แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...

■■ เพราะหน้าที่เป็นเรื่องสำคัญมากในการปฏิบัติการงาน คำว่าหน้าที่หมายถึงกิจที่ต้องทำ ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพสมบูรณ์ และเมื่อมีสิทธิแล้วย่อมมีหน้าที่ รัฐธรรมนูญการปกครองของประเทศต่างๆ จึงได้บัญญัติถึงสิทธิและหน้าที่ของประชาชนพลเมืองไว้ให้เป็นหลักปฏิบัติ สิทธิและหน้าที่เป็นสิ่งที่ควบคู่กันไป ในด้านสิทธิเรามีเสรีภาพในการคิด การทำ แต่การใช้สิทธิดังกล่าวนี้ ต้องมีหลักที่จะต้องปฏิบัติ คือรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมไว้ เพราะประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ประเทศชาติทรงไว้ซึ่งอิสรภาพ ผลสุดท้ายก็เท่ากับเป็นประโยชน์ของแต่ละคน... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 สิงหาคม 2504)...

■■ รอยร้าวลึกในความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยยังคงฝังแน่นยากจะลบออกแล้วสมานได้ แม้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (หุ่นกระบอก) จะพยายามเล่นละครตลกเพื่อตบตาคนที่รู้ไม่ทัน แต่ยิ่งได้เห็นการเล่นละครแบบไม่เนียนของนายกฯ ก็ยิ่งทำให้รู้ว่ารอยร้าวยังคงลึก เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะดึงให้ อนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย ยอมเข้าไปเป็น Wallpaper หลังจบประชุมคณะรัฐมนตรี แล้วให้ นฤมล ภิญโภสินวัฒน์ จากกล้าธรรม แสดงละครจับไม้จับมือหยอกล้อกับอนุทิน ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ความร้าวฉานดีขึ้น เพราะต่อให้นายกฯ จะแสร้งแสดงอาการหัวเราะร่วน ก็เป็นแค่การเล่นตลกการเมืองเท่านั้น หากจะประสานรอยร้าวได้จริง ต้องให้ ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยกับ เนวิน ชิดชอบ เจ้าของพรรคภูมิใจไทยจูบปากกันให้ได้เสียก่อน(จูบปากในที่นี้หมายถึงตกร่องปล่องชิ้นกันทางการเมืองนะขอรับ ไม่ใช่จูบปากกันจริงๆ ฮา ฮา ฮา)...

■■ แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังมีเสียงครหาเรื่องคนบางคนพยายามโทรฯ หากันหลายต่อหลายครั้ง เพื่อจะสมานรอยร้าวระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย แต่กลายเป็นว่าโทรฯ ไปแล้วไม่รับ หลังจากที่เคยรับสายแล้วไม่ตอบตกลง เมื่อไม่มีความตกลงใดๆ ต่อกัน ก็จึงทำให้นัดหมายเคลียร์ใจที่โรงแรมพูลแมนฯ ซอยรางน้ำ กลายเป็น deal ล่ม แต่ก็มีคอการเมืองวิพากษ์นึกอย่างไรก็ยังนึกไม่ออกที่จะเห็นภาพทักษิณไปปรากฏตัวที่โรงแรมพูลแมนฯ เพราะถิ่นนั้นไม่ใช่ถิ่นของทักษิณ แต่มันคือถิ่นของเนวิน เพราะทักษิณไม่น่าจะยอมไปพูลแมนอย่างแน่นอน แต่หากทักษิณจะนัดหมายกับใครเพื่อคุยงานสำคัญแล้ว ต้องนัดไปกินมาม่าที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเท่านั้น แต่ก็มีเสียงโต้กลับว่าแล้วทำไมทักษิณยอมไปตีกอล์ฟที่แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ ของอนุทินที่เขาใหญ่โคราช เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ก็ต้องตอบว่าเพราะวันนั้นกับวันนี้มันไม่เหมือนกันสถานการณ์มันเปลี่ยนไปจนไม่น่าจะหันมากอดกันได้อีกต่อไปแล้ว...

■■ หลายคนที่ติดตามข่าวการเมืองไทยยังคงจำได้ดีว่า ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งอดีต เขาคนนี้เคยสั่งให้คณะรัฐมนตรีประกาศให้วันที่ 31 ธันวาคม2546 เป็นวันทำงานของราชการ ทั้งๆ ที่วันดังกล่าวคือวันหยุดราชการ แต่เมื่อค้นไปค้นมาก็ทำให้คนไทยเห็นว่าเหตุที่เขาต้องสั่งให้ทำงานราชการในวันที่31 ธันวาคม 2546 เพราะเอื้อผลประโยชน์การซื้อขายที่ดินในนาม พจมาน ชินวัตร เพราะช่วยให้เสียค่าภาษีซื้อขายที่ดินถูกกว่าการซื้อขายในปี 2547 แต่แม้จะมีคนบางคนออกมาแก้ต่างให้ทักษิณว่า เขาซื้อขายที่ดินกันก่อนถึงวันที่ 31 ธันวาคม แต่ถึงกระนั้น เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมการเมืองของทักษิณมาจนถึงบัดนี้ โดยเฉพาะคำวิจารณ์ในประเด็นที่ว่าเหลิงอำนาจ...

■■ ทักษิณในวันนี้ ยุค 2568 กับทักษิณในวันวาน ยุค 2544 มีความเหมือนกันอยู่หลายประการ โดยเฉพาะเรื่องบ้าอำนาจ แต่ก็เข้าใจได้ว่าในยุค 2544-2549 นั้น ทักษิณกุมอำนาจรัฐไว้ในกำมือตัวเองอย่างค่อนข้างเบ็ดเสร็จเขาจึงชะล่าใจ แล้วคิดว่ามีอำนาจรัฐแล้วจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องสนใจความรู้สึกของผู้คน ไม่ต้องสนใจหลักทำนองครองธรรม จนสุดท้ายเขาต้องประสบชะตากรรมด้วยการรัฐประหาร 2549 แต่ทักษิณวันนี้ในยุค 2568 เขาไม่มีอำนาจรัฐในกำมืออย่างแท้จริง แต่ถึงกระนั้นทักษิณก็ยังคงแสดงความกร่างไม่เลิกรา เพราะเขาเห็นว่าเขาคือผู้ชักเส้นสายเพื่อบังคับนายกรัฐมนตรีหุ่นกระบอก แพทองธาร ชินวัตร ได้แต่มีเสียงเตือนมาจากนักการเมืองรุ่นเก่าๆ ที่เคยร่วมยุคร่วมสมัยกับทักษิณว่า ระวังประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย แล้วลูกสาวจะต้องเผชิญชะตากรรมไม่ต่างจากตัวทักษิณ และตัวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...

■■ การบินไทยในวันนี้ฟื้นตัวแล้ว เมื่อฟื้นตัวมาได้อย่างปฏิหาริย์ หลังจากที่ตอนแรกๆ ไม่มีใครคิดว่าการบินไทยจะฟื้น แต่เมื่อฟื้นแล้วก็จึงทำให้นักการเมืองที่เคยรุมทำร้ายทำลายการบินไทยต้องหันกลับไปมองการบินไทยอีกครั้ง เพราะหวังจะปู้ยี่ปู้ยำการบินไทยเหมือนเคยจับตัวดูให้ดีก็แล้วกันว่าการบินไทยหลังฟื้นไข้ จะถูกนักการเมืองหน้าไหนเข้าไปรุมโทรมอีก แต่คนการบินไทยก็ต้องเตือนสติตัวเองทุกวินาทีด้วยว่า ต้องไม่ยอมให้นักการเมืองหื่นๆ เข้าไปรุมโทรมอีก และล่าสุดมีข่าวจากการบินไทยว่ามีมติจากที่ประชุมผู้บริหารแผนฟื้นฟูการบินไทย เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ โดยเห็นชอบให้ที่ประชุมฯ เสนอในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 1/2568 พิจารณาอนุมัติกรรมการบริษัท 11 คน โดยมีชื่อ ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ชาญศิลป์ ตรีนุชกร อำนาจ จีระมณีมัย ส่วนกรรมการ และกรรมการอิสระหน้าใหม่อาจจะมี 8 หรือ 9 คน ดังจะมีชื่อต่อไปนี้ ลวรณ แสงสนิท (ปลัดกระทรวงการคลัง) กุลยา ตันติเตมิท(อธิบดีกรมสรรพสามิต) ชาครีย์ บำรุงวงศ์ (ที่ปรึกษาเศรษฐกิจการขนส่งทางบก) ธัชชัย ปิตะนีละบุตร (จเรตำรวจแห่งชาติ) ณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร) ยรรยง เดชภิรัตนมงคล (อัยการพิเศษ สำนักอัยการสูงสุด) สัมฤทธิ์ สำเนียง (อดีตผู้บริหาร ปตท. สผ.) ชาติชาย โรจนรัตนางกูร (จากสหกรณ์ออมทรัพย์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ) และ ชาย เอี่ยมศิริ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการบินไทย) เมื่อเห็นชื่อกรรมการ และกรรมการอิสระบางคนของการบินไทยแล้ว ก็ได้แต่ปลงอนิจจัง พร้อมกับนึกสังเวชใจ แล้วก็ทำให้วิตกว่าการบินไทยจะพัฒนาได้จริงจังแค่ไหนกันหนอ...

■■ โลกยุคนี้เป็นยุคที่เกือบทุกประเทศต่างก็มีหนี้สินรุงรังล้นพ้นตัวท่วมหัวท่วมหูโดยล่าสุดมีรายงานจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (Institute of International Finance : IIF) ระบุว่าปี 2567พบว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP จากทุกประเทศทั่วโลกสูงอย่างน่าตกใจ คือ 318 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอการเจริญเติบโตอย่างเห็นได้ชัด สัดส่วนหนี้สินต่อ GDP คือดัชนีชี้วัดความสามารถการชำระหนี้สินของประเทศด้วย และยังพบอีกว่าหนี้สินของรัฐบาลในหลายประเทศก็เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสวนทางกับอัตราเงินเฟ้อและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและขณะเดียวกันก็มีเสียงเตือนว่าหนี้สินของรัฐบาลอาจจะเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ เพราะรัฐบาลต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และบางประเทศในยุโรปต้องใช้จ่ายเงินเพื่อการทหารมากขึ้น เนื่องจากไม่ไว้วางใจประเด็นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจจะปะทุและเกิดเหตุปะทะกันได้ทุกวินาที...■■