วันนี้มีเรื่องให้พูดถึง 2 เรื่องคือเรื่องรถไฟความเร็วสูงที่จะเชื่อมต่อกับประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และประเทศต่างๆในอาเซียนกับเรื่องที่“มาดามแพทองโพย”จะเดินทางไปจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อพบกับประธานาธิบดี“สี จิ้นผิง” มีข้อหารือเรื่องการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นภัยคุกคามความมั่นคงและความเป็นปกติสุขของคนไทยอยู่ในเวลานี้
เรื่องรถไฟความเร็วสูงนั้น ฟังจากการแถลงของนายจิรายุ ห่วงทรัพย์โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มกราคมวานนี้ประชาชนที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ อาจจะเข้าใจผิดไปได้ว่าเป็นผลงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพราะนายจิรายุ ไม่ได้บอกที่มาที่ไปว่าโครงการนี้ดำเนินการในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่พรรคเพื่อไทยมักจะกรอกหูคนไทยอยู่ตลอดเวลา ว่า 8-9 ปีของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีอะไรเลย มีแต่ทำให้ประเทศย่ำแย่ลงและพัฒนาก้าวตามไม่ทันประเทศเพื่อนบ้าน
จะเรียกว่าโฆษกรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย“ตีกิน”เรื่องนี้ก็ได้เพราะโดยสปิริตของนักประชาธิปไตย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ควรจะให้เครดิตรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่กลับตีขลุมแบบมั่วนิ่มว่ากระทรวงคมนาคมที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นเจ้ากระทรวงได้รายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบ
นั่นก็คือความคืบหน้า“โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซียนและจีน” จาก“กรุงเทพฯ-หนองคาย” ซึ่งนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ แถลงว่า การก่อสร้างระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา มีความคืบหน้าในสัญญาการก่อสร้างงานโยธาโดยรวมร้อยละ 35.75 โดยก่อสร้างแล้วเสร็จ 2 สัญญา คือช่วงกลางดง-ปางอโศก และช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 10 สัญญา และอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง 2 สัญญาส่วนระยะที่ 2 ช่วง“นครราชสีมา-หนองคาย” โฆษกรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าคาดว่าจะเปิดบริการได้ในปี 2573
สรุป แล้วโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่ว่านี้เป็นผลงาน“ชิ้นโบแดง”ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาอีกเรื่องหนึ่งที่ได้ทำไว้แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเพิ่งจะหยิบขึ้นมาแถลงให้ประชาชนคนไทยทราบโดยเหยียบเอาไว้เกือบ 2 ปีตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาล ซึ่งก็คงคาดเดาได้ไม่ยากเพราะไม่อยากให้ชาวบ้านรู้ว่าเป็นผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ที่พรรคเพื่อไทยโจมตีมาโดยตลอดว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์“ไม่มีผลงานอะไร”จนทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งพลอยหลงเชื่อตามไปด้วย
และจากนี้ไปก็จะเห็นผลงานสมัยที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำไว้ปรากฏออกมาเป็นระยะๆ โดยมีรัฐมนตรีของรัฐบาลเพื่อไทยไปตัดริบบิ้นเปิดใช้งานอย่างเมื่อวันที่ 29 มกราคมวานนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจก็เพิ่งจะไปเป็นประธานพิธีเปิด“สะพานทศมราชัน”หรือสะพานพระราม 10ซึ่งเป็นสะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา คู่ขนานสะพานพระราม 9อันเป็นผลงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยเริ่มก่อสร้างในปี 2563ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 6.63 พันล้านบาท (6,636,192,131.80 บาท)
ถึงบรรทัดนี้ก็ย่อมจะพูดได้ว่า เข้าปีที่ 2 ที่พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลปากบอกว่าเศรษฐกิจวิกฤต แต่ไม่เคยเห็นว่าจะแแก้ปัญหาที่ตรงเป้าตรงจุดมีแต่การถลุงเงินแผ่นดินอย่างเดียวนั่นก็เพื่อสนองนโยบายประชานิยมของพรรคเป็นประการสำคัญ ด้วยการ“ลด-แลก-แจก-แถม” ภายใต้ข้ออ้างเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
โครงการ“ดิจิทัลวอลเล็ต”ที่รัฐบาลพรรรคเพื่อไทยกำลังล้างผลาญอยู่ในเวลานี้เกือบ 2 แสนล้านบาทนั้นคือตัวบ่งชี้ได้ชัดเจน ซึ่งทุกฝ่ายที่คัดค้านต่างเห็นว่าเป็นการดำเนินโครงการที่ได้ไม่คุ้มเสียและจะเป็นการสร้างภาระทางการคลังให้แก่ประเทศจากหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นโดยที่รัฐบาลควรจะนำเงินไปลงทุนในภาครัฐเพิ่มเติมจากที่ได้มีการดำเนินการไว้แล้วในระยะต่อไป เช่น โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานย่อมจะดีกว่าการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำด้วยการแจกเงิน
อีกเรื่องหนึ่ง ที่“มาดามแพทองโพย”จะบินไปจีนแผ่นดินใหญ่ระหว่างวันที่ 5-9 กุมภาพันธ์สัปดาห์หน้า เพื่อพบกับประธานาธิบดี“สี จิ้นผิง”โดยจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหา“แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ซึ่ง“มาดามแพทองโพย”บอกว่า“จีนเองก็คงอยากได้ความร่วมมือจากเราด้วยเช่นกัน”นั้น
ในสายตาชาวบ้านเห็นว่า ถ้าจะแก้กันจริงๆ ต้องเริ่มที่เราก่อนเป็นลำดับแรกและต้องเอาให้จริง-ให้เด็ดขาด เช่นว่าทุกช่องทางธรรมชาติที่เข้าออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะต้อง“ซีล”หรือปิดให้อยู่รวมทั้งต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เอื้อประโยชน์หรือมีผลประโยชน์กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และนอกจากนั้นสัญญาณอินเตอร์เน็ตก็ต้องตัดเพื่อปิดกั้นการใช้งานให้ได้โดยสิ้นเชิง
ประการที่สำคัญ เรื่อง“ฟรีวีซ่าไทย-จีน”ที่เปิดมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 สมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน นั้นควรจะต้องมีการทบทวนใหม่หรือไม่เพราะเรื่องนี้ก็เป็น“ช่องทาง”ที่ทำให้บรรดา“จีนเทา”หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเข้าออกได้ง่ายมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพฤติกรรมของข้าราชการไทย เช่นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มักจะอ่อนปวกเปียกดังคำโบราณที่ว่า “เหล็กแข็งกระด้าง-เอาเงินง้างอ่อนตามความประสงค์”
ฉะนั้น ทั้งเรื่องฟรีวีซ่า และเรื่องพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองยิ่งช่วยทำให้บรรดาอาชญากรทั้งหลายสบายแฮเลย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี