วันพุธ ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568
อีกกี่วันอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีที่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยจะประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร คำถามนี้ถูกถามมากขึ้นเป็นลำดับหลังจากเกิดปัญหาวิกฤตมหาอุทกภัยที่หาดใหญ่ และหลายจังหวัดในภาคใต้
ทั้งนี้คอการเมืองต่างก็บอกตรงกันว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุผลสำคัญคือ เมื่ออนุทินเป็นผู้ประกาศยุบสภาฯ แต่ถามต่อไปว่าแล้วอะไรคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้อนุทินต้องประกาศยุบสภาฯ ก็ตอบได้ว่า หากฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามมาตรา 151 ก็หมายความว่าอนุทินไม่มีทางปล่อยให้ตนเองถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเด็ดขาด เพราะจะกลายเป็นว่าอนุทินจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนแรกที่ตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะถูกคว่ำกลางสภา
แต่การยุบสภาฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นการชิงไหวชิงพริบการเมืองอย่างเข้มข้น เท่าที่เห็นกันนั้น การประกาศยุบสภาฯ จะกระทำต่อเมื่อพรรครัฐบาลมีความได้เปรียบเหนือกว่าพรรคคู่แข่งทางการเมือง แล้วก็มักจะกระทำต่อเมื่อพรรครัฐบาลประเมินสถานการณ์แล้วพบว่าตนเองมีคะแนนนิยมทางการเมืองเหนือกว่าคู่ต่อสู้
หลายคนคงเคยได้ยินแล้วว่าอนุทินเคยบอกว่าไม่มีวันยอมให้ตนเอง และรัฐบาลของตนถูกคว่ำกลางสภาผู้แทนราษฎรเพราะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นอันขาด เนื่องจากตนเองเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ดังนั้นหากปล่อยให้อภิปรายฯ ตามมาตรา 151 ก็หมายความว่าต้องแพ้กลางสภาอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะตนเองเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย
แต่แล้วทำไมเมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สังคมจึงได้ยินอนุทินพูดว่าการประกาศยุบสภาฯ ในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาสมัยประชุมสามัญ ครั้งที่ 2พ.ศ. 2568 กับการยุบสภาฯ ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2569 ก็ไม่ต่างกันมากนัก แต่ก็ต้องบอกว่าการที่อนุทินพูดเช่นนั้น เป็นเพราะว่าในวันที่เขาพูดเรื่องดังกล่าว ยังไม่เกิดปัญหามหาอุทกภัยในหาดใหญ่ แต่เมื่อเกิดมหาภัยพิบัติในหาดใหญ่ ทำให้คะแนนนิยมทางการเมืองของอนุทินเสื่อมทรุดลงไปโดยพลันดังนั้น ก็จึงบังเกิดเรื่องน่าอัศจรรย์ใจขึ้นมา เพราะมีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. 2568 ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2568 และเป็นที่น่าสังเกตว่าในราชกิจจานุเบกษา ฉบับเดียวกัน มีการระบุพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2568 โดยเริ่มสมัยประชุมวันที่ 12 ธันวาคม 2568
ในส่วนของพรรคการเมืองที่จะยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็คือพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็ต้องถามว่าแล้วพรรคเพื่อไทยยังยืนยันจะยื่นเปิดอภิปรายฯหรือไม่ เพราะในช่วงประมาณเกือบๆ 1 เดือนที่ผ่านมาก็มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายฯ รัฐบาลอนุทินอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายก็ไม่มีการยืนยันหนักแน่นว่าจะยื่นอภิปรายฯ หรือไม่ จนมาเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะน้ำท่วมใหญ่มากที่หาดใหญ่ สงขลา ก็ทำให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยชะงักเรื่องยื่นอภิปรายฯ ไปทันที แล้วก็มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ยื่นอภิปรายฯ โดยใช้ข้ออ้างว่าเวลาไม่เหมาะสมเพราะมีปัญหาน้ำท่วมขั้นวิกฤตในหาดใหญ่ และอีกหลายจังหวัดในภาคใต้ ส่วนอนุทินก็บอกว่าการเปิดอภิปรายฯ ในช่วงที่กำลังเกิดมหาวิกฤตการณ์น้ำท่วมภาคใต้ จะทำให้ประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัสประสบความยากลำบากในการดำเนินชีวิตมากกว่าเดิม แต่หากยังมีการเปิดอภิปรายฯ รัฐบาลก็จำเป็นต้องพร้อมรับมือ เพราะไม่มีทางเลือกอื่น
ส่วนพรรคเพื่อไทย โดยหัวหน้าพรรค จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ บอกว่ายังคงติดตามการทำงานของรัฐบาลตลอดเวลา แต่ในช่วงนี้ขอยังไม่พูดเรื่องยื่นอภิปรายฯ เพราะเวลายังไม่เหมาะสม อยากให้รัฐบาลมีสติและสมาธิในการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้ได้อย่างเต็มที่ แล้วจึงจะกลับมาพิจารณาอีกทีว่าจะดำเนินการอย่างไรกับการเปิดอภิปรายฯ
เมื่อดูท่าทีของพรรคเพื่อไทยและท่าทีของอนุทินแล้วก็บอกได้ว่ายังคงเล่นเกมการเมืองกันตลอดเวลา อนุทินก็ไม่พูดตรงๆ เรื่องประกาศยุบสภาฯ ส่วนเพื่อไทยเองก็ไม่พูดตรงๆ เรื่องนี้ แต่การที่ทั้งสองฝ่ายทำเสมือนอมพะนำมันก็คือการเล่นเกมการเมือง แต่ที่ต้องย้ำคือทั้งเพื่อไทยและภูมิใจไทยก็น่าจะอยู่ในสภากลืนไม่เข้า คายไม่ออกด้วยกันทั้งคู่ เพราะต่างฝ่ายต่างมีแผลเต็มตัว ดังนั้น จึงต้องคิดให้ดีว่าการเปิดอภิปรายฯ แล้วจะให้ผลดีกับตนเองหรือยิ่งทำให้ตนเองเลวร้ายหนักกว่าเดิมอีกหลายเท่า ดังนั้น การยุบสภาฯ จะเกิดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการชิงไหวชิงพริบหาคะแนนการเมืองของทั้งเพื่อไทยและภูมิใจไทย


เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี