ในการประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 80 (UNGA80) ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่หลายฝ่ายกังวลว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไม่ไปกล่าวปาฐกถาเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ และ ตอบโต้ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ฟ้องสหประชาชาติว่าประเทศไทยรุกรานรังแกกัมพูชาประเทศที่เล็กกว่า
ความจริงสถานการณ์เช่นนี้ถือว่าเป็นผลดีต่อประเทศไทย ที่นายกรัฐมนตรีไม่ไปต่อปากต่อคำต่อความสาวความยืดกับ ฮุน มาเนต และผู้แทนรัฐบาลกัมพูชา ในที่ประชุมสหประชาชาติ ดังที่รู้กันทั่วไปว่าการกล่าวคำปราศรัยในที่ประชุมสหประชาชาติ คือ การเปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกได้บ่น รำพึงรำพันถึงความทุกข์ยากลำบากในประเทศของผู้กล่าวคำปราศรัย หรือไม่ก็บ่นเรื่องประเทศของตนถูกรังแกจากประเทศโน้นประเทศนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ในที่ประชุมทนนั่งฟังโดยมารยาทปรบมือให้พอเป็นพิธี
แต่หากผู้นำชาติไหนรังแกประเทศอื่น จนเป็นที่น่ารังเกียจของสมาชิกส่วนใหญ่ก็อาจถูกฉีกหน้าโดยการวอล์กเอาท์จากที่ประชุม การฉีกหน้าครั้งใหญ่ในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งที่ 80 เกิดขึ้นเมื่อนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลจอมอหังการ ผู้สั่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์ตายไปแล้วกว่า 65,000 คน
ขณะที่นายเนทันยาฮู ขึ้นกล่าวคำปราศรัยในนาทีนั้น สมาชิกในที่ประชุมพากันเดินออกจากห้องประชุมกลุ่มใหญ่เท่าที่เห็นในเวทีมีไม่น้อยกว่า 50 คนถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่
จึงคาดการณ์ว่าหาก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาขึ้นกล่าวปาฐกถา ในขณะที่สมาชิกสหประชาชาติส่วนใหญ่ตระหนักว่า กัมพูชาเป็นแหล่งสแกมเมอร์ หรือ การฉ้อโกงหลอกทางไซเบอร์ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตระกูลฮุน ใช้ระบบเผด็จการครอบงำกัมพูชามาสี่ทศวรรษ มีรายได้หลักจากสแกมเมอร์ และบ่อนการพนัน และเกิดความขัดแย้งกับประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยปิดด่าน ตัดอินเตอร์เนต ตัดไฟ ห้ามไม่ให้นักพนันข้ามชายแดนไปเล่นการพนันในกัมพูชา ไม่แน่ว่าสมาชิกในที่ประชุมอาจประท้วงฉีกหน้าเหมือนที่ทำกับเนทันยาฮู
แต่หากมองอีกแง่มุมหนึ่งความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องเล็กน้อยหากเปรียบกับเหตุการณ์ในกาซา และสงครามในยูเครน ที่ยืดเยื้อย่างเข้าปีที่สี่ที่มีคนตายหลายแสนคน ส่งผลกระทบไปทั่วยุโรป อเมริกา และเอเชียบางส่วน สมาชิกส่วนใหญ่อาจปล่อยให้ฮุน มาเนต พล่ามไปตามประสาเขมรบ้าน้ำลาย
ทั้งหมดนี้ คือ ผลดีที่นายกรัฐมนตรีไทย ไม่ไปประชุมสหประชาชาติด้วยตนเอง และถือเป็นการเริ่มต้นดีที่รัฐบาลไทยมอบหมายให้ รัฐมนตรีต่างประเทศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 80
นายสีหศักดิ์เป็นลูกหม้อกระทรวงการต่างประเทศตั้งแต่ พลอากาศเอกสิทธิ เศวตศิลา เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ในรัฐบาล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์นายสีหศักดิ์ มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถที่จะยกระดับประเทศไทยให้กลับเข้าสู่สปอตไลท์ในเวทีโลกได้ หลังจากประเทศไทยเงียบหายไปจากสายตาชาวโลกมานานกว่าสองปี
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวภารกิจสำคัญของไทยในการประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 80 (UNGA80) ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ เพื่อนำเสนอและสรุปผลการหารือ และการเข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมคู่ขนานสำคัญๆ ของคณะผู้แทนไทย
ในส่วนของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยนั้น ในวันศุกร์ที่ 26 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่น นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางถึงนครนิวยอร์กโดยมีภารกิจสำคัญในสองเรื่องหลักๆ ดังนี้
ประการแรก ไทยต้องการกลับสู่จอเรดาร์โลก และแสดงวิสัยทัศน์และท่าทีต่อประชาคมโลกที่ยึดมั่นในหลักการสากลต่างๆ ทั้งในเรื่องที่ไกลตัว เช่น ยูเครน และตะวันออกกลาง และในเรื่องที่ใกล้ตัว เช่น เมียนมา และการดำเนินการของไทยต่อสถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ซึ่งวิสัยทัศน์และท่าทีของไทยจะปรากฎในถ้อยแถลงที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยจะกล่าวในสมัชชาสหประชาชาติในวันที่ 27 กันยายนนี้
ประการที่สอง รัฐมนตรีมีนัดหมายพบหารือกับบุคคลสำคัญต่างๆ เช่น เลขาธิการสหประชาชาติ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคี Ottawa Convention ในขณะนี้ไทยกำลังผลักดันในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ในฐานะประธาน UNSC เดือนตุลาคม 2568 รวมถึง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ และบุคคลอื่นๆ เช่น ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติว่าด้วยเมียนมา และข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนซึ่งการนัดหมายเหล่านี้ จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 กันยายนนี้
จากกำหนดการที่แถลงโดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะและแผนการเหนือชั้นของไทย ที่ไม่เน้นโวยวายเหมือนการทูตมวยวัดกัมพูชา การทูตอย่างมีวุฒิภาวะของนายสีหศักดิ์ คือเปิดฉากปาฐกถา ด้วยประเด็นที่ชาวโลกสนใจ เรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์ สงครามในยูเครน และเรื่องประเทศเพื่อนบ้านพม่า แล้วตบท้ายด้วยความขัดแย้งไทย-กัมพูชา โดยที่โฟกัสเรื่อง สแกมเมอร์ การฉ้อโกงหลอกลวงทางไซเบอร์และบ่อนการพนันซึ่งเป็นปัญหาระดับภูมิภาคที่กระทบถึงประเทศไทย
ประเด็นความขัดแย้งไทย-กัมพูชา แทนที่จะเถียงกับเขมรไร้สาระ นายสีหศักดิ์ พบปะทวิภาคีกับรัฐมนตรีการต่างประเทศญี่ปุ่น ในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคี Ottawa Conventionในขณะนี้ไทยกำลังผลักดันในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิด การพบกับรัฐมนตรีการต่างประเทศญี่ปุ่นเรื่องเขมรละเมิดข้อตกลงหยุดยิงลอบวางระเบิดสังหารบุคคล ละเมิดข้อตกลง Ottawa พูดกับญี่ปุ่นจบในรอบเดียว
ที่ประชุมสหประชาชาติ นายสีหศักดิ์ ยังได้ทวิภาคีกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน นายสีหศักดิ์ลูกหม้อกระทรวงการต่างประเทศต้องรู้ว่า ที่มาเลเซียถือหางตระกูลฮุนแบบหัวไม่วางหางไม่เว้นนั้นอาจเป็น เพราะสมเด็จฮุนเซน เป็นผู้ต่ออายุสัญญาให้ NagaWorldHotel&EntertainmentComplex โรงแรมกาสิโน 5 ดาวของนายทุนมาเลเซีย จาก 30 ปีเป็น 70 ปี โรงแรมกาสิโน 5 ดาวแห่งเดียว ในกรุงพนมเปญเดิมทีเจ้านโรดม รณฤทธิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ของกัมพูชา ทำสัญญาให้ Naga World 30 ปี
หลังจากฮุนเซน นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ทำปฏิวัติรัฐประหารนองเลือดปี 2540 ฮุนเซน กดดันไม่ยอมให้โรงแรมกาสิโนของนักลงทุนมาเลเซีย ดำเนินตามข้อตกลงกับ เจ้ารณฤทธิ์ ฮุนเซนกดดันจนนายทุนมาเลเซียมีข้อเสนอใหม่สุดท้ายฮุนเซนต่อสัญญาให้ NagaWorld ดำเนินกิจการจาก 30 ปีเป็น 70 ปี
รายได้มหาศาลจากโรงแรม+บ่อนการพนัน ที่แบ่งกันระหว่างระบบฮุนเซน กับนักลงทุนชาวมาเลเซีย อาจทำให้นายอันวาร์ตาลาย ลืมความเป็นกลางในฐานะประธานหมุนเวียนอาเซียนไปก็ได้ การพบกันระหว่างนายสีหศักดิ์กับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียในนิวยอร์กอาจช่วยให้นายอันวาร์ หูตาสว่างขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย
การพบปะกับผู้แทนพิเศษเลขาธิการสหประชาชาติ ในกิจการพม่า ก็เป็นภารกิจทางการทูตทำให้ประเทศไทยอยู่ในเรดาร์ในสายตาโลก ที่สำคัญคือการที่รัฐมนตรีต่างประเทศไทยได้พบกับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียในฐานะประธาน UNSC หรือ สภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เดือนตุลาคม 2568 ถือเป็นความสำคัญที่สุดในการเดินทางไปนิวยอร์ก
การทวิภาคีกับประธานสภาความมั่นคงสหประชาชาติ ย่อมมีความหมาย นอกจากพูดจากันในประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกรวมทั้งความขัดแย้งในภูมิภาคอาเซียน ตลอดถึงวิกฤตการเมืองในพม่าที่ไทยต้องมีบทบาทสำคัญในขณะที่พม่าจัดการเลือกตั้งปลายปีนี้และต้นปีหน้า นอกจากนั้นยังได้พูดกันเรื่องความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
จึงสรุปว่าการที่รัฐบาลไทยให้รัฐมนตรีการต่างประเทศ ผู้มีประสบการณ์มีความเชี่ยวชาญทางการทูตระดับโลกมานาน ไปประชุมสหประชาชาติ ย่อมดีกว่าให้นายกรัฐมนตรีไทยลดตัวลงไปต่อปากต่อคำกับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีฝึกงานที่ยังคลานตามหลังบิดาผู้ไม่รู้คุณค่าความเป็นคนด้วยซ้ำ
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี