การประท้วงเผาเมืองในประเทศเนปาล ต่อต้านการทุจริตในรัฐบาล มีผู้เสียชีวิตร่วมร้อยคน เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สงบลงแล้ว นางสุชีลา คาร์กี อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำหญิงคนแรกของเนปาล ประกาศยุบสภาหลังได้นายกรัฐมนตรีรักษาการ เตรียมจัดการเลือกตั้งทั่วไป 5 มีนาคมปีหน้า
สุชีลา คาร์กี อดีตประธานศาลฎีกาของเนปาล กลายเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเนปาล หลังเข้าพิธีปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งรักษาการผู้นำเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น (12 ก.ย.) หลังจากเกิดการประท้วงต่อต้านการทุจริตอย่างรุนแรง จนทำให้นายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มาโอลี ต้องลาออก
สำนักงานประธานาธิบดี รามจันทราเปาเดล ได้ประกาศแต่งตั้งคาร์กีอย่างเป็นทางการ หลังการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีเปาเดล, อาโชก ราช สิคเดล ผู้บัญชาการกองทัพ และตัวแทนกลุ่มผู้ประท้วงที่เป็นวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ ซึ่งออกมารวมตัวประท้วงรุนแรงนองเลือดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเนปาลเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานระบุด้วยว่า คาร์กีเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของกลุ่มผู้ประท้วง ที่ได้ร่วมลงคะแนนเสียงเลือกเธอผ่านแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์อย่างดิสคอร์ด (Discord) ทำให้สื่อหลายสำนักรายงานด้วยว่าเธอถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ได้รับเลือกจากการลงคะแนนผ่านสื่อสังคมออนไลน์
คาดว่า สุชีลาคาร์กี แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี รักษาการเข้าทำหน้าที่ในรัฐบาลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งหลังจากนั้น รัฐบาลรักษาการเนปาลมีภาระหน้าที่ใหญ่หลวงประกาศ ทั้งฟื้นคืนความสงบและกฎหมายบ้านเมือง ฟื้นฟูความเสียหายหลังจากผู้ประท้วงวางเพลิงเผาอาคารที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง ทั้งอาคารรัฐสภาและศาลฎีกา จัดเตรียมการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในปีหน้า และให้คำมั่นกับผู้ประท้วงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองไปในทางที่ดีขึ้นอย่างที่พวกเขาเรียกร้อง
สำหรับ สุชีลา คาร์กี วัย 74 ปี ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เคยดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาของเนปาล ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ประท้วง โดยพวกเขาชื่นชมเธอในเรื่อง ความซื่อสัตย์สุจริต ความยึดมั่นในหลักนิติธรรม และท่าทีต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นมาโดยตลอด
การประท้วงนำโดยขบวนการ Gen Zซึ่งตั้งชื่อตามกลุ่มผู้สนับสนุนส่วนใหญ่ที่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ เริ่มต้นขึ้นหลังรัฐบาลประกาศแบนสื่อสังคมออนไลน์จำนวน 26 แพลตฟอร์ม ซึ่งต่อมาถูกยกเลิก แต่ความรุนแรงก็ยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีโอลีตัดสินใจลาออก
เรื่องราวบทเรียนจากเนปาลนี้ คอการเมืองคาดว่าอีกไม่ช้าไม่นานคงเกิดขึ้นกับกัมพูชาประเทศเพื่อนบ้านของไทย ที่ผู้นำและเครือญาติกินหรูอยู่สบาย ขณะที่ประชาชนต้องอดอยากปากแห้ง ขาดรายได้ไร้งานทำ ใครที่ยังคิดจะเปิดด่านเพื่อช่วยเหลือกัมพูชาให้แข็งแกร่งแล้วมาทำร้ายคนไทยในขณะนี้จงคิดให้หนักแม้ Gen Z ในไทยไม่ค่อยมีพลังเพราะเน้นไปทางงานบันเทิง แต่ผู้เฒ่าผู้แก่ พร้อมที่จะลุกขึ้นสู้กับคนที่คิดจะขายชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี