วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ระดับความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับระดับสติปัญญาของนายกรัฐมนตรีอย่างมีนัยสำคัญ หากนายกรัฐมนตรีมีระดับสติปัญญาต่ำทราม เศรษฐกิจไทยก็จะตกต่ำย่ำแย่ แต่ในยุคที่เศรษฐกิจไทยเฟื่องฟูงอกงาม ก็สะท้อนได้ถึงความมีสติปัญญาของนายกรัฐมนตรี
การกล่าวในย่อหน้าต้นนั้น มีข้อความที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าความรู้ ความสามารถ ความน่าเชื่อถือ ฝีไม้ลายมือในการบริหารประเทศ บวกกับระดับสติปัญญา และความเฉลียวฉลาดนายกรัฐมนตรี ล้วนมีผลอย่างใกล้ชิดกับการเจริญเติบโต หรือความเสื่อมทรุดตกต่ำของเศรษฐกิจของประเทศ
เรามีตัวอย่างชัดเจนที่โลกทั้งโลกเห็นชัดแล้วคือต่อให้ประเทศบางประเทศขาดไร้ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ โดยประเทศมีสภาพเป็นเพียงเกาะเล็กๆ หรือเต็มไปด้วยภ้ยพิบัติอันเกิดจากภัยธรรมชาตินานาชนิด แต่ถ้าหากประเทศนั้นมีผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือประธานาธิบดีก็ตาม เป็นคนฉลาดเฉลียว มีสติปัญญาเป็นเลิศ มีความละอายต่อความบาปความชั่ว มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้าก้าวไกล มีความรับผิดชอบ มีความน่าเชื่อถือ ประเทศนั้นก็สามารถเจริญเติบโต และมีความมั่งคั่ง มั่นคง กลายเป็นประเทศมหาอำนาจได้
แต่ตรงกันข้าม หากประเทศใดมีผู้นำการเมืองสูงสุดเป็นคนสามานย์ โง่เขลา สิ้นคิด ไร้ยางอาย ไม่มีความสามารถบริหารประเทศ แถมยังยอมให้คนอื่นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามจูงจมูกให้ทำในสิ่งต่างๆ แต่ที่น่าละอายที่สุดคือไม่สามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดี ไม่รู้กาลเทศะ ไม่รักษาคำพูด ประเทศนั้นก็จะพบกับความวิบัติตกต่ำ ถึงแม้ประเทศนั้นจะเคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อนก็ตาม แต่เมื่อมีผู้นำการเมืองสูงสุดบัดซบเลวทรามเช่นนั้น สุดท้ายแล้วก็ส่งผลให้ประเทศพบแต่ความวิบัติบรรลัย
เมื่อผู้นำประเทศไม่มีความน่าเชื่อถือเสียแล้วไม่ว่าเขาพูดอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้ประเทศชาติพัฒนาได้ และต่อให้เขาสรรหามาตรการใดๆ เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จ เพราะสาธารณชนและนานาชาติไม่มั่นใจ ไม่ไว้ใจ และไม่เชื่อมั่นในตัวผู้นำที่โง่เขลาเบาปัญญา ไร้สติ ไร้ความละอาย
การมีตำแหน่งสูงสุดในฐานะผู้นำประเทศ ไม่ได้ทำให้คนโง่เขลา กลายเป็นคนมีสติปัญญาขึ้นมาได้ การที่คนโง่เขลาได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีก็หาได้ทำให้เขาผู้นั้นมีความสามารถบริหารประเทศให้เจริญเติบโตและพัฒนาก้าวหน้าขึ้นมาได้ เพราะตัวของเก้าอี้นายกรัฐมนตรีและห้องทำงานของนายกรัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์เลือกผู้รับตำแหน่งได้ แต่ถึงกระนั้น คนที่มีความละอายแก่ใจโดยแท้ ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจตลอดเวลาว่าตนเองนั้นเหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากเป็นคนมีปัญญาโดยแท้ มีความละอายใจแท้จริง เขาจะไม่อุตริรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นอันขาด เพราะมันคือการนำตัวเองไปสู่แดนประหาร แต่ที่เลวร้ายกว่าคือเขาจะกลายเป็นผู้ลากให้ประเทศตกนรกขุมต่ำที่สุดไปโดยปริยาย
บัดนี้เราทุกคนเห็นตรงกันแล้วว่าเศรษฐกิจของประเทศเลวทรามทรุดโทรม จนกลายเป็นประเทศที่อัตราการเจริญเติบโตเศรษฐกิจรั้งท้ายสมาชิกในกลุ่มอาเซียน แล้วเราก็เห็นชัดแล้วว่าใครคือนายกรัฐมนตรี ดังนั้น สภาพเช่นนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่าบ้านเมืองของเราตกต่ำถดถอยอย่างน่าอดสู ก็เพราะมีนายกรัฐมนตรีเช่นที่เห็นและเป็นอยู่ เพราะฉะนั้น ประเทศจึงประสบความถดถอย เสื่อมทรุด และอาจพบความล่มสลายในที่สุด หากยังคงมีนายกรัฐมนตรีเช่นนี้ต่อไป

‘กรมการแพทย์’ชู 3 เทคโนโลยีการรักษาฟื้นฟู‘กะโหลกเทียม แขนขาเทียมและตาปลอม’
ช็อกกันทั้งซอย กล้องหน้ารถจับภาพ ชายป่วยซึมเศร้าโดดตึก3ชั้นสาหัส
วางขายแล้ว! จาก‘ข้าวดอ’สู่‘ข้าวเม่า’ ขนมโบราณ ฝีมือชาวนาอำนาจเจริญ
ประเทศแรกในเอเชีย! ‘ฟีฟ่า’เลือก‘ไทย’ เจ้าภาพฟุตบอลหญิง รายการ FIFA Series 2026tm
‘สืบยโสธร’รวบเครือข่ายโจรกรรมรถ จยย.ข้ามชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี