เป็นอันว่าทั้ง 3 พรรคการเมืองขั้วใหญ่ คือ พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 256 ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียบร้อยแล้วถือว่าเป็นการเปิดประตูบานแรกสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งบังคับใช้มาแล้ว 8 ปี
ไทม์ไลน์ที่วางไว้ก็คือเมื่อยื่นร่างแล้วต้นเดือนตุลาคมจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 1 ถัดไปเดือนตุลาคมถึงธันวาคมเป็นการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ เดือนธันวาคมรัฐสภาจะพิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 จากนั้นเดือนมกราคม 2569 กำหนดวันประชามติพร้อมการเลือกตั้งสส.ทั่วไป และยุบสภาภายในสิ้นเดือนมกราคม 2569 ตามเงื่อนไข MOA
ประเด็นที่พูดถึงกันมากเวลานี้คือ ที่มาของ ส.ส.ร. ซึ่งแต่ละพรรคได้เสนอโมเดลแตกต่างกันพอสมควร ยังไม่รู้จะเคาะใช้สูตรร่างไหน รวมทั้งข้อจำกัดจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ห้ามให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง ดังนั้น ฝั่งพรรคการเมืองจึงต้องหาแนวทางการได้มาของส.ส.ร.ทางอ้อม เพื่อไม่ให้ไปตกม้าตายกลางคัน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบนี้ แม้จะรุดหน้าไปเร็ว แต่ในส่วนลึกของทุกฝ่ายแล้ว ก็วิตกกังวลกันอยู่ไม่น้อย เพราะบทเรียนที่ผ่านๆ มา ไม่ว่าแก้ไขรายมาตรา หรือรื้อทั้งฉบับ ไม่ใช่เรื่องที่จะรวบรัด หรือทำได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นที่อ่อนไหว หลายครั้งกลายเป็นปัญหาน้ำผึ้งหยดเดียว ลุกลามบานปลายเป็นวิกฤตใหญ่ทางการเมือง
โดยเฉพาะครั้งนี้ ที่มาของการแก้ไขไม่ใช่ความสุกงอมของประชาชน แต่มันเกิดจากการฉวยโอกาสจับยัดลงใน MOA ตามเงื่อนไขแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างพรรคการเมืองอย่างเป็นด้านหลัก โดยทิ้งคำถามให้สังคมต้องขบคิดต่อไปว่า จริงๆ แล้วถึงเวลาที่จะต้องแก้หรือยัง ถ้าแก้แล้วจะช่วยให้ชีวิตปากท้องคนไทยดีขึ้นอย่างไร หรือมันจะยิ่งซ้ำเติมวิกฤตประเทศ
จับอารมณ์ของชาวบ้านเวลานี้ ยังมองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วนเท่ากับปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนไม่เดือดร้อนอะไร แต่คนที่เดือดร้อนคือ นักการเมืองที่หน้าด้าน ประพฤติตนไม่สุจริต และไร้จริยธรรม ดังนั้นจำเป็นต้องมีกลไกในรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงนี้เข้ากำราบ หากจะแก้ควรไปหาทางแก้ที่สันดานนักการเมืองดีกว่า
ขณะที่อีกฝ่ายก็พยายามอธิบายว่าที่ต้องแก้เพราะกติกาสูงสุดประเทศ ถูกออกแบบมาอย่างบิดเบี้ยวเพื่อสืบทอดอำนาจ เปิดช่องปราบฝ่ายตรงข้าม ทำให้การเมืองติดหล่มจากการให้อำนาจขององค์กรอิสระอย่างไร้ขีดจำกัด นำมาซึ่งนิติสงคราม การยุบพรรค ตัดสิทธิ์นักการเมือง ขัดหลักประชาธิปไตย ส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่ต่อเนื่อง
เหล่านี้คือ ความเห็นต่างที่รอวันปะทุและอาจปะทะในอนาคต ฉะนั้นทั้ง 3 พรรคจึงควรประกาศจุดยืนให้ชัดว่า จะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไร หมวดไหน-มาตราไหนจะแก้หรือไม่แก้อะไร เพื่อให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสถกแถลงคลี่ปมกันก่อนว่า แก้เพื่อใคร มีประโยชน์ต่อคนไทยจริงหรือไม่ เพราะแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ หากไม่พึงระวัง อีกมุมหนึ่งมันก็คือการเปิดประตูสู่ทางตันนั่นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี