บ้านเมืองยามนี้มองไปทางไหนก็ว้าเหว่วังเวง ตัวนายกรัฐมนตรีก็ขาดๆ เกินๆ ไม่มีสติปัญญาเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน แต่เก่งในเรื่องไร้สาระแบบเด็กที่ไม่มีวุฒิภาวะ อันเนื่องมาจากเป็นลูกสาวคนเล็ก ประเภทไข่ในหินที่พ่อแม่เลี้ยงดูแบบตามใจ และถูกบิดาเข็นขึ้นมาเป็น“นายกฯหุ่นเชิด”
ส่วนบิดานั้นก็โหดเหี้ยมอำมหิต จับลูกสาวขึ้นมาเชิดก็เพราะต้องการจะ“ประทับร่างทรง” เพื่อใช้อำนาจได้อย่างกระชับมือดั่งใจประสงค์ ลูกสาวมีหน้าที่คอย“รับสาร”ผ่านไอแพด พูดผิดบ้างถูกบ้างตามประสาของเด็กที่คล้ายกับเป็นโรค“สมาธิสั้นเทียม”
โรค“สมาธิสั้นเทียม”นั้น เกิดมาจากการเลี้ยงดูที่ขาดระเบียบวินัย ถูกพ่อแม่ผู้ปกครองตามใจ ไม่มีกฎระเบียบภายในบ้าน และที่สำคัญน่าจะตรงกับบุคลิกและพฤติกรรมของ“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์” หรือ“มาดามแพทองโพย” นายกรัฐมนตรีที่ถูกพรรคร่วมฝ่ายค้าน“ล็อคเป้า”เชือดในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้น ก็คือ การใช้ไอแพด, แท็บเล็ต และมือถือเป็นเวลานานๆ มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย โดยขาดการควบคุมจากผู้ปกครอง
“มาดามแพทองโพย” กับชุดแต่งตัวของเธอ กลายเป็นเป้าสายตาให้ชาวบ้านชาวช่องเขาหยิบกันขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ แทนที่จะมองหรือพูดกันเรื่องผลงานในการบริหารราชการแผ่นดิน กลับพูดถึงเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมและเครื่องประดับกายของเธอในแต่ละวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเดินทางไปต่างประเทศ ถูกคนไทยจ้องจับผิดมากที่สุด แล้วก็มักจะเป็นอย่างนั้นเสียด้วย คือมีผิดให้จับ
ตอนเดินทางไปจีน สวมรองเท้าส้นสูงหุ้มข้อราคาแพงมีแผงมุกคาดอยู่ที่รองเท้าขณะเข้าพบประธานาธิบดีสี เจิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็ถูกคนไทยสมองไวนำภาพตรงข้อเท้าของเธอที่สวมรองเท้าคู่นี้ มาเทียบกับเท้าของม้าของลาที่มีกีบ และก็ช่างละม้ายคล้ายกันจริงๆ จะขำก็ขำไม่ออก ได้แต่รู้สึกสมเพชเวทนา ว่า เมืองไทยมาถึงวันนี้ได้อย่างไร คนไทยส่วนใหญ่ต้องอับอายขายหน้าแก่คนทั้งโลกด้วยเหตุที่เรามีนายกรัฐมนตรีแบบนี้
และไปกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เพื่อเข้าร่วมงาน “ITB Berlin 2025”ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-8 มีนาคม 2568 ซึ่งเหมือนงานอีเวนต์ประจำปีทั่วไป ปรากฏว่า“มาดามแพทองโพย”ที่ถลุงเงินหลวงไปเที่ยว โดยใช้ภารกิจนายกรัฐมนตรีบังหน้า เฉลี่ยวันละประมาณ 12 ล้านบาท ก็ยัง“เสร่อ”ให้คนเขาวิพากษ์วิจารณ์กับชุดแต่งตัวตอนแวะพักที่นครซูริก สวิตเซอร์แลนด์ ก่อนจะบินต่อไปยังกรุงเบอร์ลิน
ไม่เพียงแต่“เสร่อ”เท่านั้น “มาดามแพทองโพย”ก็ยังไปป่าวประกาศแบบฉายหนังซ้ำแต่ตนเองทำไม่ได้ที่ “Berlin ExpoCenter City” ณ กรุงเบอร์ลิน ด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเยอรมนีและทั่วทั้งภูมิภาคยุโรปรับทราบว่า ประเทศไทยประกาศให้ปีนี้เป็นปี “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” โดยชูเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัดศักยภาพของไทยเข้าสู่เวทีระดับโลก เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก
ที่ว่า“ฉายหนังซ้ำ”เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง แต่ตนเองทำไม่ได้นั้น ก็คือ จะมีการจัด“บิ๊กอีเวนต์”หลายงาน เพื่อส่งเสริมกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เช่น เทศกาลสงกรานต์ ภายใต้ชื่อ “Maha Songkran World Water Festival 2025” ที่“มาดามแพทองโพย” เธอออกปากเชิญชวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเยอรมนีและทั่วทั้งภูมิภาคยุโรป ประมาณ 300 คนที่มานั่งฟังเธอพูด
คงจำกันได้ว่า สงกรานต์ปีที่แล้วสมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่ง“มาดามแพทองโพย”มีตำแหน่งเป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ก็เป็นตัวตั้งตัวตีในการตีเกราะเคาะปี๊บป่าวประกาศเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวงาน “เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ 2567” หรือ“Maha Songkran World Water Festival 2024”
โดย“มาดามแพทองโพย”เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ก่อนหน้าที่จะมีการจัดงาน“เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ 2567”ในปีที่แล้วถึง 4 เดือนว่า “เราจะปักหมุดให้สงกรานต์ปีหน้า (เมษายน 2567) เป็นเทศกาลที่คนทั้งโลกต้องบินมาเล่นที่บ้านเรา และสงกรานต์ปีหน้า เราจะไม่เล่นน้ำแค่ 3 วันนะคะ แต่จะจัดงานกันทั้งเดือน ทยอยจัดกันทั้งประเทศ 77 จังหวัด เตรียมวางแผนกันได้เลยนะคะ ว่าสัปดาห์ไหนของเดือนเมษายน อยากจะไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่จังหวัดไหน มาร่วมกันทำให้สงกรานต์บ้านเรา เป็นเทศกาลที่ทั่วโลกต้องปักหมุดมาเล่นน้ำที่บ้านเรา และทำให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศสุดยอดเฟสติวัลโลก”
ปรากฏว่าพอถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์..แทนที่จะอยู่ร่วมงาน “คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”ก็หอบลูกหอบสามีคนใต้ไปรดน้ำดำหัวแบบเย็นฉ่ำกันเองที่ฮ่องกง อีกทั้งยังทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้าใจว่า มีการเฉลิมฉลองสงกรานต์ตลอดทั้งเดือนเมษายน จากการสื่อสารที่ผิดพลาดแบบผู้ป่วยที่เป็นโรค“สมาธิสั้นเทียม”
ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยพากันถือ“ปืนฉีดน้ำ”มากันเก้อ คิดว่าจะมีการสาดน้ำเล่นสงกรานต์ในประเทศไทยกันตลอดทั้งเดือนเมษายน
อย่างไรก็ดี นอกจากเรื่อง “Maha Songkran World Water Festival 2025”ในเดือนเมษายนปีนี้ ที่“มาดามแพทองโพย”ไปออกปากชวนเชิญชาวต่างชาติที่กรุงเบอร์ลินแล้ว เธอก็ยังกล่าวรวมถึง การที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเล่ย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก และ“ซีเกมส์ 2025” ซึ่งเธอกล่าวว่าได้ตั้งเป้าว่า ในปี 2568 นี้จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้ 39 ล้านคน และฝันฟุ้งว่าจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นเงินถึง 3.5 ล้านล้านบาท
หากไปดูสถิติย้อนหลังเมื่อปีที่ผ่านมา พบว่าในปี 2567 จากตัวเลขที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสรุปไว้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยรวมทั้งสิ้น 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท และเมื่อรวมกับรายได้ที่ได้จากนักท่องเที่ยวไทยจำนวน 9.5 แสนล้านบาท ทำให้มียอดรวมรายได้จากกการท่องเที่ยวทั้งหมด 2.62 ล้านล้านบาท แต่ก็ยังต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 3 ล้านล้านบาท
ส่วนการเมืองเรื่อง“ฮั้วอำนาจ” เกี่ยวกับคดี“ฮั้วเลือกตั้ง สว.”นั้น ผลจากการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) หรือ“บอร์ด DSI” เมื่อวันที่ 6 มีนาคมเมื่อวานนี้ ซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชยชัย นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติรับคดีไว้เป็นคดีพิเศษเฉพาะฐานความความผิดฟอกเงิน โดยมีผู้เห็นชอบ 11 เสียง จากองค์ประชุมทั้งหมด 18 เสียง ไม่เห็นชอบ 4 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง
ขณะที่ฐานความผิด“อั้งยี่”และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงนั้น ที่ประชุมไม่รับไว้เป็นคดีพิเศษ เป็นอันว่าฝ่ายที่ต้องการจะเช็คบิล สว.สายสีน้ำเงินต้อง“ว่าว”ไป นั่นก็อาจจะเป็นผลมาจากกระแสข่าวเกี่ยวกับ“ดีลลับ 4 คน” คือ ทักษิณ ชินวัตร, แพทองโพย, เนวิน ชิดชอบ และอนุทิน ชาญวีรกูล ที่“บ้านจันทร์ส่องหล้า”ศูนย์กลางอำนาจรัฐของประเทศไทยในเวลานี้ เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา
จะอะไรก็ตามแต่ เรื่องนี้ยังไม่จบกันง่ายๆ ยังเก็บไว้เป็น“หัวเชื้อ” สำหรับการต่อรองทางอำนาจระหว่างบ้านใหญ่แห่งจันทร์ส่องหล้า กับ บ้านใหญ่แห่งจังหวัดบุรีรัมย์ กันต่อไป ตราบเท่าที่“เกมแห่งอำนาจ”ยังไม่สิ้นสุด คือรัฐบาลผสมระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยยังไม่“แตกดังโพละ”
ดังคำภาษาอังกฤษว่า- The game of power is not over yet!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี