การบ้านการเมืองของไทยในกรอบประชาธิปไตย ไม่ว่าอย่างไร เศรษฐกิจการตลาดแบบทุนนิยม ก็หลีกเลี่ยงเรื่องบทบาทของบรรดาครอบครัวผู้มีอันจะกิน และมีสถานะสูงในสังคมไม่ได้เพราะมันไม่ได้มีกฎเกณฑ์ห้ามปราม ไม่มีข้อจำกัดทางประเพณีวัฒนธรรม รวมทั้งสังคมยังเอื้อโอกาสให้กับผู้มีความพร้อมในเรื่องทุนทรัพย์และบุคลากรที่มีอุดมคติ อุดมการณ์ และมีความทะเยอทะยาน อยากมีอำนาจเป็นใหญ่เป็นโต ซึ่งก็ไม่ผิดแปลกจากความเป็นไปในประเทศต่างๆ ซึ่งที่ชัดเจนมากก็จะมีที่ประเทศญี่ปุ่น ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นต้น
ครอบครัวที่เข้าสู่สนามการเมือง เมื่อขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโตและมีความต่อเนื่อง ยั่งยืนในระดับหนึ่ง ก็จะถูกเรียกว่าเป็น ราชวงศ์การเมือง ตระกูลการเมือง (Political families) กลุ่มบ้านเล็กบ้านใหญ่ก็ได้ แต่ทั้งหมดนี้ได้บ่งบอกซึ่งการมีทุนทรัพย์ มีเครือข่ายของญาติมิตร เพื่อนฝูง ที่เวียนวนอยู่ในระบอบอุปถัมภ์ (Cronyism) หรือ Patron-client relationships หรือ Patronage Systems และทั้งหมดนี้ เมื่อใครสมัครใจเข้าสู่สนามการเมือง ก็มักจะอ้างว่ามาเพื่อช่วยชาติ เพื่อรับใช้ประชาชน หากแท้จริงแล้ว ต่างเป็นการเข้ามาเพื่อแสวงหาอำนาจ เพื่อขยายฐานอำนาจ และหาผลประโยชน์เข้าตัวเป็นหลัก ในขณะที่ประชาชนพลเมืองส่วนหนึ่งก็มักจะเคลิบเคลิ้มไปกับคำพูดที่สวยหวาน จนพาตัวเข้าไปเป็นแฟนคลับ ไปเป็นลูกสมุน เพื่อหาประโยชน์เช่นกัน
ราชวงศ์การเมืองของไทยมีบางส่วนที่สามารถก้าวขึ้นมาสู่ระดับชาติ ในขณะที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในระดับท้องถิ่นหรือจังหวัด เป็นบ้านใหญ่บ้านเล็กในพื้นที่นั้นๆ แล้วก็จะมีการโยงใยกับบรรดาราชวงศ์ระดับชาติ แต่โดยรวมทั้งหมดแล้วเป็นกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลอันน้อยนิด หรือน้อยจำนวน ท่ามกลางประชาชนพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ
ณ วันนี้ในระดับประเทศของไทยของเรา จัดได้ว่า คงเหลืออยู่แค่ 2 ตระกูลการเมือง นั่นคือตระกูลชินวัตร และตระกูลชิดชอบ ที่ความยิ่งใหญ่แพร่กระจายไปทั้งประเทศ มีเครือข่ายมิใช่แค่ญาติมิตรสหาย แต่รวมไปถึงเพื่อนร่วมรุ่นที่สถานศึกษาตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อนฝูงและผู้มีผลประโยชน์ร่วมในแวดวงธุรกิจ แวดวงข้าราชการทหาร ตำรวจ ไปจนถึงแวดวงรัฐวิสาหกิจ แถมยังเป็นเจ้าของสถาบันสื่อต่างๆ หรือไม่ก็เป็นผู้สปอนเซอร์รายใหญ่ ที่กระทบต่อความเป็นกลางของสื่อ หรือไม่ก็ทำให้สื่อส่วนหนึ่งเป็นกระบอกเสียง เป็นเครื่องมือกลไกทางการเมือง
ที่ผ่านมา สังคมไทยก็ได้เห็นตระกูลการเมืองระดับชาติที่ผุดโผล่ขึ้นมาแล้วก็จืดจางหายไป เช่น ตระกูลเทือกสุบรรณ ตระกูลศิลปอาชา ตระกูลเทียนทอง และตระกูลคุณปลื้ม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีการก่อตัวเสริมสร้างฐานและเครือข่าย โดยเฉพาะในระดับการเมืองท้องถิ่นกันอยู่ตลอดเวลา
ในปัจจุบันนี้จัดได้ว่าเป็นการแข่งขันระหว่างตระกูลชินวัตร ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้นำพา ส่วนตระกูลชิดชอบ ซึ่งเริ่มต้นจากนายชัย ชิดชอบ ผู้ล่วงลับไปแล้ว ก็สามารถถ่ายทอดอำนาจไปยังลูกชายคนโตได้ นั่นคือ นายเนวิน ชิดชอบ ทั้งสองตระกูลก็สามารถผลิตลูกหลานและญาติมิตรให้เป็นรัฐมนตรีได้หลายคน แต่ในภาพรวม ตระกูลชินวัตร อาจดูจะมีภาษีกว่าเพราะเครือญาติสามารถขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้ถึง 3 คน คือตัวนายทักษิณเอง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร พร้อมด้วยคู่เขยอีก 1 คน คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยทั้ง 2 ตระกูล ต่างก็เผชิญกับข้อกล่าวหาและคดีความต่างๆ ซึ่งเมื่อวัดกันแล้ว ทางตระกูลชินวัตรก็ดูจะหนักกว่าหน่อย เพราะถึงขนาดต้องเผชิญกับขบวนการขับไล่จากผู้ต่อต้านบนท้องถนนอยู่หลายครั้งหลายคราเป็นเวลายาวนาน
แต่การมีอำนาจทางการเมืองที่ได้รับมาผ่านกระบวนการประชาธิปไตยนั้น ก็สามารถที่จะใช้อำนาจที่อ้างว่า ได้รับมาอย่างถูกต้องชอบธรรมไปได้ในระยะหนึ่ง แต่เมื่อเหลิงจนคิดว่าจะใช้อำนาจเพื่อพวกพ้องของตนอย่างไรก็ได้ ไม่นานก็จะต้องเผชิญกับการคัดค้านต่างๆ และจะไม่สามารถรอดมือจากกระบวนการยุติธรรมได้ การใช้อำนาจแบบนี้นอกจากจะไม่ยั่งยืนแล้ว ยังนำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศ
ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าต่างฝ่ายจะมีสตินึกคิด กลับเนื้อกลับตัวได้มากน้อยแค่ไหน จะวางมือ หรือจะยังดันทุรังไปต่อจนไม่รอด โดยอย่าลืมว่าคำว่าสายเกินไปนั้นไม่มีอยู่จริง โลกนี้ไม่มีอะไรที่สายเกินไป หากสามารถยอมรับข้อจำกัด ยอมรับความเป็นจริง โอนอ่อนน้อมรับต่อข้อกฎหมาย และความถูกต้องชอบธรรม ทุกสิ่งก็ยังจะกระทำการเพื่อแก้ไขกันได้ ยิ่งหากจะเห็นแก่ประโยชน์ เห็นแก่บ้านเมือง ก็ย่อมจะได้สำนึกในบุญ-บาป ในคุณ-โทษ ได้ในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่
คนรุ่นหนุ่มรุ่นสาวพร้อมด้วยความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง กำลังทยอยเดินหน้าเข้าสู่สนามการเมือง สังคมไทยก็ถึงเวลาปรับเปลี่ยนมือกันได้แล้ว ฟ้าคงจะเปิด แล้วประเทศไทยจะฟันฝ่าอุปสรรคไปสู่อนาคตที่สดใส แจ่มใสได้ประชาชนพลเมืองไทยก็จะไม่น้อยหน้าไปกว่าชาวศรีลังกา ชาวเนปาล ชาวบังกลาเทศ ชาวอินโดนีเซีย และชาวติมอร์ตะวันออก และอยู่ในวิสัยที่จะขึ้นมาเทียบเคียงกับชาวไต้หวัน ชาวเกาหลีใต้ และชาวญี่ปุ่นได้ ที่ชีวิตเขามีคุณภาพ มีความเป็นเสรี รู้และปฏิบัติได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งในเรื่องสิทธิและหน้าที่
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี