รัฐบาลชุดใหม่ล่าสุดของไทย เป็นรัฐบาลชุดที่ 65 เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่เท่าไร เพราะบางกระแสบอกว่าน่าจะแถลงนโยบายวันที่ 29 กันยายน แต่บางกระแสก็บอกว่าวันที่ 30 กันยายน แต่ไม่ว่าจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันใดก็ตาม ก็ต้องถือว่าไทยมีคณะรัฐมนตรีหรือรัฐบาลชุดใหม่ล่าสุดเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ยังไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มที่ตามหลักกฎหมาย จนกว่าจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ก็มีคำถามว่าแล้วหากวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แล้วเกิดปัญหาสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านไม่ยอมรับนโยบายของรัฐบาล จะเกิดปัญหาอะไรขึ้น
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ก่อนรัฐบาลจะทำหน้าที่บริหารประเทศได้ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายนั้น คณะรัฐมนตรีต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามข้อกำหนดในมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 โดยไม่มีการลงมติไว้วางใจ โดยการแถลงนโยบายจะมีการอภิปราย และการซักถาม รวมถึงการตอบข้อซักถามโดยสมาชิกรัฐสภา
ทั้งนี้การแถลงนโยบายถือเป็นกระบวนการหนึ่งของรัฐสภาที่เป็นเงื่อนไขสำคัญก่อนการเข้าบริหารประเทศโดยรัฐบาล โดยสมาชิกรัฐสภาทำหน้าที่ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินกำหนดให้คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงต่อรัฐสภาก่อน
การแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แบ่งเป็นสองกรณี คือมีการลงมติไว้วางใจ ซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ปี 2475 ปี 2492 และ ปี 2517 ซึ่งเคยปรากฏแล้วว่าการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในยุครัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เมื่อ 6 มีนาคม2518 ปรากฏว่าสมาชิกสภาผู้แทนฯ ลงมติไม่ไว้วางใจ
แต่ก็ยังมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยไม่มีการลงมติไว้วางใจ ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ปี 2511 และ 2521 รวมถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วย โดยการแถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้นคณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยคำแถลงต้องสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายของรัฐ และยุทธศาสตร์แห่งชาติ และจำเป็นต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายสาธารณะ โดยที่ประชุมไม่มีการลงมติไว้วางใจ แต่ต้องแถลงนโยบายภายใน 15 วันหลังจากเข้ารับหน้าที่
สำหรับแนวนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาจะมีประมาณนี้ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยนำโครงการคนละครึ่งกลับมาใช้ และสร้างรายได้ ลดรายจ่าย แก้ปัญหาหนี้สินประชาชน แก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชาโดยเร็ว ไม่มีเรื่องบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย สร้างความเชื่อมั่น มั่นใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้กลับเข้ามาเที่ยวไทยให้มากขึ้น แก้ปัญหาผลกระทบสงครามการค้า หากตลาดใหม่ให้สินค้าไทยลดผลกระทบจาก tariff ของสหรัฐฯ ดูแลป้องกันปัญหาอันเกิดจากภัยธรรมชาติ ปรับปรุงการบริหารงานภาครัฐ ปฏิรูปกฎหมายไทย พัฒนาเป็นรัฐบาลดิจิทัล เน้นการเข้าถึงการศึกษา และการสาธารณสุขให้ครอบคลุมทุกกลุ่มของประชาชน วางรากฐานมั่นคงให้กับ SMEs เป็นต้น
ก็ต้องมารอดูกันว่านโยบายต่างๆ ของรัฐบาลใหม่นี้จะสามารถกลายเป็นเรื่องจริงที่ทำได้สำเร็จกี่เรื่อง แต่เน้นว่าขอให้เร่งแก้ปัญหาสำคัญเร่งด่วนให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรกก่อนก็พอใจแล้วเพราะคนไทยที่มีปัญญาต่างรู้ดีว่าประเทศของเรามีปัญหามากมายที่หมักหมมมานาน หมักหมมมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนๆ หน้านี้ เพราะฉะนั้น ไม่มีใครเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะแก้ทุกปัญหาให้หมดสิ้นไปได้ภายในเวลาอันแสนจำกัด แต่ก็หวังเพียงว่าเลือกแก้ปัญหาสำคัญ จำเป็น เร่งด่วนให้ได้ก่อน เพียงแค่นี้คนไทยก็พอใจแล้ว และที่สำคัญหวังว่ารัฐบาลนี้จะไม่ทุจริตคอร์รัปชั่นโกงบ้านกินเมืองเหมือนกับรัฐบาลก่อนๆ หน้านี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี