วันอังคาร ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ขณะที่กลไกทางการเมืองและด้านความมั่นคงเทน้ำหนักไปอยู่ที่ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างเป็นด้านหลัก ปรากฏว่าไฟใต้ได้ลุกโชนขึ้นมาอีก หลังคนร้ายก่อเหตุสร้างสถานการณ์ต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของ จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส ทำให้ปัญหาความไม่สงบใน3 จังหวัดชายแดนใต้ กลับมาถูกตั้งคำถามอย่างน่ากังวลอีกครั้ง
ที่อุกอาจมากสุดคือ เหตุการณ์กลุ่มคนร้ายแต่งกายชุดดำ พร้อมอาวุธปืนครบมือ บุกปล้นร้านทองภายในห้างที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อเย็นวันที่ 5 ต.ค.2568 ที่ผ่านมา โดยคนร้ายเกือบ 20 คน วางแผนปล้นกันมาเป็นอย่างดี ได้ทองรูปพรรณไปราว 600 บาท มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท มีข่าวว่ากลุ่มคนร้ายได้หลบหนีข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
นอกจากนั้น ยังมีเหตุการณ์ก่อกวนอื่นๆตามมาอีกหลายระลอก เช่น วางระเบิดตู้เอทีเอ็มหน้ามหาวิทยาลัยฟาฏอนี ในจ.ปัตตานีวางระเบิด 3 ลูกหน้าศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา ที่ จ.ยะลา ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือบุกเผารถตู้ภายในวัดบางปอ อ.เมือง จ.นราธิวาส ในคืนออกพรรษา และล่าสุดวางระเบิดป่วนพื้นที่เมืองยะลา คืนเดียว 8 ลูก
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นภายในสัปดาห์ เดียว ได้ตอกย้ำความรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะเหตุการณ์ปล้นทองนั้น ถูกสรุปว่าเป็นฝีมือของกลุ่ม BRN หาเงินทุนหนุนผู้ก่อความไม่สงบ เนื่องจากการก่อเหตุเป็นลักษณะเดียวกันที่เคย ปล้นตู้เอทีเอ็มหลายจุดเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมาและปล้นห้างทองมูลค่ากว่า 60 ล้านบาทที่จ.สงขลา เมื่อปี 2562
หากวิเคราะห์จากสถานการณ์ในพื้นที่ ก็มีคำถามตามมามากมายว่า การวางแผนปล้นใหญ่ระดับนี้ มีคนเกี่ยวข้องจำนวนมาก ข่าวกรองมีการแจ้งเตือนหรือไม่ การขนทองคำหลบหนีข้ามแดนหลังก่อเหตุทำได้ง่ายขนาดนั้นจริงหรือเล็ดลอดสายตาของเจ้าหน้าที่ไปได้อย่างไรที่สำคัญคือถ้าจับไม่ได้ ต่อไปมันจะมีปล้นสะท้านเมืองแบบนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่
จริงอยู่ สถานการณ์ไฟใต้มีหลายปัจจัยที่ทำให้ปัญหายืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ปัญหาที่วนเวียนซ้ำเดิมก็คือ อำนาจรัฐล้มเหลวทุกครั้งที่ฝ่ายการเมืองอ่อนแอ นโยบายไม่มีความชัดเจนและไม่จริงจังเข้าไปแก้ไขปัญหา หรือมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจความรับผิดชอบทางทหารในพื้นที่ กลุ่มคนร้ายก็มักจะใช้ช่วงรอยต่อนี้ก่อเหตุขึ้นเสมอ
สำหรับรัฐบาลชุดใหม่นี้ มีการเขียนนโยบายเร่งแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้แบบสั้นๆ ในภาพรวมกว้างๆ ตามเงื่อนไขอายุของรัฐบาล ไม่มีรายละเอียดชัดเจนอะไรที่เห็นเป็นรูปธรรมคือ แต่งตั้งให้ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ หลังจากว่างเว้นมานานกว่า 1 ปี
อย่างไรก็ตาม การสร้างกลไกเจรจาสันติภาพนั้น เป็นอีกแนวทางที่ฟังดูดี และถือเป็นยาสามัญของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะที่ผ่านมา หรือแม้แต่ในรัฐบาลชุดก่อนก็ยังยอมรับว่า อุปสรรคสำคัญคือ ไม่รู้ว่าใครคือตัวจริงที่จะเจรจาได้ ทำให้ปัญหาไฟใต้รอการปะทุตามจังหวะและโอกาส ฉะนั้นนี่คือโจทย์ใหญ่เร่งด่วนที่ต้องจับตาดูว่า ภายใน 4 เดือนนี้รัฐบาลใหม่ และกองทัพจะเอาอยู่หรือไม่

ชาวบ้านโวย! คอสะพานขาดหลังน้ำท่วมหลายเดือนยังไม่มีหน่วยงานใดมาซ่อม สัญจรลำบาก
ฝรั่งแว๊นหวาดเสียว!! ไม่สนความปลอดภัยคนอื่น ชาวบ้านร้องเพจดังจี้ตร.ตรวจสอบ
'แม่ทัพกุ้ง'ลุยภูเก็ต ร่วมบรรยายพิเศษ Thai DNA หัวใจเพื่อแผ่นดิน
วิกฤตน้ำซึม! เจ้าพระยาที่อ่างทองสูง 9.60 ม. เจ้าของบ้านผวาน้ำมุดใต้เขื่อนท่วม หอบของไปนอนริมถนน
สุดโหด! เกิดเหตุจลาจลในเรือนจำ'เอกวาดอร์' นักโทษดับ 31 ราย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี