 วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
                วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
             
							วันนี้วันที่ 31 ตุลาคม พรรคเพื่อไทยจะมีประชุมใหญ่วิสามัญ เลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ แทน “แพทองธาร ชินวัตร” ที่ต้องจำใจลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมาเพราะมีชนักติดหลังมาจากการที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยฐานความผิดฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณี “คลิปอัปยศ” อันเป็นข้อห้ามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (5)
หากดันทุรังอยู่ต่อไม่ยอมลาออก ก็เสี่ยงกับการที่จะถูกยื่นร้องให้ สส.ของพรรคเพื่อไทยซึ่งจะได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาเป็น สส.ในการเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ เนื่องจากก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคจะต้องเซ็นรับรองผู้สมัคร สส.ของพรรคทุกคน ถ้าหลังการเลือกตั้งหากมีใครยื่นร้อง ก็มีโอกาสที่ สส.ที่ได้รับเลือกเข้ามาต้อง “ปลิว” ไปทั้งหมด
การลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนที่ 8 ของ “แพทองธาร ชินวัตร” จึงไม่ใช่เหตุผลอะไรอื่น นอกจากเป็นการป้องกันล่วงหน้า เพื่อที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบในอนาคต ซึ่งเหตุผลที่ “แพทองธาร”หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนที่ 8 ระบุไว้ในจดหมายถึงสมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนพรรค ว่าเป็นการเริ่มต้นของกระบวนการ “ยกเครื่องพรรค” ที่มีผลต่อเนื่องมาจากวันที่ 7 ตุลาคม 2568 นั้น ก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่ทำให้ฟังแล้วดูมีเป้าหมาย
หากย้อนไปดูในวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ในวันที่“แพทองธาร ชินวัตร” แสดงปาฐกถาต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทยเหมือนงานอีเว้นท์สร้างภาพ เพื่อแสดงความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้ง พร้อมทั้งเปิดตัวผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส.ของพรรคเพื่อไทยจากทั่วประเทศลอตแรกจำนวน 185 คน โดยเธอสวมชุดแดงยืนอยู่กลางเวที ขณะที่ลูกพรรคทุกคนสวมเสื้อสีขาวนั่งฟัง
“นายน้อยหญิง” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้านั้น ไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งบอกว่า “แพทองธาร” จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ถ้อยคำที่ “แพทองธาร ชินวัตร” กล่าวบนเวทีที่มีไฟสปอตไลท์ฉายจับอย่างเด่นแดง ล้วนเป็นคำมั่นและปลุกเร้าเพื่อสกัดไม่ให้สถานการณ์ของพรรคเลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่ จากภาวะ “เลือดไหล” ไม่หยุด ในหัวข้อ “ยกเครื่องเพื่อไทย-ยกเครื่องประเทศไทย”
“แพทองธาร ชินวัตร” เปิดประเด็นว่า การกลับมายืนบนเวทีใหญ่ในรอบเดือนเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงมากมาย วันนี้ได้กลับมามองหน้ากันด้วยใจถึงใจอีกครั้ง ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงมากมายทางการเมือง รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำไม่ได้ไปต่อ และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าสู่เรือนจำ ในท่ามกลางเสียงที่บอกว่าพรรคเพื่อไทยมาถึงทางตัน พรรคเพื่อไทยตายแน่นอน และพรรคเพื่อไทยสูญพันธุ์แน่นอน นั้น “แพทองธาร” กล่าวว่า “ดิฉันไม่เคยเชื่ออย่างนั้นเลย ดิฉันไม่เคยคิดอย่างนั้น เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยจะสูญพันธุ์ พรรคเพื่อไทยสูญพันธุ์ไปนานแล้ว”
ทั้งนี้ “แพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 และนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งบังคับโทษเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ให้กลับเข้าไปติดคุกในเรือนจำอีกครั้งเป็นเวลา 1 ปี ยังได้กล่าวด้วยว่า
“เราเป็นพรรคการเมืองที่มีผลงานเป็นรูปธรรมมากที่สุด และต้องเผชิญชะตากรรมทางการเมืองสาหัสที่สุด พรรคนี้โดนรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้ง ถูกยุบพรรคไปแล้ว 2 พรรค กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิทางการเมืองเกือบ 200 คน ปลดนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งถึง 6 คน โดยที่ผู้ที่ก่อรัฐประหารไม่ต้องคดี แต่ผู้ที่ก่อตั้งพรรคนี้ถูกจองจำ”
อย่างไรก็ตาม การกล่าวปลุกเร้าพลพรรคเพื่อไทยของ “แพทองธาร ชินวัตร” เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 พร้อมทั้งได้ประกาศแต่งตั้ง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง โดยไม่มีสัญญาณบ่งบอกมาก่อนว่าเธอจะตัดสินใจลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 จนกระทั่งนำมาสู่การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ในวันที่ 31 ตุลาคมวันนี้ เธอได้กล่าวเหตุผลในการลาออกตามที่ระบุไว้ในจดหมายเปิดผนึกถึงสมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนพรรค-ว่า
“ดิฉันเชื่อมั่นว่า การเปลี่ยนแปลงพรรคเพื่อไทยต้องเริ่มต้นโดยเร็วที่สุด ดิฉันจึงเลือกการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคยกเครื่องได้อย่างอิสระ และสร้างพรรคใหม่ที่สมบูรณ์แบบ แม้ดิฉันลาออกในวันนี้ แต่ดิฉันยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และจะร่วมกับพวกเราทุกคน สร้างพรรคเพื่อไทยยุคใหม่ ที่พร้อมจะยืนเคียงข้างประชาชน และทำงานอย่างเข้มแข็งเพื่อประเทศชาติที่รักของเราทุกคน”
สำหรับอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เคยมีมาแล้ว8 คน ประกอบด้วย คนแรกซึ่งไม่ได้มีความหมายอะไรเพียงแค่เป็นขัดตาทัพช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างการเปลี่ยนจากพรรคประชาชนที่ถูกยุบพรรค มาเป็นพรรคเพื่อไทยในเดือนกันยายนปี 2550 คือ นายบัณจงศักดิ์ วงศ์รัตนวรรณ เลขานุการส่วนตัวของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และลำดับถัดๆ มา จากนายบัณจงศักดิ์ ก็เป็น นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช, นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ,พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ที่เพิ่งจะเสียชีวิตในวัย 91 ปี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา, นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เพิ่งจะไขก๊อกลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปสดๆ ร้อนๆ, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร
การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ในวันนี้ ไม่ว่าจะได้ใครมาเป็นหัวหน้าพรรค เจ้าของพรรคก็ยังเป็น “ทักษิณ ชินวัตร” ดังเดิม และคนที่ใหญ่กว่าหัวหน้าพรรคก็คือ “แพทองธาร ชินวัตร”ผู้เป็นทายาทเจ้าของ ซึ่งนั่งในตำแหน่ง “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย !”
รุ่งเรือง ปรีชากุล

 โรงเพาะเชื้อชังชาติ? อีกหนึ่งฉากโศกนาฏกรรมรั้วมหาวิทยาลัยไทย
										โรงเพาะเชื้อชังชาติ? อีกหนึ่งฉากโศกนาฏกรรมรั้วมหาวิทยาลัยไทย
									 เปิดภารกิจ'นายกฯ'ร่วมเวทีเอเปควันนี้ เตรียมหารือทวิภาคี 'สี จิ้น ผิง' ปธน.จีน
										เปิดภารกิจ'นายกฯ'ร่วมเวทีเอเปควันนี้ เตรียมหารือทวิภาคี 'สี จิ้น ผิง' ปธน.จีน
									 ปัญหารุมเร้ารัฐบาล! วิกฤตความเชื่อมั่น-กระแสนิยม'เปลี่ยน'
										ปัญหารุมเร้ารัฐบาล! วิกฤตความเชื่อมั่น-กระแสนิยม'เปลี่ยน'
									 อุตุฯประกาศฉบับ 8 อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทย
										อุตุฯประกาศฉบับ 8 อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทย
									 เตือน 10 จว.รับมือ! เช็คอากาศวันนี้ ทั่วไทยฝนตกหนักบางแห่ง
										เตือน 10 จว.รับมือ! เช็คอากาศวันนี้ ทั่วไทยฝนตกหนักบางแห่ง
									
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี