วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การเฉลิมฉลองสงกรานต์ปีนี้ เป็นรอบของนางทุงสะเทวี ซึ่งทรงเครื่องอาภรณ์อันงดงาม ประดับด้วยแก้วปัทมราค ทัดดอกทับทิม ทรงพาหุรัดอันวิจิตร พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาเหนือหลังครุฑในลักษณะไสยาสน์ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคงและร่มเย็น และภักษาหารประจำปีนี้ คือ “อุทุมพร” หรือมะเดื่อ ผลไม้มงคลที่สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์
ปรากฏว่าล่วงเข้าวันที่สามของการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันปีใหม่ของไทยแต่ก่อนเก่า ได้เกิดอุบัติในช่วงการรณรงค์“7 วันอันตราย” ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2568 แม้ว่านางทุงสะเทวีจะเสวยผลมะเดื่อเป็นภักษาหารก็ตาม แต่ยอดผู้เสียชีวิตจากมนุษย์เป็นๆ มีจำนวนสะสมไปแล้ว 39 ศพ บาดเจ็บ 752 คน โดยจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร จำนวน 10 ศพ
สาเหตุหลักในการประสบอุบัติเหตุ จากการแถลงเมื่อตอนสายวันที่ 14 เมษายนเมื่อวานนี้ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นเจ้าภาพลักในการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วง 7 วันอันตราย พบว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วร้อยละ 44.26, ดื่มแล้วขับร้อยละ 29.05 และตัดหน้ากระชั้นชิดร้อยละ 17.91 ทั้งนี้ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.85
หากย้อนกลับไปดูสถิติช่วง 7 วันอันตรายระหว่าง 11-17 เมษยาน เมื่อสองปีก่อน โดยปี 2567 ยอดรวมผู้เสียชีวิตมีทั้งหมด 287 ศพ-บาดเจ็บ 2,060 คน และปี 2566 เสียชีวิต 264 ศพ-บาดเจ็บ 2,208 คน ซึ่งถ้าหากเทียบกับปีนี้ช่วงสามวันแรก ปรากฏว่าปีนี้ยอดผู้เสียชีวิตต่ำกว่าปีที่แล้ว โดยในปีที่แล้วยอดสามวันอันตราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงถึง 116 ศพ-บาดเจ็บ 968 คน และปี 2566 เสียชีวิต 114 ศพ-บาดเจ็บ 1,064 คน
สงกรานต์ปีนี้ยังเหลืออีก 2 วัน สำหรับผู้ที่เดินทางไปเฉลิมฉลองในต่างจังหวัด หากใครไม่ประมาทโอกาสรอด คือไม่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็มีอยู่สูง แต่ถ้าโชคชะตาไม่เข้าข้างก็ต้องถือว่า ชีวิตถูกขีดเส้นเกณฑ์ชะตามาแค่นี้ ขณะที่คนซึ่งโกงบ้านกินเมืองถูกแช่งชักหักกระดูก กลับดวงแข็งยิ่งกว่าเหล็กเส้นที่ผลิตจากโรงงานจีน
อย่างไรก็ตาม สงกรานต์ปีนี้สำหรับบ้านเราที่ใช้ปืนพลาสติกเป็นอาวุธเล่นสาดน้ำกันนั้น เป้าสายตาของสังคมได้โฟกัสจับไปที่จังหวัดเชียงใหม่ เพราะไม่เพียงแต่อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตัวจริงของประเทศนี้ จะควง“มาดามแพทองโพย”ลูกสาวที่เป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ไปเฉลิมฉลองที่เชียงใหม่เท่านั้น บรรดานักการเมืองจากพรรคประชาชนที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ระดับหัวหน้าพรรคทั้งปัจจุบันและอดีตสมัยที่ยังเป็นพรรคก้าวไกล ก็แห่ไปรวมตัวกันที่เชียงใหม่
นักการเมืองพรรคประชาชนและพรรคก้าวไกลดังกล่าวนั้น ไล่เรียงไปก็มี “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ที่รั้งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และ “ชัยธวัช ตุลาธน” สองอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และรวมไปถึง“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้เป็นนายทุนพรรรคตัวจริงของพรรคก้าวไกลในอดีต และพรรคประชาชนในปัจจุบัน
“ทักษิณ ชินวัตร”ไปกับ“มาดามแพทองโพย” ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะนอกจากจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นบ้านเกิดของทักษิณแล้ว อีกประการหนึ่งทักษิณก็ต้องการยึดพื้นที่ทางการเมืองในจังหวัดนี้ซึ่งมีอยู่ 10 เขตเลือกตั้งและเคยเป็นของพรรคเพื่อไทยกลับคืนมา หลังจากการเลือกตั้ง สส.ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ถูกพรรคประชาชนเมื่อครั้งเป็นพรรคก้าวไกลช่วงชิงไปถึง 7 เขต โดยพรรคเพื่อไทยสามารถรักษาพื้นที่ได้เพียงแค่ 2 เขต ส่วนอีกหนึ่งเขตคือเขต 9 เป็นของพรรคพลังประชารัฐ ที่ปัจจุบันนายนเรศ ธำรงทิพยคุณ สส.ในเขตนี้ได้ย้ายไปสังกัดพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
แต่บรรดาแกนหลักในระดับนำของพรรคประชาชนที่อวตารมาจากพรรคก้าวไกล ทั้งอดีตและปัจจุบัน แห่กันไปรวมตัวที่เชียงใหม่ ช่วงเดียวกับที่“ทักษิณ ชินวัตร”ควงบุตรสาวไปด้วยนั้น มองได้สามประการในระดับพื้นและระดับลึก
ประการแรก จังหวัดเชียงใหม่นอกจากจะเป็นบ้านเกิดของ“รวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ” ภรรยาของ“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้นำจิตวิญญาและนายทุนพรรคประชาชนแล้ว ในฐานะที่ธนาธรเป็นเขยของจังหวัดนี้ ก็คงไม่ต่างจาก“ทักษิณ ชินวัตร”ที่เป็นคนจังหวัดนี้โดยกำเนิด ก็ย่อมต้องวนเวียน“ไป-มา”อยู่เป็นประจำ และเมื่อถึงเทศกาลงานสงกรานต์ก็เหมือนกลับไปรวมญาติพี่น้องวงศ์วานว่านเครือในตระกูล พร้อมทั้งชักชวนเพื่อนฝูงและบริษัทบริวารไปเฉลิมฉลองด้วย
ประการถัดมา ช่วงนี้เป็นช่วงหาเสียงการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ และนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ที่จะมีการหย่อนบัตรในวันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคมเดือนหน้า พรรคประชาชนได้ส่งนายธีรวุฒิ แก้วฟอง ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรี ซึ่งเท่ากับว่าใช้โอกาสนี้มาลงพื้นที่หาเสียงช่วยลูกพรรค และเป็นการ“เช็คเรตติ้ง”เพื่อรักษาฐานที่มั่นไว้ด้วย หลังจากที่พลาดหวังการเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครของพรรคประชาชน ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ“สว.ก๊อง”ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย และนอกจากนี้ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ พรรคประชาชนยังได้นายก อบจ.ลำพูน เพียงจังหวัดเดียวเท่านั้น จึงเห็นภาพข่าวบรรดาแกนนำของพรรคการเมืองนี้ปรากฏทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ และลำพูนในช่วงสงกรานต์คู่ขนานกันไป
ประการที่สาม แม้ข่าวสารในเชิงลึกจะยังไม่ถูกขุดคุ้ยและตีแผ่ออกมา ความเป็นไปได้ก็มีอยู่สูง ที่จะเกิด“ดีลลับเชียงใหม่” เหมือน“ดีลลับฮ่องกง” ระหว่างเจ้าของสองพรรคการเมือง คือ“ทักษิณ ชินวัตร” กับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็น“ดีลลับ”ท่ามกลาง“สงครามกาสิโน” ที่พรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย กำลัง“ซ่อนดาบในรอยยิ้ม”กันอยู่ในเวลานี้
เพราะการเมืองของเมืองไทยนั้น “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร” หากพลาดท่าเสียที คนอย่าง“ทักษิณ ชินวัตร”ก็สามารถถีบหัวพรรคภูมิใจไทยออกจากการพรรคร่วมรัฐบาลได้เมื่อนั้น
แล้วดึงพรรคประชนเข้าไปเสียบแทน !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

กลุ่มสื่อ Chiangrai Watch ชวนผู้สมัคร ส.ส. ตอบ 5 วาระหลัก ผ่าวิกฤตเชียงรายสู่ความยั่งยืน
หมอวรงค์ ลากไส้ ฮุน เซน ทำไมดูเร่งรีบให้ประชุมเจบีซี
กรมการแพทย์ชวนคนไทย หันมากินสุก ตัดวงจรพยาธิขึ้นตา ถนอมการมองเห็น
ผู้สมัคร สส กทม เสรีรวมไทย ร้อง กกต. ค้าน เท่าพิภพ
ด่วน! หิ้วแม่บ้านเดทตอล นอนคุก หลังวืดประกันเหตุหาเงินไม่ทัน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี