คนที่ติดตามพฤติกรรมการเมืองของทักษิณ ชินวัตร อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ต่างไม่ปฏิเสธว่าทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ผู้ที่แปรสภาพเป็นนักโทษคดีอาญายังต้องการมีอำนาจรัฐ และต้องการจะใช้อำนาจรัฐเพื่อแสวงหาความร่ำรวยมั่งคั่งของตนเอง
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องผิดที่ทักษิณจะอยากกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ประเด็นปัญหามันอยู่ที่เขาใช้กลอุบายการเมืองแบบพิสดาร และผิดหลักการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย เพราะหากเขาต้องการกลับมามีอำนาจรัฐจริง เขาต้องดำเนินการเข้าสู่อำนาจด้วยหลักเกณฑ์ประชาธิปไตยอย่างเคร่งครัด แต่ในความเป็นจริง ทักษิณไม่ได้ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย แต่เขาจะอ้างเพียงว่า เขามาจากการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งที่เขาอ้างไม่บริสุทธิ์ ไม่ยุติธรรม และไม่ได้อยู่บนหลักประชาธิปไตยโดยแท้จริง
คนที่ติดตามการเมืองไทยมาโดยตลอดย่อมรู้ดีว่าการเลือกตั้งในไทยคือการกระทำตามรูปแบบ ถือเป็นกรรมพิธีลวงโลก เพราะจริงๆ แล้วการเลือกตั้งในไทยเต็มไปด้วยความไม่สุจริต เพราะมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงอย่างโจ๋งครึ่ม และไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เพราะคนทำทุจริตไม่เชื่อว่าเขาจะถูกลงโทษอย่างจริงจัง เขาจึงทำอย่างไรก็ได้ให้ชนะเลือกตั้งเพราะเมื่อชนะแล้วเขาสามารถใช้อำนาจรัฐบิดเบือนทุกอย่างให้เขาได้ประโยชน์ส่วนตัว
ทุกวันนี้ สาธารณชนจะเห็นว่าทักษิณเปิดตัวชัดยิ่งกว่าเดิม โดยเปิดตัวว่าเขาคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง
ส่วนแพทองธารเป็นเพียงนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด ทักษิณสามารถบงการให้แพทองธาร และรัฐมนตรีสังกัดพรรคเพื่อไทยในรัฐบาลแพทองธารต้องดำเนินตามสิ่งที่ทักษิณบัญชา
ทุกครั้งที่ทักษิณขึ้นเวทีปราศรัยตามโอกาสต่างๆ เขาจะแสดงตัวชัดเจนว่าเขาคือผู้สั่งการให้รัฐบาลกระทำในสิ่งต่างๆ ที่เขาต้องการ และเขายังแสดงออกชัดเจนด้วยว่าเขาคือผู้ที่สามารถล้วงลูกในกิจการต่างๆ ที่รัฐบาลเป็นผู้ใช้อำนาจ เช่น เขาบอกว่าเขาสามารถสั่งการให้กระทรวงต่างๆ ทำในสิ่งที่เขาออกคำสั่ง แม้กระทั่งเรื่องราวระหว่างประเทศ ทักษิณก็ยังแสดงตัวว่าเขาสั่งการได้
ถามว่าทำไมแพทองธารยอมให้ทักษิณสั่งการตอบว่าเพราะแพทองธารไม่มีสติปัญญา และไม่มีความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้น แพทองธารจึงต้องยอมให้ทักษิณลากไปตามความต้องการของทักษิณ
แน่นอนว่าแพทองธารเป็นลูกสาวทักษิณ แต่แพทองธารต้องไม่ลืมว่าตนเองมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้น หากรู้ตัวดีว่าไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ แพทองธารก็ต้องลาออกไป แต่การที่แพทองธารทำตัวเป็นหุ่นเชิดของทักษิณ มันคือการสมยอมระหว่างพ่อกับลูกเพื่อใช้อำนาจรัฐแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง
ทักษิณยังคงคิดและเชื่อว่าตนเองคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง แล้วก็ยังคงท้าทายกฎหมายบ้านเมืองตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ทักษิณถูกตัดสิทธิ์การเมือง แต่เขาก็อ้างว่าเขาเป็นผู้ช่วยหาเสียงการเมือง แต่ในความเป็นจริงเขาคือผู้บงการการเมือง
เมืองไทยต้องตกอยู่ในสภาพมีนายกรัฐมนตรีโดยกฎหมาย แต่เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ แต่มีทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง แต่เป็นที่ผิดกฎหมาย แต่ทว่ากฎหมายไทยไม่สามารถเอาผิดกับทักษิณได้ ดังนั้น ทักษิณจึงแสดงบทบาทนายกรัฐมนตรีโดยไม่คำนึงถึงความถูกผิดทางกฎหมาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี