เมืองไทยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) มาแล้วหลายสิบครั้ง โดยเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2476 จนมาถึงการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อประมาณกลางปี 2566
ถามจริงๆ ถามตรงๆ ว่าเลือกตั้ง สส. มาแล้ว 27 ครั้ง ประเทศไทยมีพัฒนาการประชาธิปไตยอย่างแท้จริงบ้างหรือไม่ แล้วหากจะดูให้ลึกก็ต้องตอบให้ได้ว่าผลการเลือกตั้งแต่ละครั้งนั้นมันทำให้ประเทศไทยได้ สส. ที่มีความรู้ ความสามารถ ได้คนดี ซื่อสัตย์ มีคุณภาพ มีคุณธรรม แท้จริงหรือไม่
หากการเลือกตั้ง สส. ทำให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง และแข็งแกร่งมากขึ้นโดยแท้จริงแล้ว ทำไมการเมืองไทยในวันนี้จึงเลวร้ายเสื่อมทรุดจนไม่มีความหวังใดๆหลงเหลืออีกต่อไป
หากการเลือกตั้งบ่อยๆ และมากๆ ครั้ง ส่งผลให้ความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยเข้มแข็งอย่างแท้จริง ถามว่าทำไมจึงยังมี สส. จำพวกเปรตอสุรกายมากมายจนเกือบล้นสภาทำไมยังมีคนโง่บัดซบ ไร้ความสามารถ ไร้ความละอายไร้ศีลธรรม ไร้คุณธรรม ไร้สติ สิ้นปัญญาเข้าไปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีได้
การที่พรรคเพื่อไทยหมดทางเดินบนกระดานการเมือง แล้วต้องยอมประกาศแบบแพ้หมดรูปว่า ถ้าหากเลือก ชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะประกาศยุบสภาโดยทันที
ขอบอกตรงๆ ว่าเป็นคำโกหกที่แสนน่าทุเรศน่าขยะแขยงอย่างที่สุด แล้วนี่มันถึงขนาดต้องโกหกด้วยคำที่ไร้เหตุผลถึงเพียงนี้แล้วหรือมันตั้งใจโกหกเพราะต้องการเป็นแกนนำรัฐบาล แล้วได้เป็นนายกรัฐมนตรี มันโกหกเพียงเพื่อเรื่องเท่านี้เองหรือ
ก็ในเมื่อเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลผสมมาเกือบ 2 ปีเต็ม แล้วทำไมในช่วงที่เพื่อไทยมีอำนาจรัฐเต็มมือ มีผลประโยชน์มหาศาลเต็มปากเต็มกระเพาะ เหตุใดในช่วงนั้นจึงไม่ประกาศยุบสภา เหตุที่ไม่ประกาศยุบสภาในช่วงที่ตนเองมีอำนาจรัฐ และมีผลประโยชน์ล้นกระเพาะ เพราะว่าไม่ต้องการสูญเสียอำนาจรัฐ ไม่ต้องการสูญเสียผลประโยชน์มหาศาล ใช่หรือไม่
ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปดูความจริงว่า พรรคการเมืองไทยทุกวันนี้มีพรรคอะไรบ้าง แล้วแต่ละพรรคมีสมาชิกหน้าตาเป็นอย่างไร เจ้าของพรรคการเมืองมีสันดาน หรือพฤติกรรมทั้งส่วนตัวและด้านการเมืองเป็นอย่างไร มีพรรคการเมืองไหนบ้างที่ตั้งขึ้นมาด้วยความจงใจให้พรรคเป็นสมบัติส่วนตัวเจ้าของพรรค พรรคไหนที่เป็นพรรคผัวพรรคเมีย พรรคไหนเป็นพรรคขี้ข้าขี้ครอก แล้วมีพรรคการเมืองไหนบ้างที่มีเจตจำนงการเมืองที่ชัดเจนว่าต้องการทำพรรคเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมโดยแท้จริง
เมื่อสอบถามความเห็นจากคนไทยส่วนใหญ่จะได้รับคำตอบว่า อาชีพนักการเมืองได้รับความน่าเชื่อถือต่ำมากเป็นลำดับต้นๆ จากคนไทย แถมยังมีผู้ตอบว่าไม่เคยเชื่อถือนักการเมืองเลยและยังมีคำตอบอีกว่า อาชีพที่จะเลือกทำเป็นสิ่งท้ายๆ คือนักการเมือง ทั้งหมดนี้หมายความได้ว่านักการเมืองเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่ารังเกียจในสายตาและการรับรู้ของประชาชน
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังคงมีผู้คนไม่น้อยเรียกร้องให้เลือก สส. ต่อไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าเลวทรามต่ำช้าจำนวนหนึ่งซึ่งมีจำนวนมากเสียด้วย ใช้การสมัครชิงตำแหน่ง สส. เป็นผงฟอกขาวให้ตนเอง แต่ที่บัดซบยิ่งกว่าคือมีคนไทยจำนวนไม่น้อยยอมขายเสียงแลกกับการลงคะแนนเลือกมาเฟียเข้าไปเป็น สส.
แม้จะรู้ว่าการเลือก สส. ทุกครั้งเต็มไปด้วยเหตุทุจริตต่างๆ นานา แต่ถึงกระนั้นคนในสังคมไทยก็ยังหลับหูหลับตาเรียกร้องให้เลือก สส. ต่อไป โดยไม่เคยมีความคิดและการกระทำที่แท้จริงที่จะปราบปรามการทุจริตเลือกตั้ง แล้วก็ไม่เคยมีความคิดห้ามปรามคนเลวทรามต่ำช้าเข้าไปใช้การเลือก สส. เป็นผงฟอกขาวให้ตนเอง
ขอย้ำว่าผู้เขียนไม่เคยปฏิเสธหรือต่อต้านการเลือก สส. ที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์ แต่ขอยืนยันว่ารังเกียจการเลือกตั้ง สส. ในเมืองไทยมากจนเกินบรรยาย เพราะเห็นมาโดยตลอดว่าการเลือกตั้ง สส. ในเมืองไทยเต็มไปด้วยการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และทุจริตสารพัดรูปแบบ แถมยังปล่อยให้คนเลวสารพัดชนิดหลุดเข้าไปเป็น สส. ได้อีก
เฉลิมชัย ยอดมาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี