ประเทศไทยยามนี้..คลับคล้ายตอนกรุงศรีอยุธยาจะแตกครั้งสุดท้ายในปี 2310..ก่อนจะมาเป็นกรุงธนบุรี..และกรุงรัตนโกสินทร์ในวันนี้..นั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อ 258 ปีมาแล้ว..ที่เราเสียกรุงให้แก่พม่า
แต่ในวันนี้เรามี“ศึกเขมร”มาประชิดที่ชายแดน“ไทย-กัมพูชา”ตลอดแนว..อันเนื่องมาจากเขมรซึ่งเปรียบเหมือน“งูเห่า”..ที่เลี้ยงไม่เชื่องและคบไม่ได้..ต้องการจะยึดดินแดนไทย
โดยฝ่ายเขมรที่มีสองพ่อลูก“ตระกูลฮุน”..คือ“ฮุน เซน”..และ“ฮุน มาเนต”หมายมั่นปั้นมือจะยึด..ปราสาทตาเมือนธม..ปราสาทตาเมือนโต๊ด..และปราสาทตาควาย ที่จังหวัดสุรินทร์..และอีก 1 พื้นที่บริเวณมอมเบย (สามเหลี่ยมมรกต) จังหวัดอุบลราชธานี..ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุปะทะเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมปลายเดือนที่แล้ว..จนกลายเป็นข้อพิพาทลุกลามขยายผลมาถึงวันนี้
และเมื่อวานนี้วันที่ 15 มิถุนายน..ฝ่ายเขมรโดย“ฮุน มาเนต”..นายกรัฐมนตรีกัมพูชา..ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Samdech Thipadei Hun Manet, Prime Minister of Cambodia” แจ้งว่า..รัฐบาลกัมพูชาได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก..เพื่อขอให้พิจารณาข้อพิพาทเขตแดนบริเวณทั้ง 4 จุดตามที่กล่าวนั้นเรียบร้อยแล้ว
เนื้อหารายละเอียดในโพสต์ของ“ฮุน มาเนต”..ที่เพิ่งจะกลับมาจากฝรั่งเศสในวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา..หลังไปตระเวนเดินสายล็อบบี้ฝรั่งชาติยุโรปและนานาประเทศ..เกี่ยวกับข้อพิพาท“ไทย-เขมร”..โดยได้พบกับประธานาธิบดี“มาครง”แห่งฝรั่งเศส..และ“อันโตนิโอ กูเตอร์เรส” เลขาธิการยูเอ็น-ระบุว่า
“บังเอิญพอดีว่า..วันที่ 15 มิถุนายน 1962 (พ.ศ.2505)..ซึ่งผ่านมาแล้ว 63 ปี..เป็นวันที่ศาลโลกมีคำพิพากษาให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะในคดีปราสาทพระวิหาร..แม้เหตุการณ์ทั้งสองจะห่างกัน 63 ปี..แต่จุดมุ่งหมายยังคงเหมือนเดิม..คือ..การเลือกใช้กลไกกฎหมายระหว่างประเทศ..และการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีผ่านศาลโลก”
นายกรัฐมนตรีเขมรที่สืบทอดอำนาจผูกขาดต่อจาก“ฮุน เซน”ผู้เป็นบิดา..ยังกล่าวจากการโพสต์เฟซบุ๊กครั้งนี้ด้วยว่า..“กรณีข้อพิพาทในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม..ตาเมือนโต๊ด..ตาควาย..และมอมเบย..เป็นเขตที่ซับซ้อน..เสี่ยงต่อการปะทะทางทหาร..และกลไกทวิภาคีไม่สามารถคลี่คลายได้..เช่นเดียวกับคดีปราสาทพระวิหารในอดีต..กัมพูชาแสวงหาเพียง‘ความยุติธรรม ความเป็นธรรม และความชัดเจน’..ในการปักปันเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน..เพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังต้องประสบปัญหาเดียวกัน”
เขมรไปไกลถึงขนาดนั้นแล้ว..ฝ่ายไทยโดยผู้นำที่ไร้สติปัญญาและอ่อนด้อยความรู้ความสามารถในทุกเรื่อง..ที่ชื่อ“แพทองธาร ชินวัตร”..ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ของ“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นบิดา..ก็ยังย่ำอยู่กับที่..ทำให้ฝ่ายไทยต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับเขมรมาตลอด..แม้แต่เรื่องการประชุม JBC (คณะกรรมการเขตแดนร่วม)..ระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายนที่ผ่านมา..ใครๆ..ก็รู้ว่าแก้ปัญหาเรื่องข้อพิพาท“ไทย-เขมร”ไม่ได้..แต่ก็ยังเพ้อเจ้อว่าจะคุยกับ“เพื่อนบ้าน”ได้อย่างมิตร..ในขณะที่เขมร“ตีแสกหน้า”วิ่งไปฟ้องศาลโลกเรียบร้อยแล้ว
แม้แต่เรื่องแรงงานเขมร..ไทยก็ยังช้ากว่าเขมรหลายก้าว..และก็เหมือนจะเกรงใจเขมร..จากการโพสต์ข้อความผ่านโลกโซเชียลเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนเมื่อวานนี้ ของ“แพทองโพย”..ว่า“รัฐบาลไทยไม่เคยมีแนวคิดผลักดันแรงงานต่างด้าวประเทศใดออกนอกราชอาณาจักร..แต่หากมีประเทศที่ออกมาตรการเรียกแรงงานกลับบ้าน..และมีงานรองรับ..ถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่แรงงานแต่ละประเทศจะตัดสินใจ..และอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐบาลประเทศนั้น”
โพสต์นี้ของ“แพทองโพย”..เหมือนเป็นการสนองรับโพสต์ของ“ฮุน เซน”และ“ฮุน มาเนต”..ที่ทำ“สงครามข่าว”ผ่านโลกโซเชียลมาอย่างต่อเนื่อง..เกี่ยวกับแรงงานเขมรที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย..แทนที่จะต่อสายคุยกันตามที่อ้างว่า..ติดต่อสื่อสารกันตลอด ทั้งพ่อและลูกของสองตระกูลไทยและเขมร..เพื่อเป็นการเคลียร์ความเข้าใจผิดของเขมรให้เกิดความเข้าใจตรงกันกับไทย
ดังที่“ฮุน เซน”โพสต์เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน..จากการรายงานของเว็บไซต์ข่าว “The Phnom Pehn Post”..ระบุว่า..“ฮุน เซน”ได้เรียกร้องให้แรงงานชาวเขมรที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเดินทางกลับประเทศ
“ฮุน เซน”โพสต์ว่า..“ผมขอเรียกร้องให้พี่น้องของผมกลับประเทศ..ก่อนที่ทางการไทยจะเนรเทศคุณ..และทำให้คุณอับอายขายหน้า..ผมพูดแบบนี้เพราะผมเข้าใจดีว่า..ข้อพิพาทชายแดนกัมพูชา-ไทย..จะลากยาวไปอีกนาน..โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกัมพูชายื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)..เมื่อถึงเวลานั้น..กลุ่มหัวรุนแรงไทย..และกลุ่มทหารไทยบางกลุ่มจะหาวิธีทำร้ายพี่น้องของเรา”
ส่วน“ฮุน มาเนต”ก็โพสต์สอดประสานกับผู้เป็นบิดาว่า..“ในกรณีที่มีการส่งตัวแรงงานกัมพูชากลับประเทศเป็นจำนวนมากจากประเทศไทย..ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม.. รัฐบาลได้เตรียมมาตรการที่จำเป็นทั้งหมด..เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว”
มาตรการเตรียมพร้อมขอ“ฮุน มาเนต” ก็คือ ให้กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพ..กับกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง..ของเขมร..ประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ..เพื่อจัดแพ็คเกจช่วยเหลือทางสังคมและเศรษฐกิจ..แก่แรงงานเขมร 7 หมื่นคนที่จะกลับไปเขมร..ตลอดจนให้สมาคมธนาคารกัมพูชา..และสมาคมไมโครไฟแนนซ์กัมพูชา..หาวิธีบรรเทาภาระทางการเงินของแรงงาน..ที่อาจมีหนี้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินไมโครไฟแนนซ์..เป็นต้น
อีกหนึ่งข้อความที่“ฮุน มาเนต”ปลุกใจคนเขมร..ซึ่งถ้าเป็นประเภทพวกมือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ..อย่างอาจารย์มหาวิทยาลัย“สามกีบ”ในบ้านเรา..ก็ต้องบอกว่า“ปลุกความคลั่งชาติเขมร”..โดย“ฮุน มาเนต”โพสต์ผ่านโลกโซเชียลเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา..และเป็นวันเดียวกับที่มีการประชุม ฃ“JBC”วันแรในกรุงพนมเปญ..ว่า
“เมื่อประเทศชาติและประชาชนของเราเผชิญกับความยากลำบาก..จิตวิญญาณแห่งความสามัคคี..และการสนับสนุนซึ่งกันและกันของชาติ..เป็นจุดแข็งของชาวกัมพูชาเสมอมา”
หันกลับมาดูประเทศไทย..ในเวลาเดียวกันกับที่เขมรเตรียมพร้อมเปิดสงครามกับไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ในทุกด้าน..มีการชิงปิดด่านชายแดนไทยอย่างมีชั้นเชิงในเรื่องการได้เปรียบทางเศรษฐกิจและการค้า,..ชิงตัดไฟฟ้าตัดเน็ต,..ชิงไปฟ้องศาลโลกก่อนการประชุม JBC จะสิ้นสุด,..วางกำลังทหารอย่างแน่นหนาตลอดแนวชายแดน“ไทย-เขมร”.. และหันปากกระบอกปืนใหญ่มีระยะยิงเข้ามาในเขตแดนไทยอย่างประชิด..ก็ปรากฏว่าฝ่ายไทยเหมือนกรุงศรีอยุธยาก่อนจะแตก
นอกจากจะมี“ไส้ศึก”เทใจให้เขมรแล้ว..รัฐบาลก็ยังกัดกันอย่างกับ“สุนัข”แย่งชามข้าว.. ทั้งภายในของแต่ละพรรค..และระหว่างพรรคที่มาเข้าร่วมเป็นรัฐบาลผสม..ในการแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรี..และกระทรวงเกรดเอ..ที่มีทั้งวงเงินงบประมาณสูงอันจะเป็นช่องทางในการหาผลประโยชน์จากการคอร์รัปชัน..และเป็นกระทรวงที่ใกล้ชิดกับชาวบ้าน..อย่างกระทรวงมหาดไทย..ที่พรรคเพื่อไทยจะแย่งจากพรรคภูมิใจไทย
เห็นแล้วก็ได้แต่สะท้อนใจ..แม้กองทัพไทยจะแข็งแกร่งและเป็นที่อบอุ่นใจของประชาชนคนไทย..แต่เมื่อรัฐบาลเป็นอย่างนี้..รบกับเขมรร้อยครั้งก็แพ้เขมรทั้งร้อยครั้ง
ถ้าเป็นสมัยกรุงศรีอยุธยา..ก็คงต้องบั่นหัว“ไส้ศึก”ในบ้านเรา..แล้วเสียบไว้ตรงชายแดนให้“สองพ่อลูก”ฝั่งเขมรเห็น !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี