วันเสาร์ ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“อุ๊งอิ๊งค์-แพทองโพย”นั้น ถึงพ่อจะพยายามยกหาง..โฆษณาการขายด้วยการอวดสรรพคุณสติปัญญาความสามารถที่ไม่มีอยู่จริงของเธอแค่ไหนอย่างไร..ทองแท้ก็ย่อมเป็นทองแท้ ไม่ใช่“แพทองโพย”ที่ต้องใช้ไอแพดเป็นสมองช่วยจำ
เข้าเดือนที่หกตั้งแต่อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาจับมาเชิดเป็น“นายกรัฐมนตรีร่างทรง” ยิ่งนานวันก็ยิ่งเห็นว่า เธอไร้วุฒิภาวะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะชีวิตของ“อุ๊งอิ๊งค์” ก็แค่ลูกคุณหนูพ่อรวยที่ถูกบิดา-มารดาเลี้ยงดูอย่างตามใจ โดยเกิดมาบนกองเงินกองทองที่“บิดา-มารดา”หาได้มา ซึ่งก็ยังเป็นที่กังขาว่า ทรัพย์สินเงินทองที่บุพการีหาได้มานั้น มาจากทางใดบ้าง กระทั่งถึงกับมีเสียงร้องเหมือนถูกเหยียบหางว่า“โกงพ่อมึงสิ”
“แพทองโพย”ไม่มีวุฒิภาวะ เพราะนิสัยและพฤติกรรมยังเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต หรือพูดให้ชัดก็คือ“นิสัยไม่รู้จักโต” ซึ่งในทางจิตวิทยานั้น มนุษย์ทุกคนล้วนมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวกันทั้งสิ้น เช่นว่า เลือกแต่งตังตัวตามที่ตนชอบ, เลือกกินอาหารที่ชอบ, เลือกสะสมของเล่นใหม่เป็นงานอดิเรก และใช้ชีวิตตามใจตนเอง เหล่านี้เป็นต้น โดยถือว่าเป็นเรื่องไม่ผิดปกติ
นั่นก็ด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเพศไหน ก็คือเด็กเมื่อในอดีต ถึงแม้กาลเวลาจะล่วงมาแล้วก็ตาม ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ในบางครั้งบุคคลผู้นั้นจะแสดงความเป็นเด็กออกมาเมื่อพ้นวัยแล้ว
แต่-ยังมีแต่ เนื่องด้วยในความเป็นเด็ก หากนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตทั้งหมด อาจจะไม่เหมาะสม โดยผู้รู้อธิบายว่า ไม่ใช่เพราะความเป็นเด็กนั้นไม่ดี แต่เป็นเพราะยิ่งเติบโตคนเราก็ยิ่งต้องอาศัยความคิด และการตัดสินใจที่สลับซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งต้องใช้วุฒิภาวะในการคิดและตัดสินใจ
สำหรับ“แพทองโพย”นั้น ความเป็นเด็กของเธอมีการแสดงออกให้เห็นอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรี เธอไม่รู้กาลเทศะ, ไม่รู้ระเบียบแบบแผน, ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร และไม่รู้ว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับการมีสามีคนใต้และลูกอีกสองคน ในฐานะเมียและแม่ แตกต่างจากตำแหน่งผู้นำรัฐบาลที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร อันเป็นหนึ่งใน 3 อำนาจของประเทศนี้อย่างไร
การออกรายการโทรทัศน์เทปแรกของ“แพทองธาร ชินวัตร”ในฐานะนายกรัฐมนตรี ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย“NBT HD2” และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา..สะท้อนให้เห็นความเป็นเด็กของ“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”ได้เป็นอย่างดี ทั้งจากทรรศนะและวิธีคิด..โดยรายการนี้จะมีการออกอากาศทุกวันอาทิตย์ต้นเดือนของทุกเดือน ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ดังกล่าว
เริ่มแรกเธอพูดถึงที่มาที่ไปของรายการนี้ว่า..“ใครได้รับชม ได้รับฟังในรายการนี้ ถือว่าเอ็กซ์คลูซีฟมากๆ ในเรื่องของการทำงานของรัฐบาลและการทำงานของตัวนายกฯเอง จะเอาเบื้องหลังมาเล่าให้ฟังว่า ได้พบเจออะไรบ้าง รวมถึงจะอธิบายที่มาที่ไปของนโยบาย หรือขั้นตอนของแต่ละนโยบายว่าถึงไหน ก็อยากจะมาอัพเดทในรายการนี้ให้ฟัง”
แค่“มาดามแพทองโพย”เกริ่นเรื่องว่า“เอ็กซ์คลูซีฟมากๆ” นี่ก็คิดเองเออเองแบบเด็กๆ เพราะชาวบ้านเขาไม่อยากเสียเวลามานั่งฟังหรอกว่า การทำงานของนายกรัฐมนตรีหรือของรัฐบาลเป็นอย่างไร เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ใช่แม่ค้าขายสินค้าทางออนไลน์ แต่เป็นผู้บริหารประเทศ ซึ่งมีหน้าที่ในการสร้างความผาสุกความเจริญให้แก่ประชาชนและประเทศชาติบ้านเมือง ดังนั้น ประชาชนคนไทยทุกคนเขาอยากเห็นนายกรัฐมนตรีทำงาน และมีผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ไม่ใช่ราคาคุยจากการโฆษณาขายสินค้าของแม่ค้า
ไม่เพียงแต่เท่านั้น ผลงานของรัฐบาล ที่“มาดามแพทองโพย”แจกแจงสี่ห้าเรื่องในรายการนี้..ก็ไม่เห็นว่าจะ“เอ็กซ์คลูซีฟมากๆ” อย่างที่เธอบอก เพราะแต่ละเรื่องเป็นเรื่องเก่าที่เอามา“ตีกินหาเสียง”ทั้งสิ้น..ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค, เรื่อง ODOS 1 อำเภอ 1 ทุน, เรื่องโครงการ 1 อำเภอ 1 ซัมเมอร์แคมป์, เรื่องบ้านเพื่อคนไทย หรือเรื่องกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว
หากว่าถ้ารายการนี้เป็นเอกชนจัดไม่ใช่นายกรัฐมนตรีจัด คนก็อาจจะเข้าใจผิดว่า รายการนี้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า เหมือน“ดิไอคอน กรุ๊ป” โดยมี“บอสแพทองโพย”เป็นเจ้าของกิจการ
อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งแสดงความเป็นเด็กที่“นิสัยไม่รู้จักโต”ของ“แพทองธาร ชินวัตร” แบบลูกคุณหนูพ่อแม่รวยและเอาแต่ใจตนเองเป็นที่ตั้ง จากที่เธอพูดเปิดใจในช่วงท้ายของรายการเกี่ยวกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการแต่งตัวของเธอ-โดย“แพทองโพย”กล่าวว่า
“มีหัวใจ ถ้าโดนว่า โดนอะไรเสียใจแน่นอน รู้สึกแน่นอน แต่จมไม่ได้ เพราะว่างานรออยู่เยอะมาก โดนว่านาทีนี้ นาทีหน้าต้องไปประชุมแล้วค่ะ..แต่ว่า ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น เช่นเสื้อผ้า หน้าผม การแต่งตัว (หัวเราะ) ที่ถูกบูลลี่มาโดยตลอด ก็ไม่ได้คิดอะไร..และมันรู้สึกว่า ฉันก็จะแต่งตัวแบบนี้แหละ..ไปทำงานแบบนี้ให้ประชาชนมีความสุข เพราะนี่เป็นฉัน”
ความเป็นเด็กที่“นิสัยไม่รู้จักโต”ก็ตรงคำพูดที่เธอว่า“เพราะนี่เป็นฉัน”..ซึ่งในทางจิตวิทยาระบุว่า เป็นอาการของ“Peter Pan Syndrome” คล้ายคลึงกับโรคหลงตัวเอง..โดย“มาดามแพทองโพย”อาจจะเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
สำคัญอย่างยิ่ง เธอแยกไม่ออกว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับลูกคุณหนูที่มีสามีคนใต้และมีลูกอีกสองคนนั้น มีสถานภาพแตกต่างกว่ากันอย่างไร
ถ้าเป็นเมียคนใต้ เป็นแม่ลูกสอง เป็น“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”ที่ใช้เงินกงสี เธอจะแต่งตัวอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่มีใครว่าอะไร..แต่วันนี้เธอเป็นนายกรัฐมนตรี-เป็นผู้นำของคนไทยทั้งประเทศ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

กำปั้นไทยไร้พ่าย! ลิ่ว 7 รุ่นต่อยซีเกมส์
เลขาวุฒิสภา แจ้ง สว. ยกเลิกประชุมวุฒิสภา 15- 16 ธ.ค.นี้ หลังยุบสภาแล้ว
ดร.จักษ์ ชม อนุทิน ตัดสินใจระดับรัฐบุรุษ ยุบสภาครั้งนี้ เผาพรรคส้มเหลือแต่ขี้เถ้า
กกต. กางแนวทาง ค่าใช้จ่าย สส. ช่วงเลือกตั้ง พรรคการเมืองหาเสียงได้ตั้งแต่วัน ยุบสภา
ปูติน ยกระดับชีวิตพลเมืองรัสเซีย อัตราความยากจนลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี