การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาได้จบไปแล้วเมื่อวันที่ 29-30 กันยายนที่ผ่านมา แม้บางช่วงบางตอนต้องทนดูการละคร และการแสดงพฤติกรรมน้ำเน่า อวดอ้างวาทะโวหารบ้างก็เป็นไปตามคุณภาพ แต่ก็มีประเด็นควันหลงที่สมควรได้รับการติดตาม และตรวจสอบข้อเท็จจริงกันต่อไป ไม่ควรจะให้มันจบไปพร้อมๆ กับการปิดการอภิปรายครั้งนี้
ข้อดีของผีเห็นผีในสภาก็คือ ต้องดูตอนที่เขาสาวไส้กันเอง แบบนี้ชาวบ้านชอบมากแฉกันออกมาเลย เยอะเท่าไหร่ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเท่านั้น จะได้รู้เช่นเห็นชาติ รู้นิสัยสันดานว่าใครหักหลังใคร ใครเล่นเกมอะไรจนทำให้ชาติบ้านเมืองเจอวิกฤตทางตัน ต้องตกอยู่ในสภาพเป็ดง่อย ทุลักทุเลยิ่งกว่าคนป่วยติดเตียง จากการช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง
อย่างน้อยๆ ก็มีอยู่ 2 เรื่องน่าคิดและติดตาม เรื่องแรกคือ ประเด็นที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตอบโต้ดุเดือดกับน.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ที่พยายามใช้วาทกรรมเชื่อมโยงให้คิดว่า นายอนุทินกับฮุนเซนนั้นน่าจะรู้เห็นอะไรกันหรือไม่ เพราะตั้งรัฐบาลใหม่ตามลมปากของผู้นำกัมพูชาที่เคยทำนายไว้อย่างแม่นยำ
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ถูกนายอนุทิน แฉกลับเบื้องหลังอย่างหมดเปลือก ในฐานะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ว่า ไม่รู้จักฮุนเซนเป็นการส่วนตัว พบกันครั้งแรกตอนไปเยือนเขมรกับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อเดือนเม.ย.ปี’68 และมารู้ทีหลังเพราะมีคนโทรฯมาบอกว่าเหตุที่ไม่ได้เข้าไปประชุมหลายที่เพราะเขาแจ้งผู้นำกัมพูชาว่าจะปลดพ้น มท.1 ที่เป็นอยู่ตอนนั้น
แล้วในที่สุดนายอนุทิน ก็ถูกบีบให้ต้องพ้นจากรัฐบาล หลังน.ส.แพทองธารและเลขาธิการนายกฯ ได้แจ้งยืนยันขอยึดคืนเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย โดยแลกกับกระทรวงสาธารณสุขด้วยเหตุผลว่า อยากได้คืนเพราะใกล้เลือกตั้งแล้ว พอดีกับมีคลิปเสียงฮุนเซนหลุดออกมานายอนุทินจึงใช้โอกาสวันนั้นถอนตัว และกลายมาเป็นนายกฯ คนที่ 32 ในปัจจุบัน
อีกเรื่องที่น่าติดตาม กรณีที่นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้กล่าวตอบข้ออภิปรายของสมาชิกรัฐสภาเรื่องการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์โดยอ้างถึงข้อมูลว่า มีการติดต่อตนมาทางอ้อมผ่าน “เพื่อนสมาชิก”เสนอสินบนเดือนละ 40 ล้านบาท แลกกับการปล่อยผีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์ผิดกฎหมาย
ข้อเสนอนี้ นายไชยชนก ยืนยันว่า เขาได้ปฏิเสธไปแล้ว พร้อมกับตั้งคำถามว่าขนาดยังไม่ทันเข้ารับตำแหน่งก็มีคนมาติดต่อ ทำให้สงสัยว่าประเพณีปฏิบัติของ รมว.ดีอี ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ซึ่งในเวลาต่อมานายไชยชนก ได้สั่งการให้สอบสวนข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน ลุยสาวหาตัวบงการแล้ว ยังไม่รู้จะทำได้แค่ไหน แต่เป็นเรื่องใหญ่โตพอสมควร
ทั้ง 2 เรื่อง 2 เหตุการณ์ดังกล่าวแม้เกิดขึ้นต่างเวลา ต่างสถานที่ และข้อเท็จจริงต่างกัน แต่ก็มาจากวงจรการเมืองเหมือนกันถึงจะเป็นแค่ตัวอย่างเศษเสี้ยวเล็กๆ แต่มันสะท้อนให้เห็นด้านสว่าง และด้านมืดของระบบการเมืองไทยได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่บ้านเมืองของเราผ่านมากี่ปีๆ ก็ยังติดหล่มอยู่แบบนี้ และเจอวิกฤตทางตันอยู่เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี