จากข่าวเมื่อวันก่อน “ฮุนเซน”ทรราชแห่งเขมร ประกาศกร้าว เหมือนจะตีเกราะเคาะกะลาหลอกประชาชนชาวกัมพูชา ที่จมอยู่ใต้ฝ่าเท้าของ“ตระกูลฮุน”ให้หลงเชื่อว่า ถึงไทยจะปิดด่านพรมแดนไทย-กัมพูชา ยาวนานถึง 100 ปี กัมพูชาก็ไม่ล่มสลาย
“ฮุน เซน”เพื่อนรักเพื่อนเกลอของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ผู้ใช้กระบวนท่า“จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์” จากการปล่อย“คลิปอัปยศ”พิฆาต“แพทองธาร ชินวัตร”บุตรสาวเพื่อนรัก จนกระเด็นตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Samdech Hun Sen of Cambodia” เมื่อวันที่ 23กันยายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา และเรื่องการเปิดด่านว่า
“ความจริงแล้ว ผมไม่อยากออกมาพูดอะไรเกี่ยวกับข้อพิพาทกัมพูชา–ไทย ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการหารือภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง ที่มุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้มีการสูญเสียชีวิตของทหารและประชาชนพลเรือน รวมถึงเพื่อไม่ให้ทรัพย์สินทั้งของรัฐและเอกชน ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานถูกทำลาย หากเกิดสงครามปะทุขึ้นมาอีกครั้ง”
บรรทัดนี้ต้องถอดความของ“ฮุนเซน” ซึ่งเปรียบเสมือนอสรพิษที่เลี้ยงไม่เชื่อง ตรงย่อหน้าแรกนี้ก่อน เพราะสิ่งที่ผู้ทรงอำนาจตัวจริงของกัมพูชาผู้นี้ ที่นอกจากจะเป็นผู้ชักใยนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา คือ“ฮุนมาเนต”ผู้เป็นบุตรชายแล้ว ก็ยังมีตำแหน่งเป็นประธานองคมนตรี และประธานประธานวุฒิสภาอีกด้วยนั้น เป็นเรื่อโกหกพกลมทั้งสิ้น
เพราะแม้ว่าจะมีการเจรจาหยุดยิงกันไปแล้ว กัมพูชาก็ยังละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ที่ประเทศมาเลเซีย จากการลงนามร่วมกันของ“ฮุนมาเนต”และนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย เรียกว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงแทบไม่เว้นวัน
ล่าสุด ระหว่างที่การยั่วยุของฝั่งกัมพูชาจากการปลุกระดมชาวบ้านออกมากดดันทหารไทย เพื่อให้ใช้ความรุนแรงตอบโต้ ที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้วอำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว เพื่อสร้างหลักฐานเท็จไปฟ้องประชาคมโลก ยังคงดำเนินอยู่นั้น เมื่อวันที่ 23กันยายนที่ผ่านมา ทหารกัมพูชาก็ได้ยิงปืนเล็กยั่วยุเข้ามายังแนวลวดหนามป้องกันตนเองของฝ่ายไทย ในพื้นที่“ภูผี” อำเภอกันทรลักษ์จังหวัดศรีสะเกษ แต่ทางฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าทำปืนลั่น
การเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาดังกล่าวนี้ นอกจากจะละเมิดข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ก็ยังเหมือนจะเป็นสัญญาณว่า กัมพูชากำลังจะเปิดศึกรุกรานไทยรอบใหม่ในเร็วๆวันนี้ คล้ายกับครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2568 ก่อนจะมีการเจรจาหยุดยิงในวันที่ 28 กรกฎาคมที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งประเมินกันว่า ฝ่ายกัมพูชาน่าจะสูญเสียชีวิตทหารไป 2-4 พันนาย
การยิงปืนเล็กเข้ามา ก็คือยุทธวิธีการค้นหาที่ตั้ง หรือที่วางกำลังของฝ่ายไทย เพื่อให้ไทยยิงตอบโต้ ทางฝ่ายกัมพูชาจะได้รู้พิกัดการวางกำลังของไทยว่าอยู่จุดไหน เมื่อเวลาเปิดศึกรุกรานไทยก็สามารถใช้ปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้อง“BM-21” ถล่มเป้าหมายได้ทันที
ทั้งนี้ทั้งนั้น การเปิดศึกรอบใหม่ของกัมพูชา ตามที่หลายๆฝ่ายคาดการณ์กันนั้น เหตุผลก็เพราะ “ฮุนเซน”คงประเมินแล้วว่า รัฐบาลใหม่ภายใต้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ“อนุทินชาญวีรกูล” ไม่ใช่“ลูกไก่ในกำมือ”เหมือนรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี“แพทองธารหลานอังเคิล”เป็นผู้นำ โดยเฉพาะท่าทีของนายอนุทิน ที่ประกาศจะไม่เปิดด่าน และจะเดินหน้ายุทธศาสตร์เชิงรุกกดดันกัมพูชา ทั้งด้านเศรษฐกิจ และด้านการทหาร
พูดง่ายๆ ถ้าแปลความแล้วก็คือ ทางด้านเศรษฐกิจนั้น ทุกวันนี้กัมพูชาต้องพึ่งพาไทยแบบตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน ทั้งอาหารกิน พืชผักผลไม้ ตลอดจนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือแม้แต่ละครทีวีของไทย คนเขมรก็ติดกันงอมแงม ดังนั้น การปิดด่านก็เหมือนการ“ปิดประตูตีแมว”ของไทย
ส่วนทางทหารนั้น จากการปฏิบัติการ“ยุทธบดินทร์” 5วันในสงครามกัมพูชารุกรานไทย ตั้งแต่วันที่ 24-28กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ได้พิสูจน์ให้เห็แล้วว่า แสนยานุภาพของกองทัพไทยเหนือกว่ากัมพูชาหลายร้อยพันเท่า
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เรื่องการเปิดด่านที่“ฮุนเซน”โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก และเวลานี้ต้องถือว่า“ฮุนเซน”มีอำนาจยิ่งใหญ่เหมือนกษัตริย์กัมพูชา ในฐานะผู้รักษาการประมุขแห่งรัฐ เนื่องจาก“กษัตริย์นโรดม สีหมุนี”แห่งกัมพูชา เสด็จฯไปกรุงปักกิ่งประเทศจีน เพื่อตรวจพระวรกายประจำปี ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น-“ฮุนเซน”บอกว่า
“นับตั้งแต่กองทัพไทยปิดพรมแดนโดยลำพัง ฝ่ายกัมพูชาไม่เคยขอให้ไทยเปิดอีกเลย กัมพูชาจะไม่ยอมลดตัวไปขอให้ไทยเปิดด่านชายแดนเด็ดขาด ต่อให้ไทยปิดต่อไปอีก 100 ปีก็ไม่ทำให้กัมพูชาล่มสลาย”
อีกทั้ง“ฮุนเซน”ยังได้พูดอย่างอหังการ แต่เป็นเรื่องเท็จตามสันดานกลิ้งกลอกต่อไปอีกว่า “ผมกลับอยากขอบคุณไทยด้วยซ้ำ เพราะการปิดพรมแดนฝ่ายเดียวนี้ ทำให้สินค้าไทยนำเข้าไม่ได้ กลายเป็นแรงผลักดันให้สินค้าที่ผลิตในกัมพูชาเติบโตอย่างมาก ประชาชนกัมพูชาที่รักชาติหันมาสนับสนุนและใช้สินค้าภายในประเทศ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว”
นอกจากนั้น “ฮุนเซน”ก็ยังโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อปกปิดสถานการณ์ที่เป็นจริงแก่ประชาชนกัมพูชา และโกหกต่อประชาคมโลกอีกด้วยว่า“ตลอดเวลากว่า 3เดือนที่ไม่มีการนำเข้าสินค้าไทย ตลาดในกัมพูชายังมีเสถียรภาพ สินค้าอุปโภคบริโภคมีเพียงพอ และเงินเฟ้อยังคงต่ำ ในภาพรวมระดับมหภาค การบริหารเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ”
และย่อหน้าสุดท้ายที่“ฮุนเซน”โพสต์ในเฟซบุ๊กแบบ“โกหกตัวพ่อ” จะเรียกว่าเป็นต้นฉบับของ“นางมาลีดอกไม้” หรือ พล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ก็ว่าได้ โดย“ฮุนเซน”ได้ประกาศเรียกร้องและปลุกขวัญประชาชนชาวกัมพูชาว่า
“ผมขอวิงวอนพี่น้องร่วมชาติให้อดทน และเปิดโอกาสให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไปด้วยวิธีสันติ เราไม่อาจใช้สงครามเพื่อยุติสงครามได้เลย”
ฟัง“ฮุนเซน”จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์”แล้ว คนไทยในโลกโซเชียลต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กองทัพไทยน่าจะส่ง“กริพเพน”และ“F-16” ไป“เสิร์ฟไข่”เป็นอาหารเช้ากลางวันเย็น ตรงจุดที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาให้เต็มคราบไปเลยก็น่าจะดี
จะได้อิ่มอร่อยแบบนอนตายตาหลับ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี