชาติเกิดมาเป็นคณะรัฐมนตรีสืบสันดาน เป็นนายกรัฐมนตรีสืบสันดาน
เพราะนักการเมืองไทย แบบนี้ ปัญหาของประเทศจึงลุกลามเป็นแผลลึกอย่างยากจะเยียวยาแก้ไขได้
เพราะทุนนิยมมันสามานย์จึงลดความสามานย์ด้วยอาการก้าวหน้า ขณะที่รัฐสวัสดิการก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้ารัฐบาลบริหารประเทศยังไร้เดียงสาเยี่ยงนี้
ขณะที่พรรคการเมืองคู่แข่งขันก็ทำได้แค่สำรอกเห่าหอนไม่มีโอกาสได้ลงมือกระทำ เพราะโอกาสเคยได้แล้วแต่ทิ้งมันไป

'สิริพงศ์' ชี้ ต้องตีความ ยื่นซักฟอก ม.151 นายกฯ ยุบสภาได้ก่อนหรือหลัง บอก'วันนอร์'พูดไม่ชัด
กระจ่างแจ้ง! 'อาจารย์มิก' ส่องให้ดูทุกขั้นตอน 'ทักษิณ' อำพรางขายหุ้นชิน จนถึงบทสรุปศาลฎีกาสั่งจ่าย 1.76 หมื่นล้าน
สธ. เดินหน้าการกิจ Never Stop to Burn ทำลาย มั่นใจ ไม่เวียนขาย ไปทำลายสังคม
'ตึกแดงวินเทจ'ลงดาบแม่ค้าปากแซ่บ ประกาศยกเลิกสัญญาเช่าทันที ปมด่าลูกค้าอยากฉลาดให้ถาม
สุดยอด!!! เจาะลึกกลยุทธ์'ศุภจี'เจรจาอเมริกา ใช้ศักยภาพอาหารไทย สร้างแต้มต่อระดับโลก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี