“ยิวในยุโรป” ต่างถูกอั้งม้อตั้งข้อรังเกียจและกีดกันการประกอบอาชีพ แต่ยิวเป็น“คนเก่ง สุดขยันและสุดอดทน” จึงร่ำรวยขึ้นมาอย่างน่าตกใจและเชี่ยวชาญเรื่องการเงินจนเลื่องชื่อ ยิวจึงเป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์แรกที่ “ตั้งธนาคารขึ้นในยุโรป” เป็นแห่งแรกของโลกและเป็นมนุษย์ปล่อยเงินกู้สุดโด่งดัง
แม้ยิวจะถูกฝรั่งในยุโรปเกลียดชังแค่ไหน? ยิวก็รักษาความเป็นยิวมาได้อย่างเหนียวแน่น “ไม่แคร์ใครและไม่อายใครที่ตนจะถูกเรียกเป็นยิว”
เวลาผ่านไปนับกว่าพันปี ฝรั่งในยุโรปก็ไม่เคยเบื่อหน่ายในการ “ข่มเหงยิว” และ “เกลียดชังยิว” ชนิดเกิดสิ่งชั่วร้ายอะไรขึ้นมา ก็จะ “โยนบาป” ว่ามาจากยิว เช่นในปีค.ศ.1348 ถึงปีค.ศ.1349 เกิด “กาฬโรค” ระบาดในยุโรป จนชาวยุโรปล้มตายไปถึง 1 ใน 3 ของประชากรทั้งทวีป ฝรั่งก็โทษว่า “ยิวเป็นผู้เผยแพร่โรคนี้” โดยนำเชื้อกาฬโรคใส่ในบ่อน้ำให้ชาวเยอรมันดื่มจนโรคนี้ระบาดอย่างรวดเร็ว กว้างขวางและรุนแรง
มีชาวยุโรปหัวรุนแรงบางราย “ตั้งกลุ่ม Armleder (ปลอกแขนหนัง)” รุมกันจับยิวไปเผาทั้งเป็นอย่างโหดเหี้ยม
ความเกลียดชังยิวฝังใจชาวยุโรปมายาวนาน จนถึง “ยุคฮิตเลอร์” ชาวยิวในยุโรปจึงต้อง “รับเคราะห์” โดย “ถูกฮิตเลอร์กวาดล้างเผ่าพันธุ์ ตายไปกว่า 6 ล้านคน” ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2
“ลัทธิแอนตี้ยิว” หรือ “ลัทธิแอนตี้เซมิติก” ที่แพร่ระบาดในยุโรปทำให้ “ชาวยิวที่สิ้นชาติไร้ประเทศ” ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลกต่าง “เริ่มมีความต้องการอย่างแรงกล้า”ที่จะ “ต้องมีประเทศเป็นของชาวยิวให้ได้”
ดังนั้น ยิวทั่วโลกจึงได้ร่วมมือกัน ตั้งองค์กรไซออนิสต์(Zionism) ขึ้นในปีค.ศ.1860 ด้วยการระดมทุน “จากยิวมหาเศรษฐีทั่วโลก” แล้วนำเงินดังกล่าวให้ชาวยิวที่ยากจนในตะวันออกกลาง “นำไปซื้อที่ดินในปาเลสไตน์” ซึ่งขณะนั้น “เป็นแผ่นดินสุดแห้งแล้งที่ไม่มีใครต้องการ” แต่มีชุมชนชาวอาหรับที่ “สุดยากจน” ตั้งเป็นถิ่นอาศัยได้แก่ “ชาวกาซาและชาวปาเลสไตน์”
ครั้นปีค.ศ.1897 ได้มีการ “ประชุมไซออนิสต์ครั้งใหญ่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์” ที่ประชุมได้ลงมติ “ให้ยิวทั่วโลกกลับไปที่แผ่นดินปาเลสไตน์” บ้านเก่าเมืองเดิมของยิวเมื่อกว่า 3,200 ปีก่อน
“หลังสงครามโลกครั้งที่ 1” รัฐบาลอังกฤษซึ่งเป็น “เจ้าอาณานิคม” ในตะวันออกกลางได้ประกาศ “มอบดินแดนปาเลสไตน์ให้เป็นที่ตั้งประเทศอิสราเอล” ปรากฏว่า กลุ่มประเทศอาหรับต่างออกมาต่อต้านทันทีตั้งแต่ปี 1936
“ในเดือนกันยายน ค.ศ.1947 มติสมัชชาใหญ่ สหประชาชาติ ให้แบ่งดินแดนปาเลสไตน์ออกเป็นสองรัฐ คือรัฐยิวและรัฐอาหรับ โดยฝ่ายยิวยอมรับมติแต่อาหรับไม่ยอม”
14 พฤษภาคม ค.ศ. 1948 ยิวประกาศเป็น “ชาติเอกราช” มีครม.ชุดแรกในวันดังกล่าว
15 พฤษภาคม ค.ศ. 1948 (คือถัดมาแค่วันเดียว) อาหรับ 5 ชาติ ได้แก่ อียิปต์ จอร์แดนอิรัก ซีเรีย และเลบานอน ยกกองทัพบุกอิสราเอล แต่ยิวป้องกันประเทศไว้ได้ (จากการช่วยเหลือของสหรัฐและอังกฤษ)
จากวันนั้นเป็นต้นมา “สงครามตะวันออกกลาง” ก็กลายเป็น “มหากาพย์แห่งสงครามที่ไม่มีวันจบ”
“จบไม่ได้” เพราะ “ยิว” ประกาศแล้วว่า ตนจะต้องทวงคืนดินแดนที่พระเจ้า (ซึ่งไม่มีตัวตนให้มนุษย์คนใดได้เห็น) ได้สัญญาไว้เมื่อเกือบ 4,000 ปีก่อนจะมอบให้แก่ยิว ได้แก่ดินแดนปาเลสไตน์ที่ใหญ่กว่านี้ 5 เท่า ได้แก่ ดินแดนกาซา ปาเลสไตน์ เลบานอน ซีเรีย อิรัก และจอร์แดน
ชาวโลก คงจะต้องติดตาม “มหากาพย์แห่งสงครามที่ไม่มีวันจบ” นี้อีกยาวนานและอีกยาวไกล?
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี